DeLorean พร้อมชน Porsche Taycan เตรียมออกรถรุ่นใหม่ ที่มีพิสัยการวิ่ง 483 กิโลเมตร ในปี 2024
- โดย : PR Autodeft
- 31 พ.ค. 65 00:00
- 5,308 อ่าน
รถรุ่น Alpha 5 จะเป็นเรือธง ที่จะปลุกแบรนด์ DeLorean ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และยังจะตามมาด้วยรถ V8 คูเป้, รถซาลูนไฟฟ้า และรถ SUV ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งทั้งหมดกำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน
เป็นข่าวดีเมื่อได้ทราบว่า แบรนด์ DeLorean ได้กลับมาแล้ว และพวกเขากำลังเตรียมความพร้อมที่จะเป็นผู้แข่งขันกับแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย โดยการเตรียมส่งรถใหม่หลากหลายประเภท ที่จะครอบคลุมการใช้งานในเซกเมนต์ต่างๆ และมีระบบส่งกำลังที่หลากหลาย
ซึ่งการกลับมาของแบรนด์ในครั้งนี้ จะใช้ฐานปฏิบัติการในสหรัฐฯ ซึ่งนำโดย Joost de Vries - CEO ผู้ที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของแบรนด์ดังอย่าง Tesla และ Karma มาแล้ว
โดยเขาได้เข้ารับตำแหน่งต่อจากอดีตผู้บริหารชาวอังกฤษ อย่าง Stephen Wynne ซึ่งทำหน้าที่ดูแล DeLorean เกี่ยวกับงานบริการหลังการขายมาตั้งแต่ปี 1995 ซึ่งเป็นการเข้ามารับสิทธิ์ในเวลาหลังจากที่ DeLorean นั้นได้ล่มสลายลง
รถตัวกลั่นในการกลับมาแจ้งเกิดใหม่ของแบรนด์ คือ รถ BEV แบบคูเป้ ที่โดดเด่นด้วยสัดส่วนสไตล์สปอร์ตที่โฉบเฉี่ยว ซึ่งดูแล้วห่างไกลจากรถรูปทรงลิ่มที่มีขนาดกะทัดรัดอย่าง DeLorean DMC รุ่นปี 1981
รถรุ่นนี้จะถูกเรียกชื่อว่า Alpha5 โดยมันจะถูกเปิดตัวที่ Pebble Beach ในเดือนสิงหาคม ก่อนที่จะเข้าสู่สายผลิตในปี 2024
ในเรื่องของประสิทธิภาพภาพนั้น มันจะมีความทัดเทียมกับ "Mercedes-AMG GT และบางทีอาจจะเทียบได้กับรถ Porsche Taycans ที่หรูหราอลังการยิ่งกว่า" ซึ่ง de Vries ได้กล่าวกับสื่อว่า "แต่บางทีมันอาจเหมาะในการเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน มากกว่าที่จะพยายามเป็น Tesla Model S Plaid ที่มีความเร็วมากขึ้น"
รถจะสามารถทำความเร็วจาก 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาประมาณ 3.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดไม่เกินที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีพิสัยการเดินทางได้ไกลกว่า 483 กิโลเมตร จากข้อกำหนดของสำนักงาน EPA แห่งสหรัฐฯ de Vries ได้กล่าวต่อไว้
de Vries ยังคงปิดปากเงียบ เมื่อกล่าวถึงเรื่องของโครงสร้างในกระบวนการผลิตของรถ โดยเขาพูดได้เพียงว่า "รถกำลังผลิตขึ้นในอิตาลี โดยการจ้างเอ้าท์ซอร์สมา และเรายังมีพันธมิตรบางส่วนในสหราชอาณาจักรสำหรับงานด้านระบบส่งกำลัง"
ในขั้นต้นนี้ de Vries ได้บอกไว้ว่า รถจะออกจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 88 คัน ซึ่งมีความหมายถึงความเร็วที่ใช้สำหรับการเดินทางข้ามเวลา ในภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง Back To The Future ที่ออกฉายเมื่อปี 1985 ซึ่งเป็นภาพยนต์ที่ DMC ได้แสดงนำจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
โดยรถแต่ละคันจะทำหน้าที่เป็น avatar ที่เกี่ยวข้องกับ NFT ซึ่งนั่นหมายความว่า มันจะไม่ใช่รถที่ต้องลงทะเบียนสำหรับการวิ่งบนท้องถนนทั่วไป และเหมาะสำหรับการใช้งานในสนามเท่านั้น และเนื่องจากรถจะถูกผลิตออกมาในจำนวนไม่มาก ทำให้กระบวนการผลิตและการทำตลาดนั้นจะเป็นไปแนวทางตามอัตภาพมากยิ่งขึ้น และรถจะผ่านกระบวนการรับรองมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการใช้บนท้องถนนอย่างถูกกฎหมายอีกด้วย
แต่กระนั้น รายละเอียดทางเทคนิคที่ออกมาก็ยังคงน้อยอยู่ หากแต่อิทธิพลการออกแบบที่ได้รับจากรถรุ่นออริจินัลนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน
ดูได้จากแถบไฟรูปทรงบางเฉียบที่บริเวณปลายของแต่ละด้าน อันเป็นการสื่อถึงมรดกของแบรนด์ในช่วงทศวรรษที่ 1980 ในขณะที่บานเกล็ดตรงหน้าต่างด้านหลัง รวมทั้งล้อสไตล์กังหัน และประตูแบบปีกนก ก็เป็นฟีเจอร์อันโดดเด่นบางอย่างที่นำมาจาก DMC อันที่จริงแล้ว รถรุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบโดย Italdesign ซึ่งเป็นบริษัทรับออกแบบของอิตาลี ที่ดำเนินการโดย Giorgietto Giugiaro ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด DMC
“ในอิตาลี พวกเขาไม่เคยหยุดออกแบบ DeLoreans เลยจริงๆ ซึ่งมันเยี่ยมมาก” de Vries เปิดเผยให้เราได้ฟัง โดยเมื่อมองย้อนกลับไปที่ภาพสเก็ตช์ในเอกสารสำคัญของบริษัทฯ เหล่าบรรดาบอสของบริษัทฯมักจะพูดกันแต่เรื่องของ "การผลิตรถซาลูนใหม่ๆ หรือพูดคุยเกี่ยวกับรถคูเป้ ไม่ก็รถบัสที่วิ่งอยู่ในเขตเมือง และรถ SUV" de Vries กล่าว “คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าบริษัทฯได้หยุดผลิตรถไปแล้ว”
ตอนนี้ DeLorean ตั้งเป้าที่จะนำรถที่อยู่ในแผนการออกมาสู่สายการผลิตจริง โดยพวกเขาได้แตกรถออกไปเป็นกลุ่มต่างๆ นอกเหนือจากรถคูเป้รุ่นเรือธงที่ได้กล่าวไปแล้ว โดยพวกเขาจะกำหนดเป้าหมายปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะรถในกลุ่มรุ่นที่เป็นมิตรกับตลาดกระแสหลัก
รถรุ่นถัดไปที่จะออกมา คือ รถสปอร์ตคูเป้ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 แล้วตามมาด้วยรถเก๋งไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ และรถรุ่นสุดท้ายที่มีความสำคัญที่สุดของแผนการสร้างแบรนด์ในความคิดของ DeLorean คือรถสปอร์ต SUV ระดับพรีเมียม ที่มีระบบส่งกำลังที่ใช้พลังงานจากไฮโดรเจน
“เราต้องการขายรถ SUV ให้ได้จำนวนมาก” de Vries กล่าว “จากการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ คือ รถ SUV จะถูกเปิดตัวอย่างออกมาอย่างเร็วที่สุด หลังจากที่เราเปิดตัวรถรุ่น Alpha5 ไปแล้ว แต่ยังไงเราก็ต้องเน้นไปที่ Alpha5 นั้นก่อน”
หลังจากที่เราให้ดูภาพพรีวิวภายหลังการเปิดตัวรถสไตล์คูเป้ที่ Pebble Beach แล้ว ทำให้เห็นว่ารถโมเดลที่ใหญ่ขึ้นนี้จะมีขนาดที่เหมาะกับการแข่งขันในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่นั้นอยู่ในสหรัฐฯ ที่มีรถ SUV สุดหรูขนาดฟูลไซส์มากมาย เช่น BMW X7 และ Cadillac Escalade แต่ยังคงมีความเชื่อมโยงในเรื่องของสไตล์ที่ชัดเจนกับรถรุ่นเด่นของเรา โดยรถ SUV ของเรานั้น จะใช้พลังงานจากระบบส่งกำลังที่มาจากไฮโดรเจน เหตุเพราะ DeLorean "ไม่เชื่อว่าแบตเตอรี่ คือ เป้าหมายสุดท้าย" นั่นเอง
แต่ไม่ว่าสิ่งนี้จะอยู่ในรูปแบบของระบบไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง หรือเครื่องยนต์สันดาปก็ตาม แต่ de Vries ก็เชื่อมั่นในความเชื่อของเขาว่า "คงไม่สามารถเลือกใช้เพียงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง" เมื่อพูดถึงการเลิกใช้เชื้อเพลิงที่มาฟอสซิล
ภายหลังการระดมทุนรอบแรกเสร็จสมบูรณ์ การระดมทุนครั้งต่อไปของ DeLorean จะมุ่งไปที่การเสนอขายหุ้น ซึ่งอาจมีขึ้นในเดือนสิงหาคม de Vries อธิบายว่า “เราจะเป็นบริษัทฯมหาชน และจำเป็นเราต้องเป็น เพราะการสร้างรถยนต์นั้นราคาไม่ถูก และคุณต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อทำให้มันเกิดขึ้น”
ทำไม DeLorean ถึงเปลี่ยนแทคติก
การกลับมาของ DeLorean นั้น ในตอนแรกมีการวางแผนที่จะเริ่มต้นด้วยรถในซีรีส์ของรุ่น DMC ที่มีการออกแบบที่ทันสมัย ซึ่งมีความต่อเนื่องมาจากอดีต โดยจะผลิตขึ้นตามการปรับเปลี่ยนที่ถูกเสนอให้กับหน่วยงาน US legislation ที่จะอนุญาตให้รถยนต์ที่มีปริมาณการผลิตต่ำ สามารถเลี่ยงกฎหมายที่คล้ายคลึงกันได้
อย่างไรก็ตาม Joost de Vries ก็ได้อธิบายไว้ว่า “ในเวลานั้น ฝ่ายบริหารของโอบามาไม่ได้ให้การอนุมัติในเรื่องนี้ จากนั้นฝ่ายบริหารของทรัมป์ก็ไม่ได้ให้การอนุมัติอีกเช่นกัน แต่ในที่สุดฝ่ายบริหารของไบเดนก็ให้การอนุมัติ”
แต่เมื่อถึงเวลาที่ได้ผ่านการอนุมัติ โปรเจ็กต์ก็ถูกระงับไปแล้ว เพื่อให้เวลาในการสนับสนุนการเปิดตัวรถในตระกูลใหม่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันรถจำนวน 2 ใน 3 ของ DMC ที่ถูกผลิตทั้งหมด ก็ยังคงอยู่บนท้องถนนและมันก็มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในแง่ของความเป็นมรดกของ DeLorean นั้น จึงมีความสำคัญเพิ่ใมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น Stephen Wynne และทีมงานของเขา จึงกำลังทำงานที่เกี่ยวกับการอัพเกรดรถรุ่นดั้งเดิม เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 40 ปีของมัน
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com