เผยโฉม Ford Everest เจนใหม่ อเนกประสงค์เท่ หรูหรา และสมรรถนะทรงพลัง

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 1 มี.ค. 65 00:00
  • 5,080 อ่าน

ฟอร์ดต้อนรับเดือนมีนาคมในปี 2022 ด้วยการเผยโฉมอีกหนึ่งรถใหม่จากค่าย หลังจากการเผยรถกระบะในตระกูล Ranger และ Ranger Raptor แล้วไม่นานนี้ ล่าสุดกับการเผยโฉมครั้งแรกรถอเนกประสงค์ Ford Everest เจเนอเรชันใหม่ ที่เด่นด้วยรูปโฉมภายนอกที่แข็งแกร่งดุดัน ห้องโดยสารหรูหรา สะดวกสบาย และทันสมัย พร้อมขุมพลังเต็มสมรรถนะ

โดยทาง ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้เผยโฉมฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ครั้งแรกในโลก ด้วยการผสานสมรรถนะเพื่อการผจญภัยเข้ากับความสะดวกสบายอันเหนือระดับ และเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่ในรูปแบบของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่พร้อมลุย หรูหรา และสนุกในทุกการเดินทาง 

Ford Everest

มากับ 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นสปอร์ต รุ่นไทเทเนียมพลัส และรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดคือรุ่นแพลทินัม ซึ่งฟอร์ดจะวางจำหน่ายรุ่นย่อยต่าง ๆ แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างเหมาะสม โดยรายละเอียดอื่น ๆ จะได้รับการเปิดเผยช่วงใกล้การเปิดตัวในประเทศนั้น ๆ 

Ford Everest

ตัวรถ Ford Everest ใหม่ มีระยะฐานล้อที่กว้างและระยะระหว่างล้อหน้าและหลังที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักออกแบบสร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยและบึกบึนมากขึ้นให้กับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ สะท้อนดีเอ็นเอด้านการออกแบบระดับโลกของฟอร์ดอย่างชัดเจนบนไฟหน้าใหม่รูปตัว C และลายเส้นอันทรงพลังบนกระจังหน้า ส่วนหน้าของรถยังมีการผสมผสานขององค์ประกอบที่มีทั้งแนวตั้งและแนวนอน สื่อถึงเสถียรภาพในการขับขี่ที่เหนือชั้น   

Ford Everest

เส้นด้านข้างตัวถังทอดยาวจากด้านหน้าจรดท้ายรถเน้นการออกแบบตัวถังที่สะดุดตา ฐานล้อที่กว้างทำให้ซุ้มล้อใหญ่โดดเด่น เพิ่มความแข็งแกร่งและทันสมัยให้กับรถ 

Ford Everest

ความกว้างขวางในห้องโดยสาร ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เกิดจากการออกแบบที่สอดรับกันหลายส่วน ตั้งแต่แผงหน้าปัดด้านหน้าที่วางเต็มความกว้างของพื้นที่ คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า ในบางรุ่นรถยังรองรับระบบการชาร์จแบบไร้สาย เกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter หุ้มด้วยหนังสวยงามจับถนัดมือ พร้อมเบรกไฟฟ้า เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง สามารถปรับอุณภูมิและระบายอากาศได้ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเบาะนั่งแถว 2 ยังสามารถปรับอุณภูมิได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย 

Ford Everest

เบาะนั่งแถวที่ 3 เข้า-ออกได้ง่ายขึ้น ด้วยการออกแบบให้เบาะนั่งแถวที่ 2 ขยับมาด้านหน้ามากกว่าเดิม นอกจากนี้ ผู้โดยสารทุกคนยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระ และชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเองได้ด้วยการติดตั้งปลั๊กไฟทั้ง 3 แถว

เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนได้ และพับได้แบบแบ่ง 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งทำให้รถจุผู้โดยสารได้ 7 คน แบ่งที่นั่งในอัตราส่วน 50:50 และพับได้แบบไฟฟ้าสำหรับบางรุ่น ที่สำคัญเบาะแถวที่ 2 และ 3 ยังพับได้แบบแบนราบเพื่อการบรรทุกสัมภาระยาวๆ ได้อย่างปลอดภัย 

นอกจากนี้ทีมออกแบบคิดค้นวิธีการป้องกันไม่ให้ของตกเมื่อเปิดประตูท้ายรถ โดยสร้างขอบเล็ก ๆ ที่เรียกกันเองในทีมว่า “จุดดักแอปเปิ้ล” (Apple catcher) บริเวณด้านหลังของที่เก็บสัมภาระ และยังมีที่เก็บของใต้พื้นรถเพื่อความเป็นระเบียบของห้องโดยสาร 

Ford Everest

และได้ยกระดับอุปกรณ์เชื่อมต่อการสื่อสารและเทคโนโลยีอันทันสมัยภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8 หรือ 12.4 นิ้วขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย และยังมีหน้าจอแบบสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว อีกด้วย 

พร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4A รองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อการสื่อสาร ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง และเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงการติดตั้งโมเด็มมาจากโรงงานเพื่อให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส (FordPass™)iv,v เพื่อยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถด้วยความสามารถในการสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็คสถานะต่าง ๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อค และปลดล็อคผ่านโทรศัพท์มือถือ 

หน้าจอทัชสกรีนแนวตั้งยังเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศา โดยมีหน้าจอแยกส่วนเพื่อให้จอดรถได้สะดวกยิ่งขึ้นในพื้นที่แคบ หรือช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการเดินทางบนสภาพเส้นทางที่มีความสมบุกสมบัน 

Ford Everest

ขุมพลังหลากหลายแตกต่างไปในแต่ละตลาด มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ มาปรับจูนให้เหมาะกับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เพื่อเป็น 1 ใน 3 ตัวเลือกของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลสำหรับบางประเทศ รวมไปถึงเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตร EcoBoost และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบซีเล็กชิฟท์ 10 สปีด 

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ นี้ มาพร้อมฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร มอบการควบคุมบนถนนได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่การปรับแต่งโช้คอัพใหม่ช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่และช่วยให้การควบคุมรถทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโรดง่ายยิ่งกว่าเคย พร้อมพาคุณไปสัมผัสทุกการผจญภัย ด้วยตัวเลือกระบบการขับขี่ 4 ล้อ 2 รูปแบบ วัสดุป้องกันช่วงล่าง โหมดการขับขี่ออฟโรดที่หลากหลาย เฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ตะขอคู่หน้า และช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch 

Ford Everest

ซึ่งระบบการขับขี่ 4 ล้อทั้ง 2 รูปแบบ ประกอบด้วย เกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ พร้อมการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ขณะรถเคลื่อนที่ด้วยระบบไฟฟ้า (Electronic Shift-On-The-Fly) หรือเรียกว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงแบบฟูลไทม์ ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case - EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้งานให้เหมาะกับสภาพถนนได้ และในบางประเทศ เอเวอเรสต์ ยังมาพร้อมตัวเลือกระบบการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อด้วย 

Ford Everest

Ford Everest

หน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดในเอเวอเรสต์ แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถและสภาพเส้นทางด้านหน้าจากกล้องหน้าพร้อมกับแนวเส้นกะระยะ ช่วยผู้ขับขี่ฝ่าทุกอุปสรรคได้ง่ายขึ้น เพียงกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูข้อมูลได้ครบครัน ทั้งระบบส่งกำลังและระบบล็อกเฟืองท้าย มุมการบังคับควบคุมพวงมาลัย และระดับความเอียงของรถ 

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร และมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม (พร้อมเบรก) ขณะที่ห้องเครื่องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับแบตเตอรี่สำรองอีกลูก เพื่อส่งมอบพลังให้กับอุปกรณ์เสริม

Ford Everest

ราวหลังคาของเอเวอเรสต์เป็นมากกว่าการออกแบบเพื่อความสวยงาม แต่นี่คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการผจญภัยโดยเฉพาะ รองรับน้ำหนักได้มากถึง 350 กิโลกรัมขณะรถจอดอยู่กับที่ และรับน้ำหนักได้มากถึง 100 กิโลกรัมขณะรถเคลื่อนที่ มอบการใช้งานแบบอเนกประสงค์ยิ่งขึ้นเพื่อบรรทุกสิ่งของ เช่น จักรยาน เรือแคนู กล่องสัมภาระ ไปจนถึงเต็นท์บนหลังคารถ พร้อมจุดยึดที่รองรับการใช้งานหลากหลายเหมาะสำหรับการติดตั้งหรือใช้อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ

ด้านความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัยใหม่ติดตั้งระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า เพิ่มการป้องกันในกรณีที่มีการชนจากด้านข้าง และถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้าป้องกันเข่าและขา ทำให้เอเวอเรสต์มาพร้อมถุงลมนิรภัยสูงสุดถึง 9 ตำแหน่ง รวมถึงถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างระดับหน้าอกทั้ง 2 ฟาก และม่านถุงลมนิรภัยคู่ด้านข้างครอบคลุมถึงที่นั่ง 3 แถว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเทศที่จำหน่าย 

ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ix ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ช่วยให้ผู้ขับขี่จอดรถในพื้นที่แคบได้อย่างปลอดภัยเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ระบบจะช่วยบังคับพวงมาลัย ปรับเกียร์ เร่งความเร็วและเบรกในการจอดรถแบบขนานหรือเข้าช่องจอดได้อย่างง่ายดาย และระบบจะนำรถออกจากที่จอดรถแบบขนานเมื่อได้รับคำสั่ง

ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ที่มีในบางรุ่นและบางประเทศ มอบทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้นด้วยคุณสมบัติอันชาญฉลาด ได้แก่ ระบบปรับระดับแสงไฟตามความเร็วอัตโนมัติที่ปรับความสว่างของแสงไฟด้านหน้าตามระดับความเร็วของรถ นอกจากนี้ ไฟหน้ายังมาพร้อมความสามารถในการปรับแสงตามการเลี้ยวทั้งขณะจอดนิ่งและเคลื่อนที่ ไปจนถึงไฟสูงแบบป้องกันแสงสะท้อน มอบความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่และไม่รบกวนผู้ใช้ถนนคนอื่น

Ford Everest

ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติใหม่ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีทั้งหมด  3 แบบ ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเทศที่วางจำหน่าย ประกอบด้วย 
•    ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Adaptive cruise control with stop and go) ช่วยผู้ขับขี่รักษาความเร็วตามที่ตั้งไว้และรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า พร้อมเบรกให้รถจอดสนิทเมื่อจำเป็น
•    ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Adaptive cruise control with stop and go and lane centering) จับเส้นแบ่งช่องทางและช่วยควบคุมให้รถอยู่ตรงกลางช่องทางได้ 
•    ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัจฉริยะ (Intelligent adaptive cruise control) อ่านป้ายจราจรและปรับความเร็วอัตโนมัติตามที่กำหนดได้ 

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ประกอบด้วย 
•    (ใหม่) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน (Lane-keeping system with road-edge detection) ช่วยป้องกันรถออกจากเส้นทางในพื้นที่ชนบท 
•    (ใหม่) ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive steer assist) ออกแบบให้ทำงานขณะขับขี่ในเมืองหรือบนทางด่วน โดยใช้เรดาร์และกล้องตรวจจับรถที่ขับด้วยความเร็วต่ำหรือหยุดนิ่งด้านหน้า และส่งแรงช่วยผู้ขับขี่บังคับพวงมาลัยหลบเพื่อลดความเสี่ยงจากการชน 
•    (ใหม่) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Reverse brake assist) ช่วยให้ถอยหลังเพื่อเข้าซองจอดหรือจอดในพื้นที่แคบๆ ด้วยการเตือนด้วยเสียงและภาพ ระบบสามารถตรวจจับรถ จักรยาน และคนเดินถนนที่ผ่านมาด้านหลังได้ และยังช่วยเบรกให้รถจอดสนิทได้ด้วยหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองอย่างทันท่วงที  
•    (ใหม่) ระบบตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง (Blind spot information system with trailer coverage) ตรวจจับจุดบอดรอบคันรวมถึงส่วนต่อพ่วง โดยจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อระบบคาดว่าอาจเกิดอันตราย ระบบนี้รองรับเทรลเลอร์ที่มีความกว้างสูงสุด 2.4 เมตร และยาว 10 เมตร x 
•    ระบบป้องกันการชนเพื่อป้องกันการชนบริเวณทางแยก (Pre-collision assist with intersection functionality) ช่วยส่งแรงเบรกรถอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดผลกระทบจากอุบัติเหตุ ขณะที่ผู้ขับขี่กำลังเลี้ยวรถผ่านช่องทางที่มีรถวิ่งสวน เมื่อระบบประเมินว่าอาจเกิดการชนได้ 

Ford Everest

และนี่คือทั้งหมดกับการเผยโฉมครั้งแรกในโลกกับอเนกประสงค์ Ford Everest เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด อเนกประสงค์เท่ หรูหรา และเต็มสมรรถนะ ซึ่งกำหนดการทำตลาดในไทยบ้านเราอย่างเป็นทางการรอติดตามกันไม่นานเกินรอ

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ