ภาพหลุด MG Cyberster รถไฟฟ้า ทายาทแห่งรถเปิดประทุนรุ่น TF
- โดย : PR Autodeft
- 14 มิ.ย. 65 00:00
- 5,770 อ่าน
รถรุ่น Cyberster ที่ถูกออกแบบในสไตล์ Roadster ตัวใหม่นี้ น่าจะถูกเปิดตัวในฐานะรถดาวเด่นแห่งค่าย MG ซึ่งมีราคาที่จับต้องได้ ก่อนปี 2024 อย่างแน่นอน และ Final Design ของรถ ก็ได้รับการเผยแพร่ในระหว่างการยื่นจดสิทธิบัตรจำนวนหลายชุด โดยบริษัทแม่อย่าง SAIC Motor
รถสไตล์ Roadster ราคาจับต้องได้รุ่นใหม่จากค่าย MG ได้เข้ารับการจดสิทธิบัตรฉบับใหม่แล้ว นั่นหมายความว่า.. มันจะได้รับการเปิดตัวในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
รถสปอร์ตไฟฟ้า 2 ที่นั่งรุ่นนี้ ถูกพรีวิวออกมาในแนวคิดที่แปลกใหม่เมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2021 ซึ่งเหล่าบรรดาหัวหน้างานของบริษัทฯได้กล่าวว่า พวกเขาได้รับไฟเขียวให้ผลิตรถรุ่นนี้แล้ว หลังจากที่ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้ซื้อที่มีศักยภาพมากกว่า 5,000 ราย
จากหลายๆภาพที่หลุดออกมาล่าสุด แสดงให้เห็นว่าการออกแบบของรถรุ่นนี้มาไกลเพียงใด นับตั้งแต่เริ่มมีการสร้างแนวคิดดังกล่าว และเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่ารถรุ่น Cyberster ที่เป็นหัวใจของค่าย MG ในการทำหน้าที่เป็นคู่แข่งโดยตรงของรถไฟฟ้า Mazda รุ่น MX-5 นั้น ใกล้พร้อมที่จะได้การเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว
ในขณะที่ภาพเงาของรถที่จะเข้าสู่สายการผลิตนั้น ดูมีความสัมพันธ์ที่เห็นได้ชัดกับรถในแนวคิดก่อนหน้านี้ โดยมันมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนต่างๆ ด้วยการถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ทำให้รถมีความสอดคล้องกับรูปแบบรถที่ได้รับการผลิตจากค่าย MG และเพื่อปฏิบัติให้ผ่านตามกฏการรับรองแบบยานยนต์เพื่อการเข้าสู่ตลาดโลก (Global Homologation Rules) โดยผลลัพธ์ที่ได้ คือ รถดูสูงขึ้นกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น ส่วนของล้อที่มีขนาดเล็กลงและใส่หน้ายางที่มีขนาดหนาขึ้น ไฟหน้าก็ถูกเปิดออก และแผงกระจังหน้าแบบเว้นช่องกว้าง ก็ได้รับการเปลี่ยนเพื่อให้ดูละเอียดมากยิ่งขึ้น ด้านอุปกรณ์ตกแต่งของรถนั้น ก็อาจมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ต่างๆอีกหลายตัว
รถยังคงเก็บในส่วนของ Cab-Backwards Profile เอาไว้ แม้จะอยู่ในรูปแบบที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร และรถรุ่น Cyberster ตัวใหม่นี้ ก็ได้โบกมืออำลารูปแบบของไฟท้ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธง Union Jack ไปแล้ว เพื่อเปิดทางให้กับไฟรูปแบบใหม่ที่เป็นแถบตรงมุม รวมทั้งไฟเบรกที่ถูกออกแบบให้เป็นรูปลูกศร ซึ่งโดยรวมทั้งหมดก็ดูโดดเด่นมาก
อย่างไรก็ตาม เจ้า Cyberster ยังคงดูเหมือนจะเป็นรถแบบ 2 ที่นั่งอยู่ และในส่วนของหลังคาเปิดประทุนนั้น ก็จะใช้ในรูปแบบหลังคา Folding Rood เมื่อเข้าสู่การผลิต แทนที่จะยึดติดกับคอนเซ็ปต์หลังคาในแบบ Open-Cockpit Arrangement แต่น่าเสียดายที่ส่วนของช่องระบายอากาศของรถที่ดูโดดเด่น ซึ่งถูกออกแบบยาวจากพนักพิงศีรษะไปถึงขอบท้ายของฝากระโปรงหลังนั้นได้ถูกตัดทิ้งไปแล้ว
และถึงแม้ว่ารถดูเหมือนจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากแบบจำลองสักเท่าไหร่ แต่เราก็ยังไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของระบบส่งกำลัง ราคา หรือแม้แต่ประสิทธิภาพในการทำงานของมัน
โดยแนวคิดของรถรุ่นนี้มีพื้นฐานมาจากสถาปัตยกรรมการออกแบบเฉพาะตัวของรถ EV โดยมีพิสัยการเดินทางอยู่ที่ 497 ไมล์ (ประมาณ 799 กิโลเมตร) และมีอัตราเร่งระหว่าง 0 – 62 ไมล์ต่อชั่วโมง (0 – 99 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในเวลาน้อยกว่า 3.0 วินาที และจากที่มันถูกกำหนดให้เป็นรถหัวหอกในตระกูล Cyber ของค่าย MG ที่เน้นจุดขายไปที่คนรุ่นใหม่ ทำให้คาดกันว่ารถเปิดประทุนรุ่นใหม่นี้จะมีราคาที่จับต้องได้ แม้กระทั่งหากต้องลงไปแข่งในเรื่องของราคากับรถสปอร์ตรุ่นเริ่มต้นที่ติดตั้งระบบสันดาปในปัจจุบัน
เมื่อเราพูดถึงเรื่องการเพิ่มรถรุ่น Cyberster ลงในไลน์ผลิตภัณฑ์ของ MG ก็ทำให้นึกถึงเรื่องที่ Guy Pigounakis ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ประจำประเทศอังกฤษของบริษัทฯ ได้กล่าวกับเราเมื่อไม่นานมานี้ว่า “ปัญหาของรถสปอร์ตในทุกวันนี้ คือ ทุกคนรักมัน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะซื้อมันได้” อย่างไรก็ตาม เขากล่าวเสริมว่า หากดูจากปริมาณยอดขายทั่วโลกของ MG เองแล้วนั้น หมายความว่าทางแบรนด์จะสามารถ “ลงทุนในไลน์รถสปอร์ตและสามารถคาดการณ์ไปในระยะยาวว่าจะมีผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่อใด” พร้อมกล่าวเสริมอีกว่า การมีรถสปอร์ต “จะเป็นการประชาสัมพันธ์ครั้งใหญ่และนำมาซึ่งประโยชน์ทางการตลาดแก่แบรนด์เรา”
รถรุ่น Cyberster จะเป็นการต่อยอดความสำเร็จล่าสุดอันน่าทึ่งของแบรนด์จีนค่ายนี้ในสหราชอาณาจักร โดยยอดขายเมื่อปีแล้วได้เพิ่มขึ้นถึง 66% จาก 18,415 คัน ในปี 2020 เป็น 30,600 คัน
อย่างไรก็ตามจะมีการเปิดตัวรถ MG 4 รุ่น hatchback ภายในก่อนสิ้นปีนี้ โดยมันจะคู่แข่งที่ทรงคุณค่ากับรถ Volkswagen รุ่น ID 3 และคาดว่าจะกลายเป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดของ MG โดยอาจจะแซงหน้ารถ SUV ขนาดเล็กอย่าง MG รุ่น ZS
Pigounakis กล่าวถึงถึงรถรุ่น MG 4 ไว้ว่า “รถยังคงยึดมั่นในคุณค่าของการให้ที่มากกว่าของแบรนด์ MG ซึ่งแสดงถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ดูแล้วน่าตื่นเต้น และต้องแสดงถึงความคุ้มค่าคุ้มราคา แต่ไม่ได้หมายความว่ารถจะต้องมีราคาที่ถูก”
เขากล่าวเสริมว่า โดยการอ้างอิงจากพิสัยการเดินทางที่ 250 ไมล์ (ประมาณ 402 กิโลเมตร) ของรถรุ่น ZS EV จะทำให้รถรุ่น MG 4 นั้นจะ “สามารถแข่งขันในเรื่องความคุ้มค่าต่อไมล์มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้มากกว่านี้” แต่ราคาสำหรับรถแฮทช์แบ็คสำหรับครอบครัวรุ่นนี้นั้น.. ยังไม่ได้กำหนดออกมาแต่อย่างใด..
รถยนต์ MG ตัวใหม่ซึ่งเป็นรุ่นที่สามนี้ จะออกมาภายในปี 2024 แต่มันก็ยังไม่ได้รับการยืนยันใดๆ แต่ก็น่าจะเป็นรถ SUV รุ่นที่สามนั่นแหละ เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูง
ข้อมูลและภาพจาก autocar
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com