Mazda ส่งขุมพลังสุดไฮเทคSKYACTIV-X ลงรถรุ่นใหม่อีก 2 ปีข้างหน้า
- โดย : Autodeft
- 9 ส.ค. 60 00:00
- 9,093 อ่าน
นับเป็นมิติใหม่แห่งวงการยานยนต์โลกท่ามกลางกระแสรถไฟฟ้าเริ่มมาแรง เมื่อค่ายรถหัวใจ Zoom Zoom อย่าง Mazda สร้างความประหลาใจอีกครั้งด้วยการแนะนำ เครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ที่เรียกว่า SKYACTIV-X
จึงเป็นที่มาในการพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินเวอร์ชั่นใหม่ที่ชื่อ SKYACTIV-X เครื่องยนต์เบนซินในเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกที่ใช้การจุดระเบิดด้วยการอัดอากาศ โดยการเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะเกิดขึ้นจากการจุดระเบิดของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสมกัน ในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ในจังหวะของการอัด ชูเด่นในเรื่องวิธีการเผาไหม้ Spark Controlled Compression Ignition กรรมสิทธิ์ของ Mazda ช่วยแก้ปัญหาสองเรื่องที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้การจุดระเบิดในจังหวะการอัดอากาศ นั่นคือ การเพิ่มพื้นที่เพื่อสามารถทำให้เกิดการจุดระเบิดในจังหวะการอัดของลูกสูบ และการพัฒนาการจุดระเบิดที่สมบูรณ์แบบนี้ได้รวมเอาข้อดีของการจุดระเบิดด้วยการอัดอากาศและการจุดระเบิดด้วยประกายการเผาไหม้เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีคุณสมบัติเด่นไม่ว่าจะเป็น ทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ใหม่ที่เป็นกรรมสิทธิ์นี้รวมข้อดีของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เพื่อให้ได้สมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อม สมรรถนะพลังแรงของเครื่องยนต์ และการเร่งสปีดความเร็วที่ยอดเยี่ยม
การจุดระเบิดด้วยการบีบอัดและการใช้ระบบซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ บรรจุและอัดอากาศ ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน และสามารถทำให้เครื่องยนต์มีการตอบสนองได้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เพิ่มแรงบิด 10 – 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินเดิม SKYACTIV-G นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบได้ในภาวะ Super Lean Burn จึงเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์มากขึ้น 20 – 45 % เมื่อเทียบทั้งเครื่องยนต์เบนซินเดิม SKYACTIV-G และเครื่องยนต์เบนซิน MZR เดิมในปี ค.ศ.2008 ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน เครื่องยนต์ SKYACTIV-X เทียบเท่าหรือสูงกว่าเครื่องยนต์คลีนดีเซลรุ่นล่าสุด SKYACTIV-D ในเรื่องของประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพสูงในช่วงการทำงานที่กว้างของรอบเครื่องยนต์และภาระของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถมีอิสระในการออกแบบค่าอัตราทดเกียร์ที่ต้องการที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม
นอกจากการแนะนำเครื่องยนต์เบนซินสุดไฮเทค SKYACTIV-X แล้ว ในส่วนของวิสัยทัศน์ "SUSTAINABLE ZOOM-ZOOM 2030” ยังมุ่งเน้น การสร้างโลกที่สวยงาม และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและคนในสังคม โดยจะพยายามแสวงหาหนทางใหม่ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนผ่านการมอบคุณค่าที่โลกยานยนต์สามารถให้ได้ ด้วยการเริ่มเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีอื่นๆ เกี่ยวกับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าในภูมิภาคที่ใช้พลังงานสะอาดเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า หรือจำกัดเฉพาะยานพาหนะบางอย่างเพื่อลดมลพิษทางอากาศ ในปี ค.ศ.2019 พร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-X
ขยายมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 อย่างครบวงจร “Well-to-Wheel” ทั้งที่มาจากขบวนการจัดหาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงเพื่อนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานของรถยนต์ และจากตัวรถยนต์ พร้อมตั้งเป้าหมาย เพื่อลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลดลง 50 % ภายในปี ค.ศ. 2030 และตั้งเป้าหมายลดลงถึง 90 % ภายในปี ค.ศ.2050
Mazda ยังรับผิดชอบต่อสังคม มุ่งเน้นและส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยและการสร้างความสุขในสังคมผ่านการพัฒนายานยนต์ และระบบการจัดการที่สร้างความอุ่นใจและเสริมสร้างชีวิตของลูกค้า ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อนำไปสู่การลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่งเสริมการสร้างมาตรฐานใหม่เกี่ยวกับคุณลักษณะด้านความปลอดภัยขั้นสูงของ i-ACTIVSENSE ด้วยการติดตั้งระบบนี้ลงในรถทุกรุ่นทุกคันที่จำหน่ายทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก เริ่มในปี ค.ศ. 2018 เริ่มต้นการทดสอบเทคโนโลยีการขับขี่แบบอัตโนมัติ และคอนเซ็ปต์ใหม่ Mazda Co-Pilot ในปี ค.ศ.2020 โดยมีเป้าหมายเพื่อนำไปใช้ให้เป็นมาตรฐานในรถ มาสด้า ทุกรุ่นภายในปี ค.ศ.2025
และสำหรับลูกค้า Mazda เดินหน้าพัฒนาการขับขี่แบบ Jinba-ittai อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อปลดล็อคศักยภาพของผู้คนและฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมการก้าวพัฒนาไปอีกขั้นของการออกแบบอันสง่างามภายใต้ Kodo Design เพื่อยกระดับการออกแบบยานยนต์ให้เสมือนเป็นงานศิลปะ ที่เสริมสร้างชีวิตและอารมณ์ของทุกคนที่กำลังเหลียวมอง
ที่มาภาพ Paultan
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com