รถญี่ปุ่นขึ้นชื่อคนครอบครองนานที่สุด .. ในอเมริกา

ทุกวันนี้รถยนต์ที่เราต่างรู้จักกันดี คงจะเป็นรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีผู้ผลิตมากหน้าหลายตาเข้ามาให้เลือกหากัน ตั้งแต่ราคาถูกยันรถราคาแพงหลายล้านบาท แต่ใครจะคิดว่า ในขณะที่เราบ่นว่ารถญี่ปุ่นสมรรถนะด้อยกว่ารถจากผู้ผลิตประเทศอื่นไ มันกลับมีความทนทานในระดับที่น่าพอใจ

เว็บไซต์   iseecar   เพิ่งจะเปิดเผยผลการครอบครองรถยนต์ในระยะยาวของชาวอเมริกัน  โดยจากการสำรวจพบว่ารถยนต์จากผู้ผลิตประเทศญี่ปุ่น เป็นรถยนต์ที่ชาวอเมริกันนิยมครอบครองนานที่สุดในระยะเวลา   10   ปี หรือมากกว่านั้น ซึ่งสามารถยืนยันในเรื่องความลงตัวในการใช้งาน หรือทางด้านการบำรุงดูแลรักษารถยนต์รุ่นดังกล่าว

นอกจากนี้ในการสำรวจดังกล่าว ยังพบเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ว่า มีเพียงรถยนต์จาก 3  บริษัทเท่านั้น ที่นิยมนำมาใช้งานเป็นเวลายาวนาน คือ   Toyota  , Honda   และ  Subaru  

[IMAGE1]

โดยในการสำรวจครั้งนี้ มีการระบุ รถสามรุ่นที่เจ้าของมือแรกยังครอบครองรถถึงปัจจุบันเป็นจำนวนมากที่สุดในอเมริกา คือ  Toyota Highlander Hybrid, Toyota Prius   และ   Toyota Highlander   (รุ่นปกติ) และที่น่าสนใจคือ   Honda  CR-V , รวมถึง Subaru Forester  ยังอยู่ในรายชื่อที่เจ้าของเดิมยังขับมากที่สุด

และเมื่อมีการแยกรายชื่อเจ้าจงออกมาเป็นกลุ้มรถนั่งโดยเฉพาะ พบว่า   Toyota Prius ครองอันดับ 1 ในกลุ่มนี้ และในบรรดารถที่ขายในบ้านเราด้วยมีหลายรายชื่อที่ติดโผในเรื่องความทนทานและครอบครองนานจากผู้ใช้ได้แก่  Mazda 3, Toyota Corolla, Toyota Camry   , Honda Accord  และ   Honda  Civic  โดยค่าเฉลี่ยมีเพียงร้อยละ   12 .9%  เท่านั้น ของเจ้าของที่ยังนิยมใช้รถคันเดิมของตัวเองนานถึง  10  ปี 

แต่ถ้ามองตามยี่ห้อ จากการสำรวจ พบว่า ท็อป   4  อันดับเป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นทั้งสิ้น โดยอันดับ 1  ที่เจ้าของมักไม่เปลี่ยนถในระยะเวลา  10   ปี  คือ   Toyota   คิดเป็นร้อยละ   22.2 ที่เจ้าของเดิมจะใช้รถคันนั้นยาวถึง  10  ปี  รองลงมา คือ Honda  คิดเป็นร้อยละ   20.2  อันดับ  3  ตกเป็นของ   Subaru  คิดเป็นร้อยละ  19.1  ส่วนอันดับสี่เป็นแบรนด์   Acura   คิดเป็นร้อยละ  19.1   

ทางด้าน  นาย ฟง ลี่  CEO   ของ   iseecar   ออกมาเปิดเผยว่า มันน่าปลกที่รถยนต์ญี่ปุ่นจะได้รับการครอบรองเป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนัก เนื่องจากพวกมันส่วนใหญ่ได้ชื่อในเรื่องความมั่นใจได้ในการใช้งาน

ที่มา   Iseecar

 

ติดตามเรื่องราว ข่าวสาร และความรู้ รถยนต์ได้กับพวกเรา ได้ที่  www.Autodeft.com 

หรือผ่านทาง   Fanpage Facebook กดไลค์และ  Follow   ได้ที่   www.facebook.com/autodeft