Honda ลดการผลิตเครื่องยนต์เบนซินในจีน หลังยอดขายตก มุ่งสู่การผลิตรถไฟฟ้า

แบรนด์ท้องถิ่นอย่าง BYD บีบให้ฮอนด้าต้องปรับกลยุทธ์ในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฮอนด้าประสบปัญหายอดขายตกหนักในจีน โดยยอดขายในปี 2024 ลดลง 30.9% เหลือเพียง 852,269 คัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่แบรนด์ญี่ปุ่นนี้มียอดขายต่ำกว่า 1 ล้านคันในประเทศจีน การลดลงนี้ส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากแบรนด์ท้องถิ่น และความต้องการรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ลดลง ฮอนด้าจึงตัดสินใจลดการผลิตในโรงงานเครื่องยนต์ที่มณฑลกวางตุ้งลงครึ่งหนึ่ง และหันมามุ่งเน้นการผลิตรถไฟฟ้ามากขึ้น

ในปีที่ผ่านมารถพลังงานใหม่ในจีน ซึ่งรวมถึง BEVs (Battery Electric Vehicles), PHEVs (Plug-in Hybrid Electric Vehicles), และ FCEVs (Fuel Cell Electric Vehicles) คิดเป็นประมาณ 40% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด โดยที่ BYD เป็นผู้นำในตลาด โดยในปี 2024 BYD ขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปได้ 3.83 ล้านคัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือปลั๊กอินไฮบริด นั่นคือมากกว่าจำนวนที่ขายในปี 2019 ถึง 8.5 เท่า และการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ได้มาจากการลดส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์ใหญ่ ๆ เช่น ฮอนด้า

เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ฮอนด้าจึงจะปิดสายการผลิตที่โรงงานเครื่องยนต์ Dongfeng Honda Engine ภายในสิ้นเดือนนี้ ตามรายงานจาก Nikkei Asia การตัดสินใจนี้จะลดกำลังการผลิตประจำปีของบริษัทร่วมทุนจาก 520,000 คัน เหลือเพียง 260,000 คัน

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฮอนด้ายังได้ยุติการผลิตที่โรงงานร่วมทุนกับ Guangzhou Automobile Group ซึ่งมีความสามารถในการผลิต 240,000 คันต่อปี การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะทำให้กำลังการผลิตในประเทศจีนลดลงจาก 1.49 ล้านคัน ในต้นปี 2024 เหลือเพียง 960,000 คัน โดยมีการเสนอโปรแกรมเกษียณก่อนกำหนดให้กับพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงาน

หนึ่งในโมเดลสำคัญที่ฮอนด้าเปิดตัวในจีนคือ Honda S7 ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้า ขนาดกะทัดรัด ที่ตรงกับ Tesla Model Y, Onvo L60 และ Zeekr 7X มันมีการเปิดตัวในสองรูปแบบ พร้อมแบตเตอรี่ 89.8 kWh และระยะทางสูงสุด 404 ไมล์

ที่มา Carscoops