Google เผยผลวิจัย คนไทยใช้เวลาเฉลี่ย 2 เดือน พิจารณาเฉลี่ย 4.7 ยี่ห้อ ก่อนซื้อรถยนต์

Google ผู้ให้บริการ Search Engine อันดับ 1 ของโลก ได้เผยข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อรถยนต์ของคนไทย พบว่าคนไทยใช้เสิร์ชเอนจินค้นหาข้อมูลและดูวิดีโอประกอบการตัดสินใจ โดยจะใช้เวลเฉลี่ยราว 2 เดือนในการหาข้อมูล และเลือกพิจารณารถยนต์เฉลี่ย 4.7 ยี่ห้อ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถ 1 คัน

Google ได้จัดงานข่าวกลุ่มย่อยในหัวข้อ “Think Auto” Google ได้เผยงานวิจัยชิ้นใหม่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย และพฤติกรรมการเลือกซื้อรถยนต์ของคนไทยในยุคปัจจุบัน โดยงานวิจัยที่มีชื่อว่า “Gearshift 2018: Purchase Journey of Thai New Car Buyers” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Google และ TNS แสดงให้เห็นถึงกระบวนการที่ซับซ้อนของผู้บริโภคก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ โดยได้สัมภาษณ์ผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ ทั้งชายและหญิง จำนวนทั้งสิ้น 503 ราย ที่มีการซื้อรถยนต์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แบ่งผลวิจัยเป็นข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

- กลุ่มตัวอย่าง เป็นผู้ที่ซื้อรถยนต์เป็นคันแรกที่ 77%

- เกือบ 99% ของผู้ซื้อรถยนต์ชาวไทยใช้เสิร์ชเอนจินเป็นเครื่องมือในการหาข้อมูล และ 96% ดูวิดีโอออนไลน์เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อรถยนต์

- 81% เป็นการดูวีดีโอจากผู้ผลิตรถยนต์โดยตรง, 59% จากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ และ 26% จากผู้ใช้งานส่วนตัว

- หลังจากการชมวีดีโอแล้ว 62% จะเข้าหาข้อมูลในเว็บไซต์ของยี่ห้อรถยนต์โดยตรง, 50% หาข้อมูลการตกแต่งรถ, 47% ขอราคารถยนต์, 40% หาข้อมูลสินเชื่อ, 39% ค้าหาตัวแทนจำหน่าย และ 37% จองตารางทดลองขับ

- ผู้ซื้อไปดูรถที่ตัวแทนจำหน่ายเฉลี่ย 2.6 ครั้ง และทดลองขับเฉลี่ย 1.7 ครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ

- เฉลี่ย 44% ของผู้ทดลบองขับ จะตัดสินใจซื้อในการทดลองขับครั้งแรก

- 60% ของผู้ซื้อ ใช้เวลาเฉลี่ย 2 เดือนในการหาข้อมูลจนกระทั่งซื้อ และมีถึง 15% ที่ใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

- คนไทยใช้เวลาในการหาข้อมูลเฉลี่ย 4.7 ยี่ห้อในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่ เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ที่เลือกเพียง 2.9 ยี่ห้อ

- 56% ของผู้ที่ไม่ได้ซื้อรถคันแรก เป็นการซื้อรถยี่ห้อต่างจากที่มีอยู่แล้ว

ภูมิภัส ฉัตรแก้ว ผู้จัดการกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ Google ประเทศไทย กล่าวว่า “ผู้บริโภคไทยพิจารณาแบรนด์รถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดิม โดยกว่าครึ่ง หรือ 56% อยากลองแบรนด์ใหม่ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ซื้อรถยนต์กับตัวแทนจำหน่าย การมีส่วนร่วมของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ และงานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าสื่อดิจิทัลมีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของคนไทยมากขึ้น”