New Ford Ranger Wildtrak X การกลับมาของกระบะพันธุ์แต่งจากโรงงาน ขายจริงที่ ออสเตรเลีย เริ่ม 1.45 ล้านบาท

  • โดย : Autodeft
  • 27 ส.ค. 63 00:00
  • 7,009 อ่าน

หลังจากที่ ฟอร์ด ออสเตรเลีย เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับสิงห์รถกระบะชาวออสเตรเลียด้วยการเพิ่มรุ่นย่อยให้กับ Ford Ranger เน้นการใช้งานเป็นหลักตั้งแต่รุ่น XL XLS และ XLT

Ford Ranger

ล่าสุด ฟอร์ด เทหน้าตักเปิดตัวรอบที่สอง เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มขาลุยด้วยการกลับมาของ New Ford Ranger Wildtrak X ซึ่งในเมืองไทยเคยเปิดตัวไปแล้ว หน้าตาแบบเดียวกับเวอร์ชั่นไทยอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ด้วยกันชนเสริมด้านหน้าแบบสปอร์ตสีดำ ติดสนอร์เกิลสุดเท่ พร้อมซุ้มล้อดีไซน์ใหม่ ประดับหมุดที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีตให้มีโลโก้ฟอร์ดติดอยู่ด้านบนหมุดทุกตัว ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 18 นิ้ว สีดำ matte black finish และตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ไวลด์แทร็ค เอ็กซ์ บนประตูและท้ายกระบะ และไฟสปอร์ตไลท์ LED แนวยาวติดตั้งที่การ์ดกันชนหน้า บนพื้นฐานรุ่น Wildtrak ทั้ง ไฟหน้าจาก Projector แบบ HID พร้อมไฟ LED daytime ในโคมเดียวกัน มาเป็นไฟหน้า Bi-LED พร้อมไฟ LED daytime ในโคมเดียวกัน กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูแต่เปลี่ยนเส้นแนวนนอนให้เป็นสองเส้นโดยที่ขอบกระจังหน้าปั้มชื่อ Ranger สีดำ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตู ที่เปิดฝากระบะท้าย กันชนหลังสีดำเข้ม ฝาท้าย Easy Lift ทำให้การเปิดและปิดกระบะท้ายง่ายและสะดวกขึ้น

Ford Ranger

Ford Ranger

ภายในยังคงเดิมทั้ง กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทรถได้รวดเร็วยิ่งขึ้น หัวเกียร์อัตโนมัติดีไซน์ใหม่ บันเทิงทันสมัยด้วยระบบ Infotainment SYNC 3 หน้าจอสี Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว พร้อมเมนู รองรับ Apple CarPlay, Android Auto ระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียมซึ่งติดตั้งมากับรถ พร้อมลำโพง 6 ตัว ชาร์จมือถือและใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างจุใจด้วยช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC 230 V พร้อม พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (EPAS) โดยระบบจะปรับให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาเมื่อขับความเร็วต่ำและปรับเน้นความแม่นยำเมื่อขับที่ความเร็วสูง โดยมีการตั้งค่าที่แตกต่างกันไปตามความเร็วของรถ กระจกมองหลังอัตโนมัติเพื่มช่องชาร์จไฟ USB บริเวณกระจกมองหลัง

Ford Ranger

ขุมพลังรุ่น Wildtrak X มีให้เลือกทั้ง เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ Duratorq TDCI 3.2 ลิตร รหัส P5AT 200 แรงม้าที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิด 470 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ TDCI Bi-Turbo 2.0 ลิตร รหัส YN2Q 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD

ระบบความปลอดภัยครบครันด้วย ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Inter-Urban Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป รวมถึงระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control) และถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน พร้อมระบบเบรก ABS EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบควบคุมการทรงตัว ESP ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน(Hill Descent Control) ระบบควบคุมการทรงตัวเมื่อต้องลากจูง ระบบควบคุมการบรรทุก (Adaptive Load Control) ระบบเบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Assistance) และกล้องมองหลัง

Ford Ranger

Ford Ranger

Ford Ranger

นอกจากนี้ Ford Ranger Raptor เพิ่มพ่นสารเคลือบ Liner ลงที่พื้นกระบะ spray-in bedliner เพื่อป้องกันการขูดขีดในยามบรรทุก รวมถึงติดตั้งระบบ FordPass Connect ระบบตรวจสอบสถานะตัวรถ สามารถสั่งล็อกหรือปลดล็อก ระบุตำแหน่งตัวรถ ตรวจสอบระดับน้ำมัน แรงดันลมยาง โดยสามารถตรวจได้จากสมารท์โฟนที่ได้ทำการเชื่อมต่อระบบ FordPass Connect ไว้แล้ว ส่วนสีตัวรถ Ford Ranger MY2020 รุ่น Wildtrak, Wildtrak X และ Ranger XLT เพิ่มสีขาวมุกใหม่ Alabaster White โดยขายจริงที่ออสเตรเลียสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยราคารุ่น Wildtrak X เริ่ม $64,090 - $67,790 (รวมค่า On-Road Cost) หรือราว 1,450,000 - 1,534,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย) รุ่น Wildtrak ปกติ เริ่มต้น $62,090 - $65,790 (รวมค่า On-Road Cost) หรือราว 1,405,000 - 1,489,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย) ส่วนรุ่น Raptor จำหน่ายในราคา $77,190 (รวมค่า On-Road Cost) หรือราว 1,747,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย)

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ