เผยโฉมแล้ว รถยนต์ไฟฟ้า Ford Mustang Mach-E ราคาเริ่มต้น 1.32 ล้านบาทที่สหรัฐฯ

ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดเผยโฉมจริงของรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายแดนลุงแซมในนาม Ford Mustang Mach-E รถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถสปอร์ต Muscle Car ยอดนิยมของคนทั้งโลกอย่าง Ford Mustang โดยคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายจริงเริ่มต้นที่ 1.32 ล้านบาทที่สหรัฐฯ

Ford Mustang Mach-E เป็นรถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือที่เรียกว่ารถ EV มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 190 กิโลวัตต์ (255 แรงม้า) ไปจนถึงสูงสุดที่ 342 กิโลวัตต์ (459 แรงม้า) แพคมาพร้อมกับแบตเตอรี่ตั้งแต่ขนาด 75.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ไปจนถึงสูงสุด 98.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสูงสุดตั้งแต่ 340 กิโลเมตร - 480 กิโลเมตร จากการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง โดยในรุ่นท็อปสุด สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 ได้ใน 3.5 วินาที

Ford Mustang Mach-E ใช้แนวเส้นการออกแบบมาจากรถสปอร์ตรุ่นพี่อย่าง Ford Mustang ไม่ว่าจะเป้นลายเส้นของไฟหน้า หรือไฟ 3 ขีดที่ด้านหลัง มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ทั้ง Whisper, Engage และ Unbridled ที่จะไปปรับแต่งเรื่อฃการตอบสนองของพวงมาลัย, สีไฟภายในตัวรถ, เสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ภายในรถ และรูปแบบการแสดงผลของหน้าปัดข้อมูลการขับขี่ และในรุ่นท็อปสุดอย่าง GT Performance Edition จะเพิ่มระบบการปรับแต่งช่วงล่างอัตโนมัติเข้ามาให้อีกด้วย

Ford Mustang Mach-E จะมาพร้อมหน้าจอ Infotainment ขนาด 15.5 นิ้วแบบแนวตั้ง ที่ใส่ระบบ Sync ตัวเวอร์ชั่นล่าสุดของฟอร์ดเข้ามาด้วย สามารถอัพเดทซอฟท์แวร์ได้ผ่านทางสัญญาณอินเตอร์เน็ต Over-The-Air (OTA) มีข้อมูลแจ้งจุดชาร์จไฟฟ้ากว่า 12,500 จุดทั่วทั้งสหรัฐฯ มาให้อีกด้วย

รถยนต์ไฟฟ้า Ford Mustang Mach-E มีราคาจำหน่ายแต่ละรุ่นดังต่อไปนี้
- Ford Mustang Mach-E Select ราคา 43,895 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.32 ล้านบาท
- Ford Mustang Mach-E Premium ราคา 50,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.53 ล้านบาท
- Ford Mustang Mach-E California Route ราคา 52,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.58 ล้านบาท
- Ford Mustang Mach-E First Edition ราคา 59,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.81 ล้านบาท
- Ford Mustang Mach-E GT ราคา 60,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.82 ล้านบาท
ทุกรุ่นของ Ford Mustang Mach-E จะเริ่มวางจำหน่ายได้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 เป็นต้นไป ยกเว้นรุ่น Select ที่จะเริ่มวางจำหน่ายได้ช่วงต้นปี 2021 เป็นต้นไป

ข้อมูลจาก Caradvice