รถสปอร์ตที่แท้ทรูอยู่นี่! Ferrari เตรียมเปิดตัวรถ SUV รุ่น Purosangue V12 ในเดือนกันยายนนี้

  • โดย : PR Autodeft
  • 17 มิ.ย. 65 00:00
  • 3,976 อ่าน

Ferrari จะเปิดตัว Purosangue รถสไตล์ SUV รุ่นแรก ที่ทุกคนต่างรอคอยกันมานานแสนนาน ในเดือนกันยายนนี้ และจะเป็นรถรุ่นแรกของค่ายที่จะได้รับการติดตั้ง "เครื่องยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด" ของบริษัทฯอย่าง V12

รถสไตล์ SUV รุ่นแรกของแบรนด์เจ้าถิ่นแห่งเมือง Maranello จะถูกติดตั้งเครื่องยนต์ 12 สูบ เพื่อเข้าสู่สังเวียนการแข่งขันกับรุ่นแถวหน้าอย่าง Bentley Bentayga 

 

Benedetto Vigna ซีอีโอของ Ferrari ได้ให้รายละเอียดชิ้นใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับรถคู่แข่งของ Aston Martin รุ่น DBX ในระหว่างร่วมงาน Capital Markets Day ว่า "จากการทดสอบของผมและทีมงานเรา ในการวิ่งไปบนเนินเขารอบๆเมือง Maranello ผมสามารถบอกคุณได้เลยว่า มันเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง และไม่เหมือนใคร"

 

มันจะมีความเป็น "Ferrari แบบ 100%" เขาได้กล่าวเสริมขึ้นมา และยังให้คำมั่นว่า "จะตอบสนองและมอบความต้องการแบบเกินคาด ในด้านประสิทธิภาพ นวัตกรรม และการออกแบบทั้งหมด ที่คุณได้คาดหวังไว้ว่าจะได้รับจากเรา"

 

ในเรื่องของการเลือกเครื่องยนต์ที่จะถูกติดตั้งนั้น Vigna ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า "เราได้ทดสอบตัวเลือกต่างๆมากมาย แต่ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เครื่องยนต์ V12 นั้น ได้มอบประสิทธิภาพและประสบการณ์แห่งการขับขี่ที่สามารถให้ได้ และเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการเข้าสู่ตลาด"

 

ความคิดเห็นของเขามีขึ้นหลังจากทางค่ายผู้ผลิตรถสปอร์ตรายนี้ ได้โพสต์วิดีโอออนไลน์ โดยยืนยันว่าพวกเขากำลังสร้างรถ Ferrari ที่ใช้เครื่องยนต์ V12 รุ่นใหม่อยู่ ทำให้เกิดการคาดเดากันว่าทางค่ายนั้นหมายถึงรถรุ่น Purosangue หรือรถรุ่นต่อไปที่ยังไม่ถูกระบุชื่อของ Ferrari รุ่น 812 Superfast

นอกจากนี้ทางค่าย Ferrari ยังได้อ้างถึงรถรุ่นที่จะเป็น “สายเลือดพันธุ์แท้ตัวใหม่ของเรา” ซึ่งถือว่าพวกเขาได้บอกอย่างเป็นนัยๆแล้วว่า มันจะออกมาเป็นรถในสไตล์ SUV เนื่องจากชื่อภาษาอิตาเลี่ยนของรถ แปลว่า “เป็นพันธุ์แท้” และก่อนที่ข่าวจะได้รับการยืนยันจากปากของ Vigna เราก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า รถจะติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 6.5 ลิตร ที่ใช้ในรุ่น 812 Superfast หรือไม่

 

ทาง Ferrari ยังได้กล่าวเสริมอีกว่า “เครื่องยนต์ V12 ถือเป็นส่วนสำคัญใน DNA ของ Ferrari มาโดยตลอด มันเป็นการเฉลิมฉลองให้กับมรดกตกทอดของเรา และเป็นสัญลักษณ์ของการแสวงหาประสิทธิภาพในระดับใหม่ที่สูงขึ้น และให้อารมณ์ในการขับขี่ของเราแบบไม่หยุดยั้ง”

 

รถโมเดลในอนาคตของ Ferrari ทั้งหมด จะถูกสร้างขึ้นโดยใช้การออกแบบสถาปัตยกรรม 2 แบบ ที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ โดยใช้ในรถโมเดลที่มีความแตกต่างกันทั้ง 2 แบบ โดยแบบที่หนึ่งจะใช้สำหรับรถซุปเปอร์คาร์ชนิดวางเครื่องไว้กลางลำ อย่างเช่น Ferrari รุ่น 296 GTB และอีกแบบหนึ่งสำหรับรถยนต์สไตล์ GT ที่วางเครื่องไว้ด้านหน้าหลังแนวแทร็คล้อหน้า รวมทั้งรถสไตล์ SUV รุ่นใหม่

 

โดยสถาปัตยกรรมการออกแบบทั้ง 2 แบบนั้น สามารถรองรับเครื่องยนต์ V6, V8 และ V12 ได้ โดยจะมีหรือไม่มีระบบช่วยเหลือแบบไฮบริดก็ได้ และสามารถติดตั้งเกียร์กระปุกอัตโนมัติคลัตช์คู่แบบเปลี่ยนเพลา โดยใช้ได้ทั้งการขับเคลื่อนล้อหลังหรือขับเคลื่อนสี่ล้อ และห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่ง, 2+2 ที่นั่ง หรือจะเป็นแบบ 4 ที่นั่งก็ได้เช่นกัน เนื่องจากระยะฐานล้อที่สามารถปรับได้ของมัน

 

จากพารามิเตอร์ที่มีความหลากหลายเหล่านี้ ทำให้รถ SUV รุ่นนี้ จะอยู่ในรูปแบบของรถ 4 ที่นั่ง ที่มีความยาวประมาณ 5 เมตร และระยะห่างจากพื้นถนนที่สูงขึ้นนั้น น่าจะทำได้ผ่านระบบกันสะเทือนที่สามารถปรับระดับความสูงได้ และระบบกันโคลงของรถก็จะส่งให้รถมีไดนามิกระหว่างวิ่งบนท้องถนนที่น่าประทับใจ แถมด้วยความสามารถในแบบออฟโรดที่ติดมาบางส่วนอีกด้วย

ในส่วนการออกแบบของรถก็ได้รับการพรีวิวอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยการแสดงภาพถ่ายแต่บริเวณส่วนหน้า แต่ภาพอื่นๆที่หลุดออกมาเมื่อต้นปีนี้ ก็ได้ช่วยให้เรามองเห็นสไตล์การออกแบบโดยรวมของรถรุ่น Purosangue ได้ดีขึ้น

 

“ผมเชื่อมั่นในรถรุ่นนี้และแนวคิดในเรื่องที่เกี่ยวกับเทคนิคของมัน” Michael Leiters ประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของ Ferrari ในขณะนั้น (ปัจจุบันคือ CEO ของ McLaren) กล่าวไว้กับสื่อในปี 2019 “ผมคิดว่าเราได้พบกับแนวคิดและแพ็คเกจที่อยู่อีกด้านหนึ่งแล้ว มันเป็นรถ SUV อย่างแท้จริง และจะสามารถโน้มน้าวใจให้ลูกค้าที่ชื่นชอบรถ SUV ซื้อมันได้ แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น มันก็เป็นแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างมากกับรถ SUV ที่มีอยู่ในปัจจุบัน”

 

แนวคิดดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากความสามารถของค่าย Ferrari ในการผสมผสานสถาปัตยกรรมการออกแบบที่ถูกทำขึ้นแบบเฉพาะตัว (ต่างจากรูปแบบที่แชร์กันใช้ในวงกว้างแบบรถ Volkswagen Touareg และแพลตฟอร์ม MLB ที่มาจากรถรุ่น Audi Q7 ซึ่งถูกนำไปใช้โดยรถ Bentley รุ่น Bentayga และ Lamborghini รุ่น Urus) ซึ่งทำให้รถของค่าย Ferrari ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพและความสุดยอดในเรื่องของไดนามิกในเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องของการใช้พื้นที่ ความสะดวกสบาย และห้องโดยสารที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับรถ SUV

 

“ความท้าทายอีกอย่าง คือ การเปิดเซ็กเมนต์ใหม่สำหรับแบรนด์ Ferrari” Leiters กล่าว “เรามักจะอยู่ในตำแหน่งที่สุดยอดอยู่เสมอ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการพัฒนารถยนต์ที่ดีอย่างแน่นอน ด้วยการโฟกัสไปที่คุณลักษณะและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการตัดสินใจที่ทำได้อย่างง่ายดาย”

 

“สำหรับพวกเรานั้น การตัดสินใจที่จะต้องเลือกนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุที่พวกเราจะต้องสร้างความท้าทายในแนวความคิดด้านวิศวกรรมแบบใหม่ทั้งหมด”

เทคโนโลยีในแบบ Plug-in Hybrid นั้น ถูกกำหนดให้เป็นคุณลักษณะที่สำคัญ เมื่อคุณได้รับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการลดการปล่อยมลพิษ โดยระบบส่งกำลังจะถูกยกมาจากรถ Ferrari รุ่น 296 GTB ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V6 ตัวใหม่ และแม้ว่าเครื่องยนต์ในรุ่น V8 ที่ใช้ระบบไฟฟ้าในรถรุ่น SF90 จะถูกระบุไว้บนแผ่นประชาสัมพันธ์แล้วก็ตาม Ferrari ตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็น 60% ภายในปี 2026 และทางค่ายได้มีการแบ่งไลน์ผลิตภัณฑ์ออกเป็นครึ่งต่อครึ่ง (50:50) ระหว่างรถรุ่นที่ใช้ระบบเผาไหม้แบบบริสุทธิ์และระบบไฮบริด

 

รถ Ferrari GT ทุกรุ่น รวมถึงรถสไตล์ SUV จะได้รับการตกแต่งภายในใหม่ทั้งหมด โดยอิงจากแนวทางที่บริษัทเรียกว่า "ตามองถนน มือจับพวงมาลัย" โดยในบรรดาคุณสมบัติต่างๆนั้น ได้รวมถึงการออกแบบพวงมาลัยใหม่ ระบบ Infotainment รุ่นใหม่ หน้าจอแสดงผลที่ติดตั้งบนกระจกหน้า อุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยตัวใหม่อื่นๆ รวมทั้งวิธีการควบคุมห้องโดยสารแบบใหม่ ระบบความบันเทิงที่เบาะหลัง และรูปแบบการขึ้นและลงรถที่ดีขึ้น

 

“ในแง่ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน เช่น เราต้องการพื้นที่ว่างหรือไม่? เครื่องยนต์ 6 หรือ 8 สูบ? ฐานล้อยาวดีไหม? ต่างๆนานา ดังนั้น เราจึงสามารถนำเสนอการติดตั้งเครื่องยนต์แบบ V6, V8, V12, เลือกจะวางเครื่องยนต์ไว้ตอนหน้าหรือวางไว้กลางลำ, จะติดตั้งระบบไฮบริดหรือไม่, จะใช้ระบบขับเคลื่อนสองล้อหรือขับเคลื่อนสี่ล้อ, จะเลือกที่นั่งแบบ 2+0, 2+2 หรือ 4 ที่นั่ง ด้วยระยะฐานล้อที่เรามีเสนอให้หลายแบบ เราจึงสามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายมากๆ และมีผลกระทบน้อยมากในการทำเรื่องนี้”

หัวหน้าฝ่ายออกแบบของบริษัทฯ Flavio Manzoni ได้กล่าวว่า นักออกแบบของเราได้ทำงานด้านวิศวกรรมต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้น เพื่อให้แน่ใจว่ารถจะมีสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด สำหรับรถรุ่นที่ถูกกำหนดให้เป็นโมเดลที่มีการถกวิเคราะห์กันของแบรนด์เรา

 

“ในขั้นตอนแรกนั้น คือ การที่คุณเริ่มกำหนดการออกแบบของรถ” Manzoni กล่าว “ในขั้นตอนของการกำหนดนั้น เราได้ทำงานร่วมกันกับเหล่าบรรดาวิศวกร โดยเราสามารถกำหนดสัดส่วนและขนาดให้มีพื้นฐานที่ดีมากๆในการทำงานได้ และนั่นก็เป็นในกรณีของรถ SUV ด้วยเช่นกัน กล่าวคือ รถ SUV จำนวนมากเป็นการแตกยอดออกมาจากของรถแบบอื่นๆ ทำให้นักออกแบบมีข้อจำกัดมากมายอันเนื่องจากพื้นฐานทางด้านเทคนิค แต่ในกรณีของเรานั้น เราจะไม่มีการรอมชอมให้แต่อย่างใด”

 

“ถ้าเราไม่ได้เริ่มต้นการทำงานร่วมกับเหล่าบรรดาวิศวกรแล้ว การกำหนดแพ็คเกจร่วมกันก็จะเป็นปัญหา ฉันจึงยกย่องในเรื่องการทำงานร่วมกันในหลายๆด้าน ในเวลาที่เราเริ่มต้นงานโปรเจกต์ใหม่”

 

ข้อมูลและภาพจาก autocar

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ