เสริมทางเลือก!! Hyundai ซุ่มทำ Hyundai Kona เวอร์ชั่นไฟฟ้า วางขายปีหน้า
- โดย : Autodeft
- 14 มิ.ย. 60 00:00
- 7,482 อ่าน
เปิดโฉมอย่างเป็นทางการสำหรับ B-SUV เล็กจากแดนกิมจิ ในนาม Hyundai Kona ทำให้ต้นสังกัดอย่าง Hyundai Motor เชื่อมั่นว่าจะสามารถต่อกรกับคู่แข่งตัวเอ้ ทั้ง Toyota C-HR, Honda HR-V, Mazda CX-3 และ Ford EcoSport อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากจะมีเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ปกติ ล่าสุดนาย Chung Eui-sun ประธาน Hyundai Motor กล่าวว่าทางเราเตรียมที่จะเปิดตัว Hyundai Kona เวอร์ขั่น เวอร์ชั่นไฟฟ้า EV 100 % ออกสู่ตลาด เด่นด้วย สามารถวิ่งได้ไกลสุด 386 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยเราจะเน้นรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น จากเดิมจะมีทั้งรุ่น Hybrid และ Plug-In Hybrid ที่มีอยู่ในตลาด
นอกจากนี้ Hyundai ยังเตรียมที่จะพัฒนา รถไซส์เล็กกว่ารุ่น Kona หรือ A-SUV โดดยเผยจริงในช่วงปี 2020 นี้ และยังเตรียมพัฒนารถไซส์ใหญ่กว่ารุ่น Santa FE หรือ E-SUV โดยเป้าหมายนั้นจะท้าชนคู่แข่งอย่าง Toyota land Cruiser 200 โดยค่ายนี้ตั้งใจทำรถ SUV ครบทุกกลุ่ม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
สำหรับ Hyundai Kona เป็นรถ B-SUV มีเอกลักษณ์เด่น ตั้งแต่ หน้าขนาดใหญ่สีดำขอบโครเมียม พร้อมโลโก้ ฮุนได ขนาดใหญ่ เหนือขึ้นไปพบกับช่องแนวยาวจากบริเวณไฟเลี้ยวด้านบนสุด ที่ดูตอนแรกอาจจะคิดว่าเป็นตำแหน่งของไฟหน้าแต่กลับเป็นตำแหน่งของไฟเลี้ยวและไฟ DRL LED สุดเท่ เรียวเล็กดูสปอร์ต ถัดลงมาเป็นตำแหน่งของไฟหน้าส่องสว่างที่ตัวกรอบเป็นสีดำด้านชิ้นเดียวเชื่อมต่อกับโป้งล้อ และล่างสุดขยับเข้ามาตรงกลางใต้กระจังเป็นตำแหน่งของไฟตัดหมอก บนแพลทฟอร์มใหม่ที่ใช้ร่วมกับ Kia Stonic
พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน MPI ขนาด 2.0 ลิตร มอบกำลัง 149 แรงม้า(PS) แรงบิด 179 นิวตันเมตร จับคู่ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ T-GDI ขนาด 1.6 ลิตร มอบกำลัง 177 แรงม้า(PS) แรงบิด 265 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ Dual-Clutch เครื่องยนต์จะเป็นขนาด 1.0 ลิตร T-GDI 3 สูบ ให้กำลัง 120 แรงม้า แรงบิด 172 นิวตันเมตร และมีเครื่องยนต์ดีเซล CRDI ขนาด 1.6 ลิตร สำหรับตลาดยุโรป
ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น Forward Collision-Avoidance Assist (FCA) หลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า ,Lane Keeping Assist (LKA) ช่วยไม่ให้ออกนอกเลน , High Beam Assist (HBA) ไฟสูงปรับอัตโนมัติ เป็นต้น โดยการทำงานของกล้องและเรดาร์ในการตรวจจับวัตถุต่างๆ เพื่อทำงานและประมวลผลกับตัวระบบความปลอดภัยที่ถูกใส่มาให้
โดยทำตลาดที่บ้านเกิด เกาหลีใต้ ปลายเดือนมิถุนายน หลังจากนั้นส่งจำหน่ายทั่วโลกตั้งแต่ปลายปีนี้ เป็นต้นไป ส่วนเวอร์ชั่น EV จะจำหน่ายในช่วงปีหน้า
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com