ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนบูม เฉพาะเดือนพฤศจิกายนมียอดขายเพิ่มขึ้น 84,000 คัน

จีน เป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหามลพิษในเมืองใหญ่ให้ได้เร็วและมากที่สุด และก็ถือว่าประสบความสำเร็จได้อย่างดี เมื่อยอดขายช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คนจีนซื้อรถยนต์ใหม่เป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 84,000 คัน

โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่รวมยอดจำหน่ายครั้งนี้ ทั้งแบบที่เป็น Plug-in Hybrid และ EV หรือไฟฟ้าล้วน โดยตัวเลขนี้สูงขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา และถ้ารวมยอดย้อนหลัง 1 ปี ยอดจำหน่ายรถยนต์ระบบไฟฟ้าที่ประเทศจีน มีมากถึง 490,000 คันเลยทีเดียว (ประเทศไทยมียอดจำหน่ายรถรวมทั้งปีประมาณ 850,000 คัน) สูงกว่าปีก่อนถึง 60% โดยรุ่นที่มียอดจำหน่ายสูงสุด 5 อันดับแรกมีดังนี้

1. BAIC EC-Series
รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถทำระยะไกลได้สูงสุด 200 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง ราคา 22,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 721,000 บาท ทำยอดขายไป 15,719 คัน

2. JAC iEV6S/E
รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถทำระยะไกลได้สูงสุด 251 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง ราคา 26,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 852,000 บาท ทำยอดขายไป 4,965 คัน

3. BYD Qin PHEV
รถยนต์แบบ PHEV ที่เมื่อชาร์จไฟฟ้าแล้วจะสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ 100 กิโลเมตร ราคา 31,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,010,000 บาท ทำยอดขายไป 4,258 คัน

4. Zhidou D2 EV
รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถทำระยะไกลได้สูงสุด 120 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง ราคา 19,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 622,000 บาท ทำยอดขายไป 4,062 คัน

5. JMC E200
รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถทำระยะไกลได้สูงสุด 150 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง ราคา 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 655,000 บาท ทำยอดขายไป 3,442 คัน

และถ้าดูยี่ห้อที่เป็นผู้นำเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่าง Tesla กลับมียอดขายเพียง 900 คันเท่านั้นในเดือนที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นเพราะราคาที่สูงจนคนจีนส่วนใหญ่ยังเอื้อมไม่ถึง และทางรัฐบาลมีการสนับสนุนค่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมากกว่า คาดว่าอัตราการเติบโตจะมีอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพราะมีรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง 

ข้อมูลจาก Cleantechnica

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com