เปิดตัวรถใหม่ล่าสุด Lamborghini Urus Performante เบาลงเร้าใจยิ่งขึ้น 666 แรงม้า

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 20 ส.ค. 65 00:00
  • 3,618 อ่าน

ล่าสุดทาง Lamborghini ก็ได้เปิดตัวรถใหม่นามว่า Lamborghini Urus Performante อเนกประสงค์สุดแรงที่เร้าใจมากยิ่งขึ้น กับบอดี้เตี้ยกว่าเคยและกว้างขึ้น กับน้ำหนักที่เบาลง พร้อมความแรงที่เพิ่มขึ้น

โดยสำหรับ Lamborghini Urus Performante นี้ เรียกได้ว่าเป็นมาตรฐานใหม่แห่งสุดยอดงานดีไซน์อันเปี่ยมพลัง ที่ผสานระบบวิศวกรรมยานยนต์ระดับซูเปอร์สปอร์ตไว้อย่างลงตัว

Lamborghini Urus Performante

ได้ผ่านการวิ่งทดสอบบนทางลาดชันสุดหฤโหดของ Pikes Peak International Hill Climb Road ที่มีระดับความสูงกว่า 4,302 เมตร (14,115 ฟุต) โดยสามารถทำเวลาเพียง 10:32.064 นาที ทุบสถิติเดิมที่เคยมีไว้ที่ 10:49.902 นาที เมื่อปี 2018

รูปลักษณ์ด้านหน้า มากับงานออกแบบฝากระโปรงและแผงกันชนขนาดใหญ่โดยใช้รูปทรงที่เฉียบคม เพื่อสื่อถึงดีเอ็นเอสายพันธุ์ซูเปอร์สปอร์ตของ Performante อย่างเด่นชัดโดยยังคงแฝงกลิ่นอายแห่งความหรูหราภูมิฐานของรถยนต์ Urus ไว้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ Urus Performante ยังเน้นการใช้วัสดุคอมโพสิตในการผลิต ทำให้เป็นรถยนต์รุ่นที่ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ในสัดส่วนสูงที่สุดในรถยนต์เซกเมนต์เดียวกัน

แผงกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ และมาพร้อมช่องระบายลมวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์สีเดียวกับตัวรถ โดยลูกค้าสามารถเลือกแบบโชว์วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ได้ ทั้งยังสามารถเลือกหลังคาเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ให้เหมือนกับยานยนต์ซูเปอร์สปอร์ตของลัมโบร์กินีอย่าง Huracán Performante และ Super Trofeo ได้ตามต้องการ

Lamborghini Urus Performante

แผงกันชนหน้าและสปลิตเตอร์วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ถูกออกแบบให้มีเส้นสายใหม่ที่ดูดุดันกว่าเดิม ช่องดักอากาศสีดำด้านหน้าช่วยเสริมประสิทธิภาพการระบายความร้อนเครื่องยนต์พร้อมเพิ่มความดุดันแนวซูเปอร์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ม่านดักลมแบบใหม่นั้นทำให้อากาศไหลเข้าทางล้อหน้าได้มากขึ้น และผสานกับการออกแบบตรงช่องระบายลมบนฝากระโปรง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์พร้อมทำให้เครื่องยนต์เย็นลง ส่วนสปอยเลอร์ด้านหลังดีไซน์ใหม่ยังช่วยเพิ่มแรงกดด้านหลังของ Urus Performante ได้อีก 38% 

การออกแบบสปริงใหม่ยังช่วยให้โครงแชสซีของ Performante ต่ำลงอีก 20 มม. และเพิ่มความกว้างฐานล้อขึ้นอีก 16 มม. ซุ้มล้อวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ สามารถจับคู่กับล้อน้ำหนักเบาขนาด 23 นิ้วหรือแบบมาตรฐาน 22 นิ้ว พร้อมน็อตไทเทเนียมและยาง Pirelli ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ

Urus Performante โหลดตัวรถให้ต่ำลงเพื่อเสริมภาพลักษณ์ที่บึกบึนด้วยการออกแบบกันชนหน้าและหลังขนาดใหญ่ ซึ่งเพิ่มความยาวตัวรถ 25 มม. การออกแบบด้านหลังมีความสวยงามไม่แพ้ด้านหน้าด้วยสปอยเลอร์ขนาดใหญ่และการออกแบบฟินสปอยเลอร์หลังที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์นั้นได้แรงบันดาลใจจากรุ่น Aventador SVJ ซึ่งช่วยเพิ่มแรงกดให้ตัวรถ

Lamborghini Urus Performante

กันชนหลังและดิฟฟิวเซอร์ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มาพร้อมกับท่อไอเสียแบบ Akrapovic วัสดุไทเทเนียมน้ำหนักเบาเป็นมาตรฐาน ช่วยเพิ่มพลังเสียงที่กระหึ่มทรงพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของลัมโบร์กินีซึ่งจะแตกต่างไปตามโหมดการขับขี่ที่เลือก ยิ่งไปกว่านั้นการใช้ธีมสีทูโทนยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ของ Performante ให้โดดเด่นขึ้น จากการทำชิ้นส่วนอื่น ๆ ให้มีสีแตกต่างจากตัวรถ ทั้งมือจับประตูสีดำ ช่องระบายลมคาร์บอนไฟเบอร์เคฟลาร์บนฝากระโปรงและสปอยเลอร์ลิปคาร์บอนไฟเบอร์เคฟลาร์ เป็นต้น

การออกแบบห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วย Alcantara สีดำ Nero Cosmus เป็นมาตรฐาน พร้อมงานเย็บเบาะนั่งหกเหลี่ยมในสไตล์ “Performante Trim” นอกจากนี้ยังเลือกออปชันเสริมได้จากธีมการตกแต่งด้วยหนังทั้งคัน และสีสันภายใน โดยสามารถเลือกสไตล์ “Performante Trim” ให้ครอบคลุมทั้งในส่วนประตู เส้นแนวหลังคา พนักพิง และผนังด้านหลังห้องโดยสาร รวมถึงโปรแกรมการตกแต่งเฉพาะแบบ Ad Personam ของลัมโบร์กินีที่มีตัวเลือกวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ผิวด้านเพื่อการตกแต่งภายใน มือจับประตูสีแดง และขอบประตูพร้อมโลโก้ Ad Personam

Lamborghini Urus Performante

สำหรับพวงมาลัย Alcantara และหนังสีดำตกแต่งในโทนสีดำด้านให้เข้ากับห้องโดยสารธีมอลูมิเนียมชุบดำ สำหรับออปชั่น “Dark Package” จะสามารถเลือกการตกแต่งโทนสีดำด้านให้ครอบคลุมรายละเอียดของห้องโดยสารส่วนอื่น ซึ่งรวมถึงส่วนก้านของแผงควบคุมกลาง TAMBURO ที่ควบคุมฟังก์ชั่นทั้งปุ่มเปิด/ปิดเครื่องและตัวเลือกโหมดการขับขี่ต่าง ๆ ส่วนการแสดงผลกราฟิก HMI เป็นแบบใหม่ที่ออกแบบสำหรับ Urus Performante โดยเฉพาะ

ขุมพลังเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงถึง 666 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้นจากเดิม 16 แรงม้า ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ก่อนไปถึงความเร็วสูงสุดที่ 306 กม./ชม.

ที่มา carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ