BYD รุกตลาดรถยนต์นั่งไฟฟ้าในแดนซามูไร พร้อมปล่อยรถ 3 รุ่นแรก Atto 3, Dolphin และ Seal แล้ว

ผู้ผลิตรถยนต์ข้ามชาติจากแดนมังกรอย่าง BYD ได้ประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ว่า บริษัทฯได้ทำการเข้าสู่ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะเริ่มขายรถใหม่ 3 รุ่น ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป

โดยในช่วงแรกนั้น BYD จะนำเสนอรถรุ่น Atto 3 (ซึ่งในประเทศจีนรู้จักกันในชื่อ Yuan Plus และเป็นรุ่นเดียวกันกับ Atto 3 ที่ถูกนำออกขายในประเทศออสเตรเลียอีกด้วย) โดยรถรุ่น BYD Atto 3 นั้น คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในช่วงเดือนมกราคม ปี 2023

 

ส่วนรถรุ่นที่ 2 ที่จะนำออกสู่ตลาด คือ BYD Dolphin ซึ่งมีกำหนดจะออกขายในช่วงกลางปี 2023 และรถรุ่นที่ 3 ได้แก่ BYD Seal โฉมใหม่ ซึ่งมีกำหนดจะออกขายในช่วงครึ่งหลังของปี 2023

 

รถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่นนี้นั้น ถูกสร้างขึ้นบน e-platform 3.0 ของทาง BYD เอง และขับเคลื่อนโดย BYD Blade Battery (ซึ่งประกอบด้วย เคมี LFP และระบบ cell-to-pack) ในส่วนของรถรุ่น Seal นั้น จะใช้แบตเตอรี่ที่มีโครงสร้างแบบ CTB (cell-to-body)

 

จากข้อมูลที่ได้จากทาง BYD ซึ่งบอกไว้ว่า "รถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่นนี้ จะเป็นการนำเสนอทางเลือกที่มากขึ้นและจะช่วยยกระดับตลาดรถยนต์นั่งไฟฟ้าในระดับโลคอลอีกด้วย" และเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่จะได้เห็นการตอบโต้จากค่ายรถยนต์อย่าง Toyota Nissan Honda หรือผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆของญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ บริษัทฯเหล่านี้ต้องแข่งขันกับรถยนต์ BEV ที่มาจากต่างประเทศบนแผ่นดินของพวกเขาเองมากขึ้นเรื่อยๆ

ในเรื่องนี้ Wang Chuanfu ผู้บริหารระดับสูงและประธานของบริษัท BYD ได้กล่าวไว้ว่า

 

“ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่ทำการพัฒนาระบบยานยนต์ไฟฟ้าของโลก BYD ได้สั่งสมความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มายาวนานกว่า 27 ปี ในด้านยานยนต์พลังงานแบบใหม่ และเราก็ยังมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีระดับสูง ซึ่งประกอบไปด้วย แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ และชิปเกรดยานยนต์ ในวันนี้ ด้วยการสนับสนุนและความคาดหวังที่มาจากลูกค้า เป็นการผลักดันให้ BYD ได้เข้าสู่ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งใหม่ในประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ และด้วยความพยายามร่วมกันของ BYD และตลาดรถยนต์ NEV ในท้องถิ่น เราจึงทุ่มเทเพื่อเข้าสู่การเป็นผู้นำในระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (E-Mobility) เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น”

การเข้ามาของ BYD นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ทั้งหมดในตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทฯได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆอยู่แล้ว เช่น แบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ (จำหน่ายมาตั้งแต่ปี 1999) รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ รถโดยสารระบบพลังงานไฟฟ้าล้วน รถยกระบบไฟฟ้าล้วน และผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมากมาย ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการเข้าสู่ตลาดรถยนต์นั่งโดยสารไฟฟ้านั้น เป็นเพียงอีกบทหนึ่งของการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องเท่านั้นเอง

 

และเมื่อพิจารณาถึงความแคบของตลาดรถยนต์ BEV ที่ถูกเสนอในประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้ ก็ทำให้เห็นว่าแบรนด์ BYD มีโอกาสสูงที่จะขึ้นมาอยู่ในระดับหัวแถวได้

 

ปัจจุบัน บริษัทฯมีสำนักงานตั้งอยู่ในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก (มากกว่า 400 เมือง) ใน 6 ทวีป แต่การขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Plug-in นั้น บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นไปที่ตลาดจีนเป็นหลัก (ด้วยขายรวมกว่า 133,762 คัน ในเดือนมิถุนายน แต่เป็นรถที่ถูกส่งออกไปเพียง 2,177 คัน เท่านั้น)

 

ข้อมูลและภาพจาก insideevs