สตาร์ทอัพรายนี้มีไอเดียใหม่! ช่วยผู้ผลิตรถยนต์เปลี่ยนรถไฟฟ้าให้กลายเป็นไฮบริดได้แบบ “Plug-and-Play”
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 21 เม.ย. 68 08:41
- 1,036 อ่าน
แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในตลาดหลักอย่างสหรัฐ และจีนจะยังเติบโตต่อเนื่อง แต่ความเป็นจริงที่หลายค่ายเริ่มตระหนักก็คือ “ยังไม่ใช่ทุกคน” ที่อยากเปลี่ยนมาใช้รถ EV ในทันที โดยข้อมูลจาก Cox Automotive เผยว่าในไตรมาสแรกของปี 2025 มีรถ EV จำหน่ายได้ราว 296,227 คันในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.4% จากปีก่อนหน้า แต่ถ้าเทียบกับ Hyundai เพียงค่ายเดียวที่ขายรถยนต์ได้ถึง 203,554 คันในช่วงเวลาเดียวกัน ก็เห็นภาพได้ชัดว่า EV ยังไม่ใช่คำตอบของทุกคนในตอนนี้
และในขณะที่หลายค่ายอย่าง Hyundai, GM และ Volkswagen กำลังเร่งพัฒนาเวอร์ชันไฮบริดของรถยอดนิยมของตน ล่าสุด “Horse Powertrain” สตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Renault Group, Geely และบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง Aramco ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่อาจช่วยปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์
Future Hybrid Concept: ระบบขับเคลื่อนไฮบริดแบบ “Plug-and-Play” พร้อมติดตั้ง
ในงาน Auto Shanghai ปีนี้ Horse Powertrain เตรียมเปิดตัว Future Hybrid Concept (FHC) – ระบบขับเคลื่อนไฮบริดแบบโมดูลาร์กะทัดรัด ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งได้ทั้งในรถ EV และรถเครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม จุดเด่นคือเป็นระบบแบบ All-in-One ที่สามารถติดตั้งแทนชุดขับเคลื่อนหน้าของรถ EV ได้เลย โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มมากนัก
ระบบ FHC ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาป, มอเตอร์ไฟฟ้า, ชุดเกียร์ และชุดอิเล็กทรอนิกส์ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นคอนโทรลเลอร์ อินเวอร์เตอร์ ตัวแปลงไฟ DC-to-DC ที่ชาร์จในรถ และระบบบูสเตอร์ 800V สำหรับชาร์จเร็ว ซึ่งทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เพียงแค่เตรียมพื้นที่สำหรับถังน้ำมันและระบบไอเสีย ก็สามารถแปลง EV เดิมให้เป็นไฮบริดได้ทันที
ที่น่าสนใจคือ เครื่องยนต์ในระบบนี้รองรับเชื้อเพลิงหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซินทั่วไป, เชื้อเพลิงสังเคราะห์สมัยใหม่, เมทานอล M100 หรือแม้กระทั่งเชื้อเพลิง E85 ทำให้เหมาะกับตลาดที่ยังไม่พร้อมสำหรับ EV เต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ FHC ยังสามารถทำหน้าที่เป็น Range Extender สำหรับรถ EV โดยต่อเข้ากับแบตเตอรี่แรงดันสูงของรถเดิม หรือจะใช้งานแบบไฮบริดขับเคลื่อนล้อหน้า หรือร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อก็ได้
ซีอีโอของ Horse Powertrain กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นในการช่วยผู้ผลิตรถยนต์รับมือกับความท้าทายครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่า EV จะเป็นทางเลือกเดียวในการลดคาร์บอน แต่ตอนนี้โลกกำลังก้าวสู่แนวทางที่เทคโนโลยีเป็นกลาง ซึ่งแต่ละตลาดและการใช้งานก็มีแนวทางของตนเอง” เขายังกล่าวเสริมว่า “Future Hybrid Concept ของเราออกแบบมาเพื่อช่วย OEM ให้สามารถนำเสนอทางเลือกที่หลากหลาย โดยไม่ต้องลงทุนปรับสายการผลิตหรือเพิ่มต้นทุนมากมาย”
ข้อมูลจาก Autoblog
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com