Nissan Frontier Pro ใหม่ กระบะปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของค่าย เปิดตัวครั้งแรกที่จีน

Nissan เปิดตัวกระบะปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์ในชื่อ Frontier Pro อย่างเป็นทางการที่งาน Auto Shanghai ประเทศจีน โดยแม้จะใช้ชื่อ “Pro” เหมือนกับรุ่น Pro-X/Pro-4X ที่จำหน่ายในอเมริกาเหนือ แต่ความจริงแล้ว นี่คือรถคนละรุ่นกันโดยสิ้นเชิง เพราะรุ่นใหม่นี้พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของ Nissan Dongfeng Z9 ที่ผลิตและจำหน่ายเฉพาะในจีน

สิ่งที่น่าสนใจคือ Nissan ถือว่านี่คือ รถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์ อย่างเป็นทางการ เนื่องจากระบบ e-Power ที่ใช้ในหลายรุ่นก่อนหน้านี้ยังจัดอยู่ในประเภท “EV เครื่องยนต์ขยายระยะทาง” ไม่ใช่ปลั๊กอินไฮบริดแท้ๆ

ดีไซน์ล้ำ พร้อมกลิ่นอายความคลาสสิก

กระบะรุ่นใหม่ได้รับการออกแบบโดยทีมงานที่สตูดิโอเซี่ยงไฮ้ โดยด้านหน้ามาพร้อมแถบไฟแบบคั่นกลาง สะท้อนกลิ่นอายจากฝากระโปรงหน้าแบบสามช่องของ Nissan/Datsun D21 Hardbody ในตำนาน ส่วนด้านท้ายมาพร้อมหลังคากระบะที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า (แล้วแต่รุ่นย่อย)

ขนาดใหญ่กว่า Frontier ที่ขายในอเมริกา

Nissan Frontier Pro ใหม่มีขนาดตัวถังยาว 5,520 มม. กว้าง 1,960 มม. และสูง 1,950 มม. พร้อมระยะฐานล้อ 3,300 มม. ซึ่งใหญ่กว่ารุ่น Frontier เวอร์ชันอเมริกาในทุกมิติ น้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 2,500 – 2,540 กก. มาพร้อมล้อขนาด 18 นิ้ว จับคู่ยาง 265/65

พลังแรงเกินคาด 402 แรงม้า

หัวใจขับเคลื่อนของ Frontier Pro คือเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 4 สูบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งในระบบเกียร์ ให้พละกำลังรวม มากกว่า 402 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 800 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ (ไม่ได้ระบุขนาด) ให้ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนได้ถึง 135 กม. ตามมาตรฐาน CLTC ของจีน

ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ อิสระปีกนกคู่ ส่วนด้านหลังเป็น ห้าลิงก์ เสริมด้วยดิฟหลังแบบไฟฟ้า พร้อมโหมดขับเคลื่อนหลากหลาย ทั้ง 4H, 4L, โหมด Performance, Snow, Hybrid และโหมดไฟฟ้าล้วน

ภายในครบครัน หรูหราทันสมัย

ห้องโดยสารตกแต่งด้วยธีมสีเหลืองนีออน มาพร้อมจอกลางขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลฝั่งผู้ขับขนาด 10 นิ้ว ที่เบาะคู่หน้าสามารถเลือกติดตั้งระบบ อุ่น เย็น และนวด ได้เป็นออปชั่นเสริม พร้อมฟีเจอร์ Vehicle-to-Load (V2L) จากปลั๊กท้ายกระบะ จ่ายไฟสูงสุด 6 กิโลวัตต์ ให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอก

เตรียมทำตลาดนอกจีน แต่ไม่เข้าอเมริกา

แม้จะเปิดตัวที่จีน แต่ Frontier Pro จะไม่จำกัดเฉพาะตลาดแดนมังกรเท่านั้น Nissan มีแผนส่งออกรุ่นนี้ไปยังตลาดต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม โอกาสเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือนั้นค่อนข้างริบหรี่ เพราะติดกำแพงภาษีที่สูงถึง 25% ซึ่งจะทำให้ราคาขายแพงเกินไป

ข้อมูลจาก Motor1