ผลสำรวจชี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังลังเลซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แม้ยอดขายทะลุสถิติ ชาวมะกันอยากได้ EV มีแค่ 5% เท่านั้น

แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ทั่วโลกในปีที่ผ่านมาจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 25.6% จากปีก่อนหน้า แต่ผลการศึกษาล่าสุดจากดีลอยท์ บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก กลับพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงลังเลที่จะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคันต่อไป

จากการสำรวจความต้องการของผู้บริโภคในหลายประเทศ พบว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ทั้งเบนซินและดีเซล ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยม โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีเพียง 5% ที่สนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และ 6% สนใจรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ขณะที่ 62% ยังคงเลือกรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน และ 20% สนใจรถไฮบริด

ในเยอรมนี 53% ต้องการซื้อรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน เทียบกับ 9% ที่สนใจรถปลั๊กอินไฮบริด และ 14% สนใจรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 53% เลือกรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน 17% สนใจรถไฮบริด 13% สนใจรถปลั๊กอินไฮบริด และ 11% สนใจรถยนต์ไฟฟ้า

มีเพียงจีนเท่านั้นที่แตกต่าง โดย 38% เลือกรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน 16% สนใจรถไฮบริด 17% สนใจรถปลั๊กอินไฮบริด และ 27% สนใจรถยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจนี้มีข้อจำกัดเรื่องกลุ่มตัวอย่างที่ค่อนข้างน้อย เช่น ในสหรัฐฯ มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 937 คน และในจีน 939 คน จึงอาจไม่สามารถสรุปภาพรวมทั้งหมดได้

นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าความภักดีต่อแบรนด์มีแนวโน้มลดลง โดยในสหรัฐฯ 54% ของเจ้าของรถวางแผนจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นในการซื้อรถคันต่อไป และในจีนตัวเลขนี้สูงถึง 76%

ส่วนประเด็นรถยนต์ไร้คนขับ ผู้บริโภคยังคงมีความกังวล โดย 52% ของชาวอเมริกันแสดงความกังวลเกี่ยวกับบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับในละแวกบ้าน และ 64% รู้สึกไม่สบายใจกับรถบรรทุกไร้คนขับบนทางหลวง

ข้อมูลจาก Carscoops