Mazda EZ-60 เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่ สร้างกระแสแรง! กวาดยอดจองกว่า 10,000 คันใน 48 ชั่วโมงหลังเปิดตัวที่จีน

Mazda ร่วมกับ Changan เปิดตัว Mazda EZ-60 รถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นใหม่ครั้งแรกในงาน Shanghai Auto Show โดยสามารถกวาดยอดจองได้ถึง 10,060 คัน ภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงหลังการเผยโฉม

อย่างไรก็ตาม ยอดจองดังกล่าวยังไม่ใช่การจองแบบผูกพันแน่นอน เนื่องจาก Mazda เปิดโปรแกรมจองล่วงหน้าด้วยเงินมัดจำเพียง 10 หยวน (ประมาณ 46 บาท) พร้อมมอบสิทธิ์สะสมเครดิตรายวันเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อจริงตามเงื่อนไขที่กำหนด

Mazda EZ-60 พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม EPA ของ Changan ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับรุ่น Deepal S07 โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบขุมพลัง ได้แก่

• รุ่น Range-Extended (ขยายระยะทาง) มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลัง 72 กิโลวัตต์ (ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเท่านั้น) ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 190 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟตขนาด 31.73 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวประมาณ 160 กิโลเมตร
• รุ่นไฟฟ้าล้วน (BEV) ข้อมูลยังไม่เปิดเผยอย่างเต็มรูปแบบ แต่เบื้องต้นระบุว่าจะมีระยะทางขับขี่ที่แข่งขันได้ในตลาด

ห้องโดยสารของ EZ-60 เน้นการออกแบบแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ มาพร้อมจอแสดงผล 5K Ultra-Wide ขนาด 26.45 นิ้ว ที่รวมการแสดงผลหน้าปัด, ระบบอินโฟเทนเมนต์ และการควบคุมระบบปรับอากาศเข้าไว้ด้วยกัน ลดการใช้ปุ่มกดแบบดั้งเดิมและเน้นการสั่งงานด้วยระบบสัมผัสและเสียง นอกจากนี้ ผู้โดยสารตอนหลังก็มีหน้าจอสัมผัสแยกต่างหากสำหรับควบคุมสภาพอากาศและความบันเทิง อีกทั้งยังมีระบบเสียงระดับพรีเมียมแบบ 23 ลำโพง รองรับระบบ Dolby Atmos 7.1.4 แชนแนล เป็นออปชั่นเสริม

พื้นที่เก็บสัมภาระได้รับการออกแบบให้ใช้งานหลากหลาย โดยมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลัง 350 ลิตร และสามารถขยายได้ถึง 2,036 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง สำหรับรุ่นไฟฟ้าล้วนยังมี ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 126 ลิตร เสริมอีกด้วย พร้อมทั้งมีช่องเก็บของขนาดเล็กกระจายตามจุดต่าง ๆ ภายในห้องโดยสาร

ในด้านขนาดตัวถัง Mazda EZ-60 มีความยาว 4,850 มม., กว้าง 1,935 มม., สูง 1,620 มม. และระยะฐานล้อ 2,902 มม. ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED ทรงเรียว กระจังหน้าทรงปิด และกระจกหลังลาดเอียงผสานกับไฟท้ายแบบเส้นเต็มแนวกว้าง

ด้านความปลอดภัย EZ-60 มาพร้อม ถุงลมนิรภัย 9 จุด เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และติดตั้งระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติระดับ L2 ใช้กล้อง HD จำนวน 5 ตัว, เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว และเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัยของแบตเตอรี่ซึ่งร่วมพัฒนากับ CATL และ CALB ยังมีการปกป้องถึง 8 ชั้น และถูกออกแบบมาให้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของจีนที่เข้มงวดในปี 2026

ข้อมูลจาก Carnewschina