BYD เตรียมเปิดตัวแบตเตอรี่แบบ Solid-State ในปี 2027 ก่อนใช้งานในวงกว้าง ปี 2030

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 25 ก.พ. 68 22:40
  • 1,774 อ่าน

BYD ยังไม่ได้ระบุระยะทางที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของบริษัทสามารถขับขี่ได้บนการชาร์จหนึ่งครั้งด้วยแบตเตอรี่แบบ Solid-State

การพัฒนาแบตเตอรี่แบบ Solid-State สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ใช้เวลานานกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ แต่ปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์หลายรายที่กำลังพัฒนาแบตเตอรี่ประเภทนี้สำหรับรถ EV รุ่นถัดไป หนึ่งในนั้นคือ BYD ยักษ์ใหญ่จากจีน ซึ่งประกาศว่าแบตเตอรี่แบบ Solid-State ของบริษัทจะเปิดตัวในปี 2027 ก่อนที่จะเริ่มใช้ในวงกว้างตั้งแต่ปี 2030

BYD

ในงาน China All-Solid-State Battery Innovation and Development Summit Forum ที่จัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา, Sun Huajun CTO ของบริษัทแบตเตอรี่ลิเธียมของ BYD เปิดเผยว่า แบตเตอรี่แบบ Solid-State ของ BYD จะใช้สารอิเล็กโตรไลต์ประเภทซัลไฟด์ เขาไม่ได้ระบุความหนาแน่นของพลังงานที่บริษัทตั้งเป้า แต่เมื่อปีที่แล้ว BYD เริ่มการผลิตต้นแบบของแบตเตอรี่ Solid-State ขนาด 20 Ah และ 60 Ah

ในขณะที่ BYD ยังคงพัฒนาแบตเตอรี่ประเภทนี้ต่อไป คาดว่าแบตเตอรี่ Solid-State จะเริ่มถูกนำมาใช้ในปี 2027 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับกลางและสูงของบริษัท เมื่อแบตเตอรี่เหล่านี้ผลิตได้ในราคาที่ถูกลง, BYD จะเริ่มนำมาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกลงระหว่างปี 2030 ถึง 2032 โดยคาดว่าในระยะยาว, แบตเตอรี่ Solid-State จะมีต้นทุนใกล้เคียงกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

BYD

อย่างไรก็ตาม, นี่ไม่ได้หมายความว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่นจะหมดความสำคัญในเร็วๆ นี้ Lian Yubo หัวหน้าผู้วิจัยและวิศวกรยานยนต์ของ BYD กล่าวในงานเดียวกันว่า แบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LiFePO4) จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการผลิต EV ราคาประหยัดในอีก 15-20 ปีข้างหน้า

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จีนอื่นๆ ก็กำลังพัฒนาแบตเตอรี่ Solid-State อย่างแข็งขัน เช่นเดียวกับ Chery ที่ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วได้เปิดเผยว่าแบตเตอรี่ Solid-State รุ่นต้นแบบของบริษัทมีความหนาแน่นพลังงาน 400 Wh/kg และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 500 Wh/kg โดยจะเริ่มติดตั้งในรถยนต์ในปี 2026 ก่อนจะเริ่มการผลิตในปริมาณมากในปีถัดไป Chery คาดว่าแบตเตอรี่เหล่านี้จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทวิ่งได้ไกลถึง 1,500 กม. (932 ไมล์) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

แบตเตอรี่ Solid-State ก็ได้รับความสนใจจากแบรนด์ยานยนต์ใหญ่ๆ ด้วยเช่นกัน โดยทั้ง Toyota และ Nissan ได้ลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีนี้และมีแผนจะเปิดตัวใช้งานในปีต่อๆ ไป

ที่มา Carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ