BYD เปิดตัวเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ God’s Eye ติดตั้งในรถไฟฟ้า EV ราคาต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 12 ก.พ. 68 10:12
  • 1,740 อ่าน

BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีช่วยขับขี่ ‘God’s Eye’ ที่จะนำมาใช้ในรถยนต์ 21 รุ่น โดยเฉพาะในรุ่น Seagull SUV ที่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 320,000 บาท ซึ่งถือเป็นการนำเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติระดับสูงมาใช้ในรถยนต์ที่มีราคาถูกกว่ารุ่นอื่น ๆ ในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ

BYD

การประกาศนี้เกิดขึ้นในการถ่ายทอดสดจาก CEO Wang Chuanfu โดยระบุว่า BYD จะติดตั้งระบบ God’s Eye ในรถยนต์ทุกรุ่นที่มีราคาสูงกว่า 100,000 หยวน รวมถึงบางรุ่นที่มีราคาต่ำกว่าดังกล่าว เช่น รุ่น Seagull ที่มีราคาเพียง 69,800 หยวน

ระบบ God’s Eye แบ่งออกเป็นหลายเวอร์ชัน โดยเริ่มจากเวอร์ชันพื้นฐานที่ชื่อว่า God’s Eye C ซึ่งใช้กล้องทั้งหมด 12 ตัว (กล้องมุมมองด้านหน้า 3 ตัว, กล้องมุมมองพาโนรามา 5 ตัว, กล้องมุมมองรอบทิศทาง 4 ตัว) และเซ็นเซอร์เรดาร์ 17 ตัว ซึ่งจะใช้ในรถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์ รวมถึงรุ่น Seagull

ในขณะที่ God’s Eye B เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นและมีการเพิ่มเซ็นเซอร์ Lidar ซึ่งจะถูกติดตั้งในรถยนต์ระดับกลางถึงสูงของ BYD และเน้นไปที่แบรนด์ Denza และ Fang Cheng Bao

BYD Seagull

สำหรับระบบ God’s Eye A ซึ่งเป็นเวอร์ชันระดับสูงสุด จะมีการติดตั้ง Lidar ถึง 3 ตัวและถูกออกแบบมาให้ใช้งานในรถยนต์ของแบรนด์ Yangwang ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รับผิดชอบรถซูเปอร์คาร์ U9 ที่เคยปรากฏตัวในโฆษณากระโดดข้ามหลุมบ่อ ล่าสุด BYD ได้นำเสนอความสามารถของระบบ God’s Eye A ในการทำให้ U9 วิ่งในสนามแข่งโดยไม่มีคนขับ

ระบบ God’s Eye C รองรับการช่วยขับขี่ในสถานการณ์ทางหลวง แต่รุ่น A และ B จะสามารถใช้งานในการขับขี่ในเมืองได้ด้วย ซึ่งถือเป็นความสามารถที่แม้แต่ระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงสุดของ Mercedes-Benz (Drive Pilot) ยังไม่สามารถทำได้

ทั้งระบบ A, B และ C จะเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี AI ที่ชื่อว่า DeepSeek ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีการพัฒนาเพื่อเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้จากข้อมูล โดยมีรายงานว่าเทคโนโลยีนี้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อตลาด เช่นเดียวกับที่การประกาศนี้ทำให้หุ้นของ Nvidia ร่วงลงอย่างรุนแรงในเดือนที่ผ่านมา

BYD กำลังพยายามเปลี่ยนแปลงวงการโดยการทำให้เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติที่เคยมีราคาสูงสามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ในระดับที่มีราคาประหยัดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีช่วยขับขี่ในอนาคต

ที่มา Carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ