อัพเดตสเปก Range Rover Sport รุ่นปี 2023 เต็มอิ่ม! PHEV เครื่องยนต์ V8 523 แรงม้า แถมระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น
- โดย : PR Autodeft
- 12 พ.ค. 65 00:00
- 6,221 อ่าน
ตัวเลือกของระบบส่งกำลังแบบสปอร์ตรุ่นใหม่ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 จะทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 6 สูบคู่ ส่วนรถ EV ตัวเต็มรูปแบบนั้น จะยังไม่ออกมาจนกระทั่งปี 2024 แต่สิ่งที่คุณจะได้เห็นเป็นอย่างแรก คือ สไตล์ที่ดูหรูหรามากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ
- รถ Range Rover Sport โฉมใหม่ ปี 2023 นั้น จะมีรูปลักษณ์ที่สง่างามมากขึ้น มีระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น และมีคุณสมบัติใหม่ๆมากมาย
- นอกจากเครื่องยนต์ 6 สูบ ที่เราคุ้นเคยกันแล้ว ยังมีระบบปลั๊กอินไฮบริด ขนาด 434 แรงม้า และเครื่องยนต์ V-8 ทวินเทอร์โบ 523 แรงม้า
- ราคาเปิดของ Range Rover Sport รุ่นปี 2023 เริ่มต้นที่ 84,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่นพื้นฐานอย่าง SE จนถึง 122,850 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรถรุ่น First Edition ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง V-8
Range Rover Sport รุ่นปี 2023 นั้น ถือเป็นตัวนำในเจเนอเรชั่นที่ 3 ของรถรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดของแบรนด์จากอังกฤษ แน่นอน! มันเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดสหรัฐฯด้วย จากข้อมูลของ Land Rover เอง เมื่อพูดถึงชื่อเสียงและราคาของรุ่น Sport นั้น มันถูกจัดให้อยู่ต่ำกว่า Range Rover รุ่นพรีเมียร์ ซึ่งเพิ่งได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเมื่อไม่นานมานี้อยู่หนึ่งขั้น เมื่อพูดถึงการพลิกโฉมรถรุ่น Sport ตัวใหม่ Range Rover ได้เลือกที่จะออกแบบตัวถังที่ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น ซึ่งมันจะล้อมไปบนฐานล้อที่ยาวขึ้นอีก 3 นิ้ว และแน่นอนที่คอนเทนต์ใหม่ๆจะถูกเพิ่มเข้าไป เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดของมันให้มากขึ้นไปอีก
รถทุกคันของ Range Rover Sport ที่ออกขายในสหรัฐฯ จะมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด โดยไลน์อัพของรถจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ P360 SE, P400 SE Dynamic, P440e Autobiography และ P530 First Edition โดยแต่ละรุ่นจะมีระบบส่งกำลังเฉพาะของตัวเอง โดยรุ่น SE และ SE Dynamic จะใช้ระบบเทอร์โบชาร์จแบบอินไลน์ 6 ขนาด 3.0 ลิตร ที่มาพร้อมระบบไฮบริด 48 โวลต์ อย่างไรก็ตามรถรุ่น P360 นั้นจะมีกำลัง 355 แรงม้า และรถรุ่น P400 จะมีกำลัง 395 แรงม้า
ส่วนรุ่น P440e จะมีการติดตั้งระบบ Plug-in-Hybrid ที่ให้แรงม้ารวม 434 แรงม้า และแบตเตอรี่ขนาด 31.8-kWh ของมัน จะให้พิสัยการวิ่งโดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวที่ 48 ไมล์ ในรถรุ่น P530 นั้น จะมีกำลังขนาด 523 แรงม้า ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ 4.4 ลิตร V-8 ที่ได้มาจาก BMW และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ในเวลา 4.3 วินาทีตามที่เคลมไว้ นอกจากนี้ Range Rover ยังกล่าวอีกว่า รถรุ่นที่ใช้ไฟฟ้าจะเข้าสู่ไลน์อัพในปีหน้า
ถึงแม้ว่ารูปร่างโดยทั่วไปของรถ SUV นั้น ดูยากเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่รูปลักษณ์ใหม่ของ Range Rover Sport ปี 2023 นั้น ดูจะโฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นก่อนๆอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนที่ยื่นออกมาทางด้านหน้านั้นแลดูสั้นกว่า และด้านหลังดูยาวกว่า แถมความสูงของช่วงหน้าสุดก็ถูกเพิ่มขึ้น รถมาพร้อมไฟหน้าที่เพรียวบางกว่า ช่องเปิดกระจังหน้าที่มีขนาดเล็กลง และพื้นผิวก็ดูสมูธขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงด้านข้างที่มีมือจับประตูแบบฝังเรียบ ส่วนท้ายของรุ่น Sport นี้ จะมีลักษณะที่ดูร่วมสมัยมากขึ้น ด้วยองค์ประกอบแสงที่ครอบคลุมไปถึงความกว้างของประตูท้าย รถ Rover รุ่นล่าสุดในตอนนี้ จะมาพร้อมล้อที่ใหญ่ขึ้นขนาด 23 นิ้ว (เดิมทีมาตรฐานจะอยู่ 21 นิ้ว) และไดนามิกโมเดลจะมาพร้อมรูปลักษณ์พิเศษ เช่น กันชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับการตกแต่งภายนอกด้วยสีกราไฟต์และทองแดง
แพลตฟอร์มของ RR Sport รุ่นใหม่ จะมีความแข็งแกร่งกว่าเดิมถึง 35 เปอร์เซ็นต์ และฐานล้อจะถูกขยายออกไปอีก 3 นิ้ว ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่วางขาที่เบาะหลังในห้องโดยสารได้อีกประมาณ 1 นิ้ว โดยมันได้รับการรีดีไซน์ด้วยการใช้วัสดุและคุณสมบัติใหม่ๆ ส่วนของที่นั่งด้านหน้านั้น ผู้โดยสารจะได้รับความเพลิดเพลินไปบนเบาะไฟฟ้า 22 ทิศทาง พร้อมระบบเบาะอุ่นและระบายอากาศ รวมถึงฟังก์ชั่นการนวด ตามาด้วยแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 13.7 นิ้ว แถมรถรุ่น Sport ทุกคัน ยังติดตั้งหน้าจอสัมผัสแบบโค้งขนาด 13.1 นิ้ว ที่รองรับการอัปเดตในแบบ over-the-air และคำสั่งด้วยเสียงของ Amazon Alexa การชาร์จแบบไร้สาย และ Apple CarPlay แบบไร้สาย ส่วน Android Auto ก็ถือเป็นมาตรฐานเช่นกัน ออฟชั่นยอดนิยมของรถ ได้แก่ ระบบเสียง Meridian พร้อมลำโพง 29 ตัว ที่มีกำลังขยายสูงสุดที่ 1,430 วัตต์
ฟีเจอร์ใหม่อื่นๆที่มีการปรับปรุงของ Range Rover Sport คือ ระบบบังคับเลี้ยวที่เพลาล้อหลังสามารถหมุนล้อหลังได้ถึง 7.3 องศา ช่วยให้รถ SUV ขนาดใหญ่ มีคล่องตัวมากขึ้นเมื่อวิ่งที่ความเร็วต่ำ และการเพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรดที่ปรับได้นั้น มีจุดประสงค์เพื่อให้รถรุ่น Sport สามารถควบคุมได้ง่ายขึ้นบนภูมิประเทศที่ไม่ราบเรียบ โดยการปรับความเร็วรถได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ขับขี่ต้องทำเพียงการควบคุมพวงมาลัยเท่านั้น รถทุกรุ่นจะออกมาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยเหลือในการขับขี่ ซึ่งรวมถึงระบบกล้อง 360 องศา เซ็นเซอร์ที่ช่วยในการจอดรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และระบบช่วยในการรักษาเลน สำหรับผู้ที่จ่ายเงินซื้อรถ First Edition ตัวท็อป รถรุ่นที่มีสมรรถนะที่สูงกว่านี้ จะเสริมระบบกันสะเทือนแบบถุงลมมาตรฐานและพวงมาลัยควบคุมล้อหลัง แถมด้วยเหล็กกันโคลงที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
รถจะถูกประกอบขึ้นบนสายการผลิตเดียวกันกับ Range Rover ตัวท็อป ที่โรงงาน Solihull ของบริษัทฯในสหราชอาณาจักร ปัจจุบัน RR Sport ได้ออกสู่ตลาดแล้ว โดยรถ entry-level รุ่น P360 SE จะมีราคาเริ่มต้นที่ 84,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าราคา Base ของปีที่แล้วเกือบ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ รุ่น P400 SE Dynamic มีราคา 91,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ และรถรุ่น Plug-in-Hybrid P440e Autobiography จะมีราคาที่ 105,550 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นรถรุ่นกลางในไลน์อัพ ส่วนรุ่น P530 First Edition ที่จะผลิตออกมาแบบจำนวนจำกัด จะติดตั้งขุมพลัง V-8 และถือว่าเป็นรุ่นตัวท็อปด้วย โดยมันจะเข้ามาแทนที่รถรุ่นเก่าอย่าง Supercharged รถ First Edition จะเปิดตัวที่ราคา 122,850 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่ารุ่น V-8 RR Sport ที่ถือว่าแพงที่สุดในปีที่แล้ว ถึง 32,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา caranddriver
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com