2022 Nissan GT-R T-spec Limited Edition ก็อตซิล่าตัวหล่อพิเศษมากันถึง 2 รุ่นเอาใจขาแรงชาวยุ่น เริ่ม 4.787 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 15 ก.ย. 64 00:00
- 7,421 อ่าน
สาวกก็อตซิล่าชาวญี่ปุ่น ต่างดีใจกันทั่วหน้า เมื่อนิสสัน ส่ง Nissan GT-R T-spec รถสปอร์ตตัวแรงขั้นเทพทำตลาดเฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้นกับ Nissan GT-R Premium Edition T-spec และ Nissan GT-R Track Edition Engineered by NISMO T-spec ทั้ง 2 รุ่น ผลิตแค่ 100 คันเท่านั้น
Nissan GT-R T-spec Limited Edition ทั้งสองรุ่น ติดตั้งเบรกคาร์บอนเซรามิก สปอยเลอร์หลังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ฝาครอบเครื่องยนต์พิเศษสำหรับรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น และตราสัญลักษณ์เฉพาะด้านหน้าและด้านหลัง นอกจากนี้ มีการเพิ่มสีตัวถังใหม่สำหรับรุ่น T-spec โดยเฉพาะ คือ สีม่วง Midnight Purple และสีเขียว Millennium Jade สำหรับ สีม่วง Midnight Purple เป็นสีพิเศษที่ใช้ใน Nissan GT-R รุ่นก่อน และได้รับแรงบันดาลใจจากการเปลี่ยนสีของแสงออโรร่า ขณะที่ สีเขียว Millennium Jade สะท้อนถึงความประณีตและความเงียบสงบแต่ทรงพลัง ชื่อรุ่น T-spec มาจากปรัชญาของ GT-R ในการเป็นผู้นำ และกำหนดเวลา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากคำว่า “trend” และ “traction” ที่หมายถึงการยึดเกาะถนน สร้างขึ้นเพื่อให้ล้ำหน้าอยู่เสมอ และมีสมรรถนะของรถในการขับขี่ด้วยการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม โดยทีมวิศวกรได้มุ่งมั่นทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นด้านการยึดเกาะถนนอย่างแท้จริง
เริ่มที่ Nissan GT-R Premium Edition T-spec ยังการตกแต่งภายในเฉพาะตัว ใช้ล้ออัลลอยฟอร์จจาก Rays สีบรอนซ์ ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลต ขนาด 255/40ZRF20 สำหรับล้อหน้า และ 285/35ZRF20 สำหรับล้อหลัง และระบบกันสะเทือนที่ใช้ประโยชน์จากการลดน้ำหนักใต้สปริง ขอบล้อที่กว้างขึ้นช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของยาง ช่วยให้การบังคับควบคุมเป็นไปอย่างราบรื่นและว่องไวต่อการตอบสนอง และ Nissan GT-R Track Edition Engineered by NISMO T-spec ได้รับการพัฒนาโดยเน้นที่สมรรถนะในการขับขี่ให้เพิ่มมากขึ้นจาก นิสสัน มอเตอร์ สปอร์ต หรือ นิสโม (NISMO) ที-สเปค มาพร้อมกับหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์และฝากระโปรงท้ายแบบพิเศษ ทั้งนี้ จี Nissan GT-R Track Edition Engineered by NISMO T-spec เป็นรุ่นย่อยมาตรฐานที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีจากนิสโม
ภายในมีออพชั่นคล้ายกัน โดยแผงหน้าปัดและแผงคอนโซลกลาง ใช้วัสดุที่เป็นหนัง Nappa Leather ชั้นดี ตัดเย็บด้วยความประณีต รูปทรงของแผงหน้าปัดมีการปรับให้เชื่อมต่อกันกับแนวเส้นบนแผงหน้าปัดที่ยาวต่อเนื่องจนถึงแผงคอนโซลกลางให้สัมผัสที่โอบรับแก่ผู้ขับขี่ เมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัย เรียบง่าย สะดวกต่อการใช้งาน ด้วยชุดระบบนำทางและปุ่มควบคุมเครื่องเสียงให้อยู่ด้วยกัน และลดจำนวนสวิตช์เหลือเพียง 11 ปุ่ม หน้าจอเป็นแบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว มาพร้อมกับไอคอนขนาดใหญ่ หน้าจอ Display Command Console ติดตั้งอยู่ตรงแผงคอนโซลกลางที่ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมลำโพงคุณภาพ BOSE มากถึง 11 ตัว และ Paddle Shift ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ในจังหวะที่กำลังหมุนพวงมาลัยครึ่งรอบได้อย่างสะดวก
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมขุมพลังแรงเดียวกันด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V6 3.8 ลิตร 24 วาล์ว รหัส VR38DETT แรงเร้าใจมากสุด 572 แรงม้าที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดมากสุด 633 นิวตันเมตรที่ 3,300-5,800 รอบ/นาที โดยทีมช่างฝีมือ TAKUMI ผลิตในเมืองโยโกฮามา ส่งผลทำให้ตอบสนองต่ออัตราเร่งทั้งในช่วงรอบปานกลาง และรอบสูงได้เป็นอย่างดี ให้ความนุ่มนวลและเงียบมากขึ้น ส่วนเสียงคำรามของเครื่องยนต์ ให้ความดุดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่นและเร้าใจมากขึ้นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อมระบบส่งกำลัง เกียร์คลัตช์คู่ GR6 6 สปีด สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ภายในเวลาชั่วพริบตา เพียง 0.15 วินาทีเมื่ออยู่ในโหมด R-Mode
มั่นใจในการหยุดรถด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ โมโนบล็อก แบบคาลิปเปอร์ 6 สูบ สำหรับด้านหน้า และ 4 สูบสำหรับด้านหลัง จาดิสก์เบรกแบบลอยตคัวสองชิ้นแบบเจาะรู เซาะร่องกลางจานขนาด 390 มม. สำหรับล้อหน้า และ 380 มม. สำหรับล้อหลัง จาก Brembo พร้อมออกแบบรองรับความแรงมหาศาลด้วยโช๊คอัพจาก Bilstein DampTronic ปรับได้ 3 หมวดทั้ง Normal, Comfort และ R พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ควบคุมด้วยอิเลกโทรนิก ผ่อนแรงไฟฟ้าตามความเร็วรถและแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์
ความปลอดภัย ใส่ใจไม่แพ้กันด้วยถุงลมนิรภัย รอบคัน 6 จุดคู่หน้า ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC พร้อมระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS ระบบเบรก ABS + EBD + BA กล้องมองหลัง พร้อมเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
Nissan GT-R T-spec Limited Edition ทั้ง Nissan GT-R Premium Edition T-spec และ Nissan GT-R Track Edition Engineered by NISMO T-spec ผลิตแค่ 100 คัน จำหน่ายในราคา 15,904,900 และ 17,881,600 Yen หรือราว 4,787,000 บาท และ 5,381,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย) แต่ถ้ามีการจำหน่ายในไทย อยู่ที่ 20,489,000 และ 23,000,000 บาท
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com