2021 New Nissan Navara หล่อใหม่ ดุสุด….กระบะอัจฉริยะค่ายเพื่อนที่แสนดี ขายจริง 9 พฤศจิกายน นี้
- โดย : Autodeft
- 5 พ.ย. 63 00:00
- 6,773 อ่าน
New Nissan Navara จัดเต็มทั้งความปลอดภัย ความสะดวกสบาย เพื่อให้ทุกการขับขี่เพลิดเพลินกว่าเดิม แต่ยังคงจุดเด่นของนิสสัน นาวารา ซึ่งเป็นที่ยอมรับมาโดยตลอดด้านความแข็งแกร่ง ความทนทาน ไว้ใจได้ และตอบสนองการใช้งานทุกรูปแบบ แถมเป็นอีกก้าวสำคัญภายใต้แผนยุทธศาสตร์ Nissan NEXT และตอกย้ำความมุ่งมั่นของนิสสันที่ต้องการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
New Nissan Navara มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ในรุ่นเดียวกันกลายเป็นเพื่อนคู่ใจที่ล้ำสมัยที่สุด ให้สมกับที่เจ้าของจะไว้วางใจในทุกสถานการณ์ จากโครงสร้างรถที่ยกสูงกระจังหน้า แบบ ‘Interlock’ ใหม่ ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยชื่อรุ่น นาวารา บนกระจังหน้าและท้ายของรถกระบะ และชื่อของรุ่น “นาวารา” ยังได้รับการปรับเพื่อให้มีภาพลักษณ์ที่แกร่งยิ่งขึ้น สื่อถึงความดุดันของรถกระบะพลังแรงคันนี้ มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED Projectors Quad-eyed รูปตัว C เพิ่มความสว่างและความมีสไตล์ โครงของไฟหน้าแอลอีดีใหม่ แบบโปรเจคเตอร์สี่ดวงโดดเด่นด้วยรูปทรงสลับซับซ้อน ให้ความกระฉับกระเฉง ขณะที่ด้านหลังเสริมด้วยไฟท้ายแอลอีดี แบบชิ้นเดียว พร้อมเพิ่มรายละเอียดด้วยกรอบโครเมียม เพิ่มความสว่างและความปลอดภัยขึ้นอีกขั้น สำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืน มือจับประตู และแร็คหลังคา เสริมความเท่และมีสไตล์ ใช้ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All Terrain ในส่วนของดีไซน์ยังโดดเด่นด้วยแอคเซนท์สีส้ม-แดง ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากของสีแมกมาจากภูเขาไฟ ตัดกับกระจังหน้าและล้อสีดำเข้ม เสริมความโดดเด่นด้วยโลโก้นิสสัน สีส้ม-แดง กับพื้นหลังสีดำ
ในส่วนของพื้นที่กระบะตอนท้ายได้เพิ่มสเต็ปด้านท้ายรถ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานขึ้นลง รวมถึงบันไดด้านข้างที่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ในการลดเสียงลม และเสริมในแง่ของอัตราการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง
ภายในห้องโดยสาร ยังให้ความเงียบด้วยกระจกแบบ Noise-reducing acoustic glass ที่ลดเสียงรบกวนจากภายนอก เพื่อความสุนทรีย์ขณะเดินทางของผู้ขับ และผู้โดยสาร นอกจากนี้ที่นั่งด้านหน้าได้เพิ่มความสะดวกกับผู้ขับขี่ด้วยแผงหน้าจอกลางแสดงข้อมูล และหน้าจอสีแสดงผลสามมิติแบบ TFT ความละเอียดสูง ขนาด 7 นิ้ว ขณะที่ที่นั่งด้านหลังเพิ่มความสบายด้วยดีไซน์ใหม่นุ่มสบายที่เข้ากับสรีระของผู้โดยสาร มีที่พักแขนตรงกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง ตอบโจทย์ด้านอรรถประโยชน์ของการใช้งานผู้โดยสาร ความบันเทิงระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนท์ของ NissanConnect ที่ช่วยให้ลูกค้าเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับรถได้อย่างราบรื่น เพื่อเปิดใช้งานความบันเทิงต่าง ๆ เช่น ฟังเพลงผ่าน Bluetooth, ระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) และพร้อมระบบนำทาง (Navigation system) นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงพอร์ต USB Type C ตรงคอนโซลกลาง สำหรับชาร์จอุปกรณ์สำคัญให้ใช้งานได้ต่อเนื่องและรองรับอุปกรณ์ได้หลายเครื่องมากขึ้นก้าวข้ามความท้าทายและการผจญภัยใหม่ ๆ อย่างมั่นใจ ด้วยการออกแบบดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัย กับกระจังหน้าโทนดำใหม่ดุดัน และยังมีตกแต่งด้วยโทนสีส้ม – แดง ภายในห้องโดยสาร
สำหรับเมืองไทยใช้ขุมพลังใหม่ YS23 เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบใหม่ 2.3 ลิตร 163 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ในรุ่น YS23DDT และเทอร์โบคู่ 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ในรุ่น YS23DDTT จับคู่กับระบบส่งกำลังทั้ง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราทดใหม่และช่วยลดความถี่ในการเปลี่ยนเกียร์และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ระบบขับเคลื่อนมีทั้งรุ่น 2WD และรุ่น 4WD
ความอุ่นใจด้วยเทคโนโลยีจาก นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี เสริมความปลอดภัยแบบ 360 องศา รอบคัน เพื่อ ปกป้องผู้โดยสารจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เสริมความรู้สึกอุ่นใจในขณะขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW) ที่จะส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า และ เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) ที่จะช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็ว และหยุดรถ เพื่อลดความรุนแรง หรือ ลดความเสียหายที่จะเกิดจากอุบัติเหตุ
มาพร้อม ระบบเตือนคนขับอัจฉริยะ (Intelligent Driver Alertness) ซึ่งจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพัก เมื่อตรวจพบ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับขี่ หรือการหักเลี้ยว ที่จะทำงานร่วมกับ ระบบเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning) ที่จะเตือนผู้ขับขี่หากรถเคลื่อนออกนอกเลนโดยไม่มีสัญญาณไฟเลี้ยวกำกับ ในขณะที่ เทคโนโลยีควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention) จะนำรถยนต์กลับไปที่กึ่งกลางของเลนหากยังมีการเคลื่อนที่ต่อไป เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับรถคันอื่นที่อยู่ในจุดอับสายตา
พร้อมเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ที่ทำงานควบคู่กับ เทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ซึ่งจะใช้กล้อง 4 ตัวเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพวัตถุโดยรอบ หรือที่กำลังเข้ามาใกล้ ช่วยให้การหลบหลีกง่ายขึ้นในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจอดรถแบบขนาน การกำหนดตำแหน่งของรถในระหว่างพ่วงรถหรือลากจูง
ครั้งแรกกับระบบยังมีจอมอนิเตอร์ระบบ Off-Road Meter ที่ช่วยให้เห็นอุปสรรครอบคันขณะขับขี่ในโหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 4LO ช่วยให้ผู้ที่ชื่นชอบการขับรถในเส้นทางยากลำบากลุยไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ นิสสัน นาวารา ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) ที่จะช่วยลดความกังวลที่มาพร้อมกับมุมมองที่ถูกจำกัดเมื่อตอนถอยรถ โดยระบบจะตรวจสอบด้านหลังของรถและเตือนผู้ขับขี่หากมีวัตถุเข้าใกล้จากด้านใดด้านหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อีกมากมาย เช่น ที่ปัดน้ำฝนแบบตรวจจับปริมาณน้ำฝน ที่ปรับความเร็วในการปัดทำความสะอาด ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยและไม่ต้องกังวลกับทัศนวิสัยที่ลดลง รวมถึงตัวล็อกประตูแบบตรวจจับความเร็ว ที่จะทำงานทันทีที่รถยนต์วิ่งที่ความเร็วเกิน 25 กม. / ชม. และยังมีกระจกด้านข้างที่พับอัตโนมัติทันทีที่ล็อครถ เพื่อเตือนผู้ขับขี่ว่ารถล็อกแล้วหรือไม่ เมื่ออยู่ในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีระบบป้องกันการลื่นไถล (Active Brake Limited Slip Differential System) โดยส่งกำลังและการเบรกล้อระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลัง รวมถึงระหว่างล้อซ้ายขวา โดยขึ้นอยู่กับการเกาะถนนและความเร็วของรถขณะนั้น นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (Trailer Sway Assist) ช่วยให้รถยนต์คงการทรงตัวขณะลากจูงหรือพ่วงวัตถุต่าง ๆ
New Nissan Navara แนะนำรุ่นโหด PRO-4X ที่มีดีไซน์ที่โดดเด่นเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบในการผจญภัยเพื่อหลีกหนีจากวิถีชีวิตประจำวันแบบเดิม ๆ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี พร้อม 2 สีใหม่ ได้แก่ สี ฟอร์จ คอปเปอร์ (Forged Copper) ในรุ่น Double Cap VL และ สี สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray) สำหรับรุ่น PRO4X โดยเฉพาะ และได้รับการตกแต่งภายในด้วยวัสดุผ้าหรือหนังสีเทาอ่อน เทาและดำ ยผลิตที่โรงงานของนิสสัน ในประเทศไทย โดยจะเห็นตัวจริงที่แรกของโลกที่ไทย 9 พฤศจิกายนนี้
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com