คอนเฟิร์ม!! All New Honda City Hatchback และ City Hybrid สองยนตกรรมใหม่เพื่อคนเมือง เปิดอย่างเป็นทางการ 24 พฤศจิกายน

ในที่สุดยนตกรรมที่ทุกคนรอคอยได้มาถึงแล้วกับ All New Honda City เก๋งเล็กรุ่นใหม่หมดที่ประเดิมด้วยรุ่นซีดานพลังเทอร์โบ 122 แรงม้า จนประสบความสำเร็จและกลายเป็นรถยนต์ยอดขายอันดับ 1 ของเมืองไทย ล่าสุด ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ส่งกำหนดการวันเปิด 2 ยนตกรรม นั่นคือการเปิดตัวครั้งแรกของโลกกับ All New Honda City Hatchback และ All New Honda City Hybrid

All New Honda City Hatchback 5 ประตูใหม่หมดที่นำครึ่งคันหน้าเวอร์ชั่นซีดาน ต่อเติมออกแบบด้านท้ายให้มีความสวยงาม ชวนให้นึกถึงรถยนต์จากค่ายหรูไม่น้อย มีการออกแบบชุดไฟท้าย LED ที่ดูมีมิตินูนออกมาเช่นเดียวกับเวอร์ชั่นซีดาน รวมไปถึงชุดกันชนหลังเอง และด้านหน้าสะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่เฉียบคมโดดเด่นด้วยไฟหน้า Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้าย LED กระจังหน้าโครเมี่ยม ตัวรถในเวอร์ชั่น Hatchback อาจมีมิติที่ใกล้เคียงโดยอ้างอิงจากเวอร์ชั่นซีดานตั้งแต่ ความยาว 4,553 มม., ความกว้าง 1,748 มม., ความสูง 1,467 มม., ฐานล้อกว้าง 2,589 มม.

พร้อมขุมพลังเดียวกับเวอร์ชั่นซีดานด้วยเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT

ส่วนอีกหนึ่งรุ่นครั้งแรกในกลุ่ม Eco-Car Sedan กับ All New Honda City Hybrid หรือ All New Honda City e:HEV นำพื้นฐานรุ่นซีดานมาจับตกแต่งเอาใจคนรักษ์โลกด้วยตาโลโก้ H สีน้ำเงิน ทั้งหน้าและหลังพร้อมออพชั่นคล้ายรุ่นแวอร์ชั่นซีดาน พร้อมเครื่องยนต์เบนซินใหม่ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 98 แรงม้าที่ 5,600-6,400 รอบ/นาที แรงบิด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับ มอเตอร์จำนวน 2 ลูก เจนใหม่พร้อมระบบใหม่ที่เรียกว่า Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ให้พลังมากสุด 108 แรงม้าที่ 3,500-8,000 รอบ/นาที แรงบิด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT และระบบความปลอดภัยครบด้วย กล้องมองภาพข้างตัวรถ Honda LaneWatch, ระบบเตือนจุดอับสายตา

สองยนตกรรมใหม่ในตระกูล The City Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 พฤศจิกายน จับตาความสดใหม่และราคาค่าตัวจะเป็นอย่างไรยบ้างต้องติดตาม