The new Mercedes-Benz S-Class และ The Mercedes-Maybach S-Class 2 ที่สุดแห่งความสง่า..สัญลักษณ์แห่งผู้นำ
- โดย : Autodeft
- 27 พ.ย. 60 00:00
- 9,295 อ่าน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดตัว 2 สุดยอดรถยนต์หรูแห่งยุค อย่าง รถยนต์ระดับเรือธง The new S-Class ที่สุดแห่งความสง่า มาพร้อมกับความหรูหรา ดีไซน์เหนือระดับ ความสะดวกสบายอันไร้ขีดจำกัด และระบบเทคโนโลยี ความปลอดภัย อันล้ำสมัย เติมเต็มประสบการณ์แห่งการขับขี่สำหรับผู้นำให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และ The Mercedes-Maybach S-Class สุดยอดแห่งยนตรกรรมที่รวบรวมความเป็นที่สุดของสมรรถนะเหนือชั้นกับประสิทธิภาพใน
Mercedes-Benz S-Class ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นที่มียอดจำหน่ายสูงสุดทั่วโลก และ สร้างยอดขายรวมกว่า 300,000 คันนับตั้งแต่ปีค.ศ. 2013 และกว่า 4,000,000 คันนับตั้งแต่ได้มีการเปิดตัว The S-Class สู่สาธารณชน ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นยนตรกรรมหรูระดับเรือธงที่เป็นศูนย์รวมของสุดยอดดีไซน์ ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน และเป็นจุดตั้งต้นสำหรับการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์นั่งทุกระดับ โดย มีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้บริหารระดับสูงขององค์กร หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งผู้นำโดยแท้จริง
The new Mercedes-Benz S-Class มาพร้อมกับมิติใหม่แห่งสุนทรียะในการขับขี่ ด้วยนวัตกรรมหลากหลายด้าน ทั้งความสะดวกสบายขณะขับขี่ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance package และความประหยัดน้ำมัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ตอกย้ำให้รถซาลูนหรูรุ่นดังกล่าวยกระดับสู่การเป็นรถยนต์ที่ “ดีที่สุด” ขึ้นไปอีกขั้น
ดีไซน์ภายนอกของ The S 350 d AMG Premium หรูหราทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบ 3 ก้าน งามสง่าด้วยไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมไฟ daytime สำหรับขับขี่กลางวันแบบ LED 3 เส้น รับกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว MULTIBEAM LED คือ เทคโนโลยีชั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ในยามค่ำคืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการควบคุมหลอดไฟแบบ LED จำนวน 84 หลอด ให้ปรับระดับความสว่างอย่างเป็นอิสระจากกัน ที่สำคัญคือความปลอดภัยในขณะมีรถสวนทาง ด้วยระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS – Intelligent Light System) ปรับเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ การขับขี่และรูปแบบของถนน ระบบ ALS – Active Light System ปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ระบบ Cornering Light เพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง และระบบ Adaptive Highbeam Assist Plus ปรับไฟสูงอัตโนมัติเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถยนต์ที่วิ่งอยู่ในเลนตรงข้าม
ดีไซน์ภายใน รวมถึงบริเวณห้องโดยสาร สร้างนิยามอีกขั้นของความสะดวกสบาย ด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลก โดยเทคโนโลยีนี้จะควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่นการปรับโทนสีของไฟภายในห้องโดยสาร Premium Ambient Light ระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง รวมถึงโปรแกรมนวดของเบาะที่นั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 6 แบบ เพื่อช่วยให้ คุณผ่อนคลายตลอดการเดินทาง พร้อมการตกแต่งภายในด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม อย่าง เบาะนั่งคู่หน้าและคู่หลังหุ้มหนัง Exclusive nappa ตัดเย็บลายเบาะแบบ diamond design ที่สามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ
พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 4-ZONE ฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE package)ระบบ COMAND Online พร้อมรีโมทควบคุมสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบแผนที่นำทาง (Navigation system) ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ เครื่องเล่น Blu-ray สำหรับที่นั่งด้านหลัง ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless charging) สำหรับที่นั่งด้านหน้า ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมจอแสดงผล 2 ตำแหน่ง
ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 6 สูบเทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร 286 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร สุดยอดนวัตกรรมที่ทำให้เครื่องยนต์ทรงพลังมากขึ้น ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น และปล่อยไอเสียน้อยลง พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic ยังมีระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (AIRMATIC) พร้อมระบบควบคุมแบบอัตโนมัติ เพื่อมอบการขับขี่ที่นุ่มนวล ด้วยระบบที่สามารถควบคุมการทรงตัวได้ในทุกสภาวะอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพิ่มการยึดเกาะถนนเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ในโหมด Comfort และ Sport ซึ่งระบบกันสะเทือนจะถูกปรับการใช้งานให้สอดคล้องในแต่ละโหมด
นอกจากนี้ เรายังได้นำเสนออีกหนึ่งสุดยอดยนตรกรรมเหนือระดับรุ่นล่าสุดภายใต้แบรนด์ Mercedes-Maybach ที่สะท้อนคุณค่าของแบรนด์ทั้งในด้านความหลงใหล (Fascination) และความสมบูรณ์แบบ (Perfection) ในทุกมิติได้เป็นอย่างดี มาให้ลูกค้ากลุ่มผู้บริหารระดับสูง และกลุ่มธุรกิจฟลีทกับโรงแรมชั้นนำของเมืองไทย เพื่อให้บริการเหล่าลูกค้าคนสำคัญ
ดีไซน์ภายนอก อันหรูหราสง่างาม โดยการคงไว้ซึ่งการออกแบบบริเวณด้านหน้าให้ยังคง ความหรูหราแบบ The new S-Class เอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับโลโก้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ บนฝากระโปรงลาย 3 แถบเสริมโครเมียม ฝากระโปรงหน้าที่ยาว พร้อมคิ้วโครเมียมตกแต่งบริเวณชายกันชนด้านหน้า กระจกหน้าต่างสีเขียว กรองแสงรอบคัน พร้อมกระจกนิรภัยด้านหลัง, ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมฟังก์ชั่น Active Light System, ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก, ล้ออัลลอยแบบ forged ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางรถยนต์แบบ Run-flat และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน MAGIC SKY CONTROL, ระบบช่วงล่างแบบ MAGIC BODY CONTROL พร้อมปิดท้ายความสมบูรณ์แบบด้วยโลโก้ “Maybach” บนฝากระโปรงหลังโดย Mercedes-Maybach มาพร้อมกับความยาวตัวรถประมาณ 5,462 มม. (S-Class ยาว 5,271 มม.) ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
ภายใน ยังคงเน้นการผสมผสานความหรูหรา ความนุ่มสบายขณะขับขี่ และความกว้างขวาง เข้าไว้ด้วยกัน โดยรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง designo Exclusive semi-aniline, ด้านบนของคอนโซลหน้า และส่วนกลางของแผงประตูหุ้มหนัง nappa, ผ้าหลังคาและแผงบังแดดหน้าหุ้มด้วย DINAMICA microfibre, นาฬิกา IWC แบบอนาล็อก, พวงมาลัยนิรภัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน หุ้มหนังสลับลายไม้ พร้อมสัญลักษณ์ MAYBACH และปุ่มควบคุมแบบ Touch Control, ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือแบบ Apple Carplay™ & Android Auto, ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย สำหรับที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง และระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester® high-end 3D surround sound system
Mercedes-Maybach S 560 Premium เครื่องยนต์เบนซินรหัส M 176 แบบ V8 เทอร์โบคู่ ที่มีความจุ 4.0 ลิตร 469 แรงม้าแรงบิดสูงถึง 700 นิวตันเมตร ด้วย Inner-V turbochargers ทำให้ได้ประสิทธิภาพอันทรงพลัง แต่เครื่องยนต์ไร้เสียงรบกวน ที่มาเปลี่ยนคำนิยามของความผ่อนคลายด้วยดีไซน์อันโดดเด่น ตามมาตรฐานแบบเฟิร์สคลาส พร้อมระบบอำนวยความสะดวกอย่าง ครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์แสนสบายตลอดการเดินทางของคุณ
รถยนต์ The new Mercedes-Benz S 350 d AMG Premium นำเสนอในราคา 7,640,000 บาท และ The Mercedes-Maybach S-Class นำเสนอในราคา 17,440,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่าย Mercedes-Benz อย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ และที่งาน Motor Expo 2017
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com