วิจัยผู้ดีชี้ฝุ่นดีเซลอันตรายต่อเด็กในครรภ์
- โดย : Autodeft
- 19 ธ.ค. 57 00:00
- 6,764 อ่าน
ฮาร์วาร์ดเผยผลวิจัยชี้สตรีมีครรภ์ดมควันรถดีเซล เสี่ยงต่อการที่ลูกจะออกมาเป็นออทิสติกสูง
ทุกวันนี้เครื่องยนต์ดีเซลมีความนิยมมมากขึ้นจากผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลก และมีงานวิจัยทางด้านสุขภาพที่ระบุว่าฝุ่นละอองจากเครื่องยนต์ดีเซลเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว แต่ล่าสุดงานวิจัยจากอังกฤษชี้ว่ามันไม่เพียงมีผลต่อผู้ใหญ่ แต่อาจจะมีผลต่อเด็กในครรภ์ด้วย
หนังสือพิมพ์ เดลี่เมล์ จากเกาะอังกฤษ เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยล่าสุดจากฮาร์วาร์ดที่ศึกษา และเปิดโปงว่าควันไอเสียเครื่องยนต์ดีเซลอาจจะมีผลต่อสุขภาพของเด็กในครรภ์ และอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเด็กออกทิสติกมาถึงเท่าตัว
[IMAGE1]
รายงานวิจัยดังกล่าวจากฮาร์วาร์ดชี้ว่า ผู้หญิงสตรีมีครรภ์ที่ดำรงชีวิตและสูดควันไอเสียจากการจราจรเป็นประจำมีโอกาสสูงที่ทำให้สุขภาพแย่ลง รวมถึงสุขภาพทารกในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งควันไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซลที่มีอนุภาคเล็ก ประเภท PM 2.5 s จะมีผลมากต่อทารก
งานวิจัยดังกล่าวได้ทำกับสตรีมีกว่า 116,000 คน โดยทางนักวิจัยได้ศึกษาโดยใช้การสังเกตการณ์ระหว่างที่พวกเธอตั้งครรภ์ รวมถึงบันทึกว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนในระหว่างตั้งครรภ์ และเปรียบเทียบข้อมูลเข้ากับของ องค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อม และ แหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เก็บข้อมูลของฝุ่นละอองและระดับมลภาวะ และจากผลการวิจัยพบว่ามีเด็กกว่า 245 คน เป็นโรคออทิสติก ส่วนควบคุม 1,522 คนที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงตามปกติ
[IMAGE2]
ซึ่งนั่นทำให้นักวิจัยระบุชี้ชัดไปว่า ฝุ่นละอองประเภท PM 2.5 มีผลต่อการทำให้เด็กในครรภ์มีโอกาสที่จะเป็นโรคออทิสติก ถ้าแม่สูงดมควันดังกล่าวมากๆ
มาร์ค เวสคอป ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทางด้านสิ่งแวดล้อมและการระบาดวิทยา และในฐานะผู้อาวุโส ในการศึกษาวิจัยดังกล่าวเปิดเผยว่า
“การวิจัยของเราได้หลักฐานที่มาช่วยสนับสนุนสมมติฐานที่ว่า โรคออทิสติกมีผลมาจากมลภาวะที่มากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะหลักฐานที่สำคัญมาจากที่ว่า มลภาวะมีมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดของเด็กที่เป็นโรคออทิสติกมากขึ้นตามไปด้วย”
ที่มา Dailymail
ภาพประกอบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเนื้อหาข่าว
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com