หล่อครั้งใหม่!! ว่าที่ Toyota Corolla Altis ซาลูนยอดนิยมของคนทั้งโลก
- โดย : Autodeft
- 7 ก.ย. 61 00:00
- 15,809 อ่าน
เริ่มจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นสำหรับ Toyota Corolla เก๋งยอดนิยมเจเนอเรชั่นใหม่ เพราะทาง Toyota ปูทางความสำเร็จด้วยการเปิดตัวเวอร์ชั่น Hatchback และตามมาด้วยเวอร์ชั่น Estate 5 ประตู ที่กำลังจะเจาะตลาดยุโรปในช่วงเดือนตุลาคม
ส่วนเวอร์ชั่นซีดาน ถึงจะเห็นตามภาพเรนเดอร์จากสำนักต่างๆมาแล้วครั้งนี้เว็บรถยนต์ Indianautosblog เผยภาพเรนเดอร์ชุดใหม่ ในร่างซาลูน 4 ประตูด้วยหน้าตา แบบเดียวกันในสไตล์ Keen Look and Under Priority design ตังแต่กระจังหน้าแนวนอนใหม่พร้อมโลโก้สามห่วง ขนาบข้างด้วยไฟหน้าbi-beam LED รูปตัว J และช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ไฟตัดหมอกฝั่งอยู่ในชุดกันชนหน้า สีตัวถังมาแบบทูโทน โป่งล้อขนาดใหญ่ และด้านท้ายโฉบเฉี่ยวตามสมัยของรถแวน 5 ประตู พร้อมไฟท้าย Full LED เติมเต็มความโดดเด่นให้สมบูรณ์ ล้ออัลลอยลายเท่เลือกได้ทั้งขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/40 R18
โดยใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ Toyota C-HR, Toyota Prius และ Toyota Camry นั่นคือ TNGA หรือ Toyota’s New Global Architecture (NGA-C platform) เช่นเดียวกัน ด้านขุมพลังมีหลายขนาดทั้ง เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.2 ลิตร 8NR-FTS ให้กำลังสูงถึง 116 แรงม้า ที่ 5,200-5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT
เครื่องยนต์เบนซิน Hybrid ขนาด 1.8 ลิตร 2ZR-FXE ให้กำลังสูงถึง 95 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 71 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร ทำให้ได้แรงม้ารวมถึง 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid จากตระกูลDynamic Force 2.0 ลิตร ให้กำลังรวมสูงสุด 180 แรงม้า
ปิดท้ายด้วยขุม รหัส M20A-FKS เบนซิน 2.0 ลิตร Dynamic Force ที่คาดว่าใช้แรงอัดสัดส่วน 13.0:1 ผลิตกำลังได้ 169 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาทีแรงบิด 205 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบ/นาที พร้อมระบบฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection และควบคุมการเปิด-ปิด วาลว์ไอดี VVT-iE electric variable valve timing จับคู่กับระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift
คาดว่า Toyota Corolla (Toyota Corolla Altis) ซาลูน 4 ประตู จะเปิดเผยช่วงต้นปี 2019 นี้ และงานออกแบบจะต่างกันขนาดไหนต้องติดตาม
ที่มาภาพ Indianautosblog
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com