เผยก่อน...ว่าที่รถใหม่ All New GWM TANK 500 Hybrid SUV คาดทำตลาดปี 2023 นี้
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 18 มี.ค. 66 00:00
- 4,037 อ่าน
ล่าสุดทาง GWM ในไทย ได้เผยรายละเอียดพร้อมให้ทีมงานสัมผัสแบบใกล้ชิดกับ All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมเผยราคาจำหน่ายในแต่ละรุ่นย่อย ที่จะมาทำตลาดในรุ่น ULTRA และรุ่น PRO
สำหรับว่าที่รถใหม่ All New GWM TANK 500 Hybrid SUV คาดทำตลาดปี 2023 นี้ จะถูกนำเสนอภายใต้แบรนด์ GWM TANK ซึ่งเป็นแบรนด์เอสยูวีออฟโรด ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ สำหรับคนที่ทันสมัย ถือกำเนิดขึ้นและสร้างกระแสความนิยมในหมู่ผู้บริโภคในปัจจุบันด้วยยอดขายของแบรนด์เกิน 200,000 คัน ในปี 2565 ที่ประเทศจีน
ตัวรถสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะ TANK ที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโลยีอันล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 616 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ DHT ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด รองรับการขับขี่ที่หลากหลายพร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ
มีสีรถภายนอก ทั้งหมด 5 สี ได้แก่ ขาว ดำ เทา แดง และสีใหม่ เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA) และมีสีรถภายในสีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น ULTRA) ในส่วนของการออกแบบดีไซน์ เน้นความเป็นรถเอสยูวีออฟโรดที่สร้างสรรค์มาด้วยปรัชญาการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ตาม DNA ของ TANK ที่มีความบึกบึน แกร่ง แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความเรียบหรู สง่างาม
ออกแบบภายใต้ปรัชญาของ "ความหรูหราที่แข็งแกร่ง” ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง มี• ไฟหน้า Intelligent LED ดีไซน์โดดเด่น ให้ความสว่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยในทุกเส้นทาง ด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED
ประตูท้ายแบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้า ที่ช่วยผ่อนแรงและอำนวยความสะดวกสบายในการปิดประตูท้าย ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์โดดเด่นในแนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอกแบบ LED ตอบโจทย์ทั้งแฟชั่นและฟังก์ชัน ให้ความสว่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัย
หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า บันไดข้างระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20 มีมิติตัวรถ 1,934 x 5,078 x 1,905 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) พร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม และระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระมัลติลิงค์
ภายในห้องโดยสารคอนโซลหน้าสีทูโทน เบาะหนัง NAPPA ลำโพง Infinity และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย Ambient Light, วัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome ให้ความเพลิดเพลินในทุกช่วงเวลาการขับขี่
มีแผงควบคุมที่คอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่แบบออฟโรด ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู
มีหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP3, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่าง ๆ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า รวมไปถึงระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
พร้อมระบบความบันเทิงพร้อมลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง ไฟตกแต่งห้องโดยสาร พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ ช่วย มีเบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศและเบาะหนัง NAPPA เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ
เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศ และเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับไฟฟ้า
ตัวช่วยสายลุยกับระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม
ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้ เป็นต้น
และทั้งหมดนี้ก็คือรายละเอียดสเปคไทยที่จะนำมาจำหน่ายสำหรับว่าที่รถใหม่ All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ที่ทางทีมงานคาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ราว 2.39 ล้านบาท และคุณล่ะคิดว่าราคาเท่าไหร่
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com