เจาะรถเด่น!! Mercedes-Benz C 300 e ซาลูนรักษ์โลกแรงสุด 320 แรงม้า ในราคา 3.215 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 5 มิ.ย. 62 00:00
- 17,448 อ่าน
หลังจากเปิดตัวรุ่นปรับโฉมไปตั้งแต่ปีกลายแต่ทำตลาดแค่เครื่องยนต์ดีเซล ทำให้สาวกชาวไทยถามถึงกันว่าแล้วรุ่น Plug-In Hybrid จะกลับมาทำตลาดหรือไม่สำหรับ Mercedes-Benz C-Class
ล่าสุด ทางทีมงานฯได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่าทาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ส่ง Mercedes-Benz C-Class รุ่น Plug-In Hybrid กลับมาทำตลาดอีกครั้งในชื่อ Mercedes-Benz C 300 e โดยทำตลาดทั้ง 2 รุ่น นั่นคือรุ่น Avantgrade และ AMG Dynamic สำหรับภายนอก เหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลทุกประการตั้งแต่ภายนอกเริ่มที่รุ่น Avantgarde จะใช้กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมี่ยม พร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/45 R18 ในล้อหน้า และ 245/40 R18
สปอร์ตเร้าใจกับรุ่น AMG Dynamic ติดตั้งกระจังหน้าแบบ diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ล้ออัลลอยดีไซน์ปรับขนาดลงเหลือ 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตจาก AMGแบบ 5 ก้านคู่ พร้อมยาง 225/45 R18 ในล้อหน้า และ 245/40 R18 ในล้อหลัง กันชน หน้า-หลังและสเกิร์ตข้างเป็นดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG Bodystyling โคมไฟหน้าและหลังออกแบบโดยใช้เส้นโค้งเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมใช้วัสดุคุณภาพสูงเพื่อสร้างความประทับใจสูงสุดในแง่รูปลักษณ์ และความรู้สึก และ ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย ไฟหน้ายังคงเดิมแบบ LED มีให้เลือกถึง 2 แบบ เริ่มที่แบบ LED High Performance ในรุ่น Avantgarde และเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ในรุ่น AMG Dynamic ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสง พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam จะทำงานอัตโนมัติ หากระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีผู้สัญจรในทางรถสวน ถนนข้างหน้าเป็นทางตรง โดยสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร
ภายในปรับตามบุคลิก เริ่มที่รุ่น Avantgarde จะมาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control พร้อมเบาะหุ้มด้วยหนัง ARTICO ส่วนรุ่น AMG Dynamic มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ท้ายตัดพร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control และเบาะนั่งหนังแท้สปอร์ต เบาะหลังของสามรุ่นนี้ยังสามารถพับลงได้แบบ 1/3 และ 2/3 อีกด้วย พร้อมระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO เสริมเข้ามาด้วย พร้อมกับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start) ให้เป็นออพชั่นมาตรฐาน พร้อมเทคโนโลยีระบบ All-Digital instrument display ที่ทำให้หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทัล มีขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว (ของรุ่น AMG Dynamic) และยังสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic, Progressive และ Sport ทุกรุ่น ยังมาพร้อมกับหน้าจอมัลติมีเดียบริเวณกลางคอนโซลแบบ MB Audio 20 ขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยระบบ Touch pad ไม่ว่าจะเป็นระบบ Apple CarPlay™ ระบบถอยจอดแบบอัตโนมัติ หรือระบบแผนที่นำทาง 3 มิติรูปแบบใหม่ในรุ่น AMG Dynamic
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system ที่เป็นฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น AMG Dynamic ระบบแผนที่นำทางที่ติดตั้งเฉพาะในรุ่น AMG Dynamic เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และยังเพิ่มออพชั่นใหม่ทั้ง ระบบล็อคฝากระโปรงท้ายแบบ Independent Boot Locking วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร Anthracite open-pore oak wood trim elements ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 3-Zone ระบบควบคุมการเปิด-ปิดระบบปรับอากาศแบบ Pre-entry Climate Control ระบบเชื่อมต่อรถยนต์ Mercedes me connect ระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน Emergency Call Systemและระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics
ขุมพลังกลับมาอีกครั้งด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Plug-In Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร รหัส M274 DE 20 AL 4 สูบ 211 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบ/นาที ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าพัฒนาใหม่เพิ่มพลังถึง 122 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันจะแรงม้าสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 700 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9 G-Tronic Plus ปล่อยค่า CO2 45 กรัม/กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.4 วินาที ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 50 กิโลเมตร
พร้อมฟังก์ชั่นความปลอดภัยที่พัฒนาระบบไฟฟ้า เพื่อให้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ารถยนต์พี่ใหญ่ Mercedes-Benz S-Class ยกระดับความปลอดภัยเชิงรุกของรถให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP®), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ระบบ DYNAMIC SELECT คือแบบ Sport, Sport+ และ Comfort, นอกจากนั้นยังมีระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround view camera) และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera) ที่มีเฉพาะในรุ่น Avantgarde
The new Mercedes-Benz C-Class รุ่น Plug-In Hybrid มีให้เลือกถึง 2 รุ่นย่อย ดังนี้
- รุ่น C 300 e Avantgarde ราคายังไม่มีการเปิดเผย
- รุ่น C 300 e AMG Dynamic ราคา 3,215,000 บาท
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com