เจาะรถเด่น!! Land Rover ลดแหลก 3 อเนกประสงค์หรูเมืองผู้ดี เริ่ม 4.9 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 7 พ.ย. 61 00:00
- 11,976 อ่าน
ทำตลาดมายาวนานจนได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งสำหรับ ยนตกรรมอเนกประสงค์คุณภาพจากอังกฤษ อย่าง Land Rover ที่เน้นความหรูหรา ภูมิฐาน ตามสไตล์ยูโรเปี้ยนพรีเมี่ยม
และเพื่อเป็นการอบโจทย์สาวกรถหรูชาวไทยเพื่อให้เป็นเจ้าของยนตกรรมอเนกประสงค์ ได้ง่ายขึ้นทาง อินช์เคป (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย รถยนต์ จากัวร์และ แลนด์โรเวอร์ อย่างเป็นทางการ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ประกาศปรับราคารถยนต์ในสังกัดทั้ง land Rover และ Range Rover ถึง 3 รุ่นด้วยกัน ดังนี้
เริ่มกันที่ Range Rover Velar สมาชิกใหม่ลำดับที่ 4 ของตระกูล เติมเต็มช่องว่างระหว่างรุ่น Range Rover Evoque และ Range Rover Sport ในร่าง 5 ประตู ภายนอกยกมรดกดีไซน์จากรุ่นอื่นๆของ Range Rover ออกแบบวิศวกรรมที่แน่วแน่ในแนวคิด ทฤษฎีแยกส่วน (reductionism) แตกต่างจากพี่น้องท้องเดียวกันนั่นคือ ไฟท้าย LED จะเป็นขนาดเล็กเรียวยาวกว่ารุ่น Evoque พร้อมไฟหน้า Matrix- LED ส่องสว่างกว้างไกล ถึง 550 เมตร บานพับที่จับประตูเรียบหรูกลืนไปกับตัวรถ เสริมความสง่างามด้วยสีทองแดงมันวาวซึ่งเป็นโทนสีสำหรับรถยนต์ที่มาแรงในอนาคต พร้อมล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 21 นิ้ว
ภายในหรูเท่าพี่ใหญ่ Range Rover เน้นความเงียบสงบและสะดวกสบาย ยึดหลักการออกแบบตามทฤษฎีแยกส่วนที่ซับซ้อนออกจากกันเพื่อให้สามารถกำหนดรายละเอียดแต่ละส่วนได้อย่างง่ายดายและมีคุณภาพ รวมทั้งลดจำนวนปุ่มควบคุมต่างๆให้ดูกลมกลืนสายตาในทุกมุมมองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบความบันเทิง Infotainment Touch Pro Duo" ด้วย จอสัมผัส 10 นิ้ว 2 ตัว พร้อมโปรเซสเซอร์ของ Intel ที่มีความเร็วสูงถึง 60GB รองรับอินเตอร์เน็ตบนโลกโซเชี่ยลอย่างรวดเร็วทันใจ สื่อสารไม่สะดุด พร้อมเบาะหนังแท้เกรดพรีเมี่ยม และแผงมาตรวัดดิจิตอลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว
ขุมพลังแรงด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ Ingenium Diesel 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 1,500 รอบ/นาที อัตราปลดปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 145 กรัม/กม. จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF8 สปีดที่ตอบสนองได้ดีและระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (all-wheel drive system) รวมทั้งเทคโนโลยีล่าสุด Terrain Response พร้อมระบบควบคุมความเร็วตามสภาพถนน (All Terrain Progress Control) ระบบช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหมุนฟรี บนพื้นผิวที่มีแรงเสียดทานต่ำ (Low Traction Launch) ระบบควบคุมขณะขับลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) และระบบควบคุมการปล่อยแรงเบรกขณะเคลื่อนตัวบนทางลาดชัน (Gradient Release Control) รวมถึงมีความสามารถในลากจูงน้ำหนักสูงถึง 2,500 กิโลกรัม โดยจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 4,900,000 บาท (จากเดิม 5,999,000 บาท)
ตามมาด้วย Land Rover Discovery เจน 5 อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ Full-Size ได้รับการออกแบบให้ตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้อย่างหลากหลาย อัดแน่นด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยี เน้นความสะดวกสบายทุกที่นั่ง กับที่นั่งโดยสารทั้ง 7 ที่นั่งสามารถในการปรับเปลี่ยนได้หลากรูปแบบ สามารถขับขี่ได้ในทุกสภาพภูมิประเทศ ทุกพื้นผิวถนนและในทุกสภาวะอากาศ โครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาขึ้นถึง 480 กิโลกรัม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น
ภายนอกคงเอกลักษณ์ของโมเดลก่อนหน้าเส้นโครงหลังคาที่มีลักษณะเป็นขั้นบ่งบอกตัวตนและภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง หุ้มด้วยหนังสุดพรีเมียม เน้นการใช้งานที่ง่ายไม่ยุ่งยาก หรูหราอีกขั้นด้วย PANORAMIC ROOF มีเนื้อที่เก็บสัมภาระมากถึง 2,500 ลิตร มีพอร์ต USB จำนวนมากถึง 9 พอร์ต จุดชาร์จไฟ ขนาด 12 โวลต์ จำนวน 6 จุดรอบคัน และฮอตสปอต 3G Wi-Fi สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในรถสูงสุดได้ถึง 8 เครื่อง พร้อมระบบความบันเทิง InControl Touch Pro ประกอบด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ผสานกับ Meridian ระบบเสียงรอบทิศทางที่มีลำโพง 14 ตัว พร้อมด้วยซับวูฟเฟอร์ มอบประสบการณ์ในการรับฟังที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมเพลงออนไลน์
ขุมกำลัง มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล TD6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ให้แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบ/นาที พร้อมความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม และระบบ Advanced Tow Assist ช่วยการทรงตัวระหว่างลากจูง สามารถลุยน้ำลึกสูงสุดที่ 900 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 200 มิลลิเมตร ในราคาเริ่มต้น 5,500,000 บาท(ราคาเดิม 6,499,000 บาท)
ปิดท้ายด้วย Range Rover Sport Plug-in Hybrid อเนกประสงค์พลังรักษ์โลกแรงสุด 398 แรงม้า สามารถขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าเพียวๆ 51 กม. โดยโหมด Hybrid ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 6.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟ 220 Volt ในเวลา 2.45 ชั่วโมง โดยมีราคาเริ่มต้น 6,300,000 บาท (ราคาเดิม 7,399,000 บาท)
สำหรับการปรับราคารถยนต์ Land Rover ทั้ง 3 รุ่นนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com