จับได้คาตา!! 2023 Mercedes-Benz GLE Facelift ปรับโฉมหล่อเอสยูวีหรู คู่กัด BMW X5

  • โดย : Autodeft
  • 23 มิ.ย. 64 00:00
  • 9,123 อ่าน

ตลอด 3 ปีของการทำตลาดเอสยูวีหรู ที่ตั้งใจท้าชกกับคู่แข่งร่วมชาติอย่าง BMW X5 และ Audi Q7 อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับ Mercedes-Benz GLE เอสยูวีรุ่นหรูที่ครองใจสาวกมายาวนานในร่างเจเนอเรชั่นที่ 4

Mercedes-Benz GLE Facelift

และในเมื่อกลุ่มรถเอสยูวีกลุ่มนี้จากค่ายเยอรมนี อังกฤษ ยังไม่มีการเปิดตัวในรุ่นปรับโฉม หรือ โมเดลใหม่ ก็ตาม เมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมตัดหน้าคู่แข่งด้วยการเปิดตัวรุ่นปรับโฉม Mercedes-Benz GLE เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ร่างตัวถังรหัส w167 ปรับหน้าใหม่แต่ยังเค้าโครงจากของเดิมไว้ตั้งแต่กระจังหน้าแนวนอน ชั้นเดียวหรือสองชั้น อันโดดเด่นพร้อมตราโลโก้สามห่วง ใหม่ รับกับชุดกันชนหน้าใหม่พร้อมช่องระบายอากาศที่ใหญ่และดูดีกว่า สอดรับกับโคมไฟหน้า LED high-performance หรือ MULTIBEAM LED ใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมความดุดันให้กับรถได้ ด้านท้ายยังคงเดิมแต่เปลี่ยนในส่วนไฟท้าย LED โคมใหม่ ล้ออัลลอยลายใหม่ตั้งแต่ 20 นิ้วพร้อมยาง 275 / 50 R20 และขนาด 21 นิ้วพร้อมยาง 275 / 45 R21 สำหรับยางหน้าและ 315 / 40 R21 สำหรับยางหลัง

Mercedes-Benz GLE Facelift

ภายในมีการปรับเปลี่ยนลายพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านใหม่ใช้ทรงเดียวกับ Mercedes-Benz E-Class และ Mercedes-Benz CLS รุ่นปรับโฉม แต่อย่างอื่นคงเดิมทั้ง ระบบมัลติมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit ขนาดใหญ่พิเศษ 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน และระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) ให้คุณเข้าถึงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto) ช่อง USB Type C บริเวณที่นั่งทุกแถว ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad และไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี (ambient lighting) นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ อีกด้วย และเด่นกับ ห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง เก็บสัมภาระด้านหลังยังมีสูงถึง 855 ลิตร และเพิ่มได้สูงถึง 2,055 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่สอง และแถวที่สามลง

 

Mercedes-Benz GLE Facelift

ขุมพลังคงเดิมทั้ง พลังแรงดีเซลเทอร์โบ 4 สูบแถวเรียง OM654 2.0 ลิตร 245 แรงม้าที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม. ในรุ่น GLE 300 d 4MATIC กับ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร รหัส OM654 พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์และอินเตอร์คูลเลอร์ แรงม้าสูงสุด 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชันที่ 3 136 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 31.2 kWh โดยโหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งไกลสุด 100 กม. ในรุ่น GLE 350 de 4MATIC ทั้งคู่ส่งกำลังขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

พร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง M256 แรงสุด 367 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบ EQ Boost ทำงาร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 22 แรงม้าแรงบิด 250 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC ในรุ่น GLE 450 4MATIC

Mercedes-Benz GLE Facelift

Mercedes-Benz GLE Facelift

เบื่องต้น Mercedes-Benz GLE Facelift เตรียมเผยตัวจริงในปี 2022 นี้ ส่วนเมืองไทยยังคงจำหน่ายหน้าเดิม ขุมพลังดีเซล 2 แบบ ทั้งดีเซลล้วน และ ดีเซล เสียบปลั๊กในราคาเริ่มต้น 4.699 ล้านบาท

ที่มา Carscoops

 

Picture credit: S. Baldauf/SB-Medien for CarScoops

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ