อยากให้มาไทย!! 2022 Mercedes-Benz CLS Facelift ปรับเล็กน้อย…เก๋งสปอร์ตสุดเฉียบจากเยอรมนี
- โดย : Autodeft
- 8 เม.ย. 64 00:00
- 9,035 อ่าน
ทำตลาดมาได้สักระยะและได้รับการตอบรับอย่างดีจากสาวกรถหรูทั่วโลกรวมถึงเมืองไทย สำหรับ Mercedes-Benz CLS ที่เข้ามาเติมเต็มความหรู ความเร้าใจ และไม่ชอบที่จะอยู่ในกรอบเดิมๆกับเก๋งสปอร์ต 4 ประตูไร้กรอบ รูปแบบใหม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์
ล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรุ่นปรับโฉมในรหัส C257 และเป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 4 ปี ของการทำตลาด ภายนอกถ้ามองผิวเผินมันไม่มีการปรับอะไร แต่ถ้ามองลึกมันมีการปรับในส่วนของชุดกันชนหน้าที่ดีไซน์แตกต่างจากเดิมพอสมควร พร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/40 R19 สำหรับล้อหน้าและ 275/35 R19 สำหรับล้อหลัง และขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/35 R20 สำหรับล้อหน้าและ 275/30 R20 สำหรับล้อหลัง และสปอยเลอร์หลังแต่อย่างอื่นคงเดิมทั้งกระจังหน้า diamond-pattern grille ที่มีเส้นตัดแบ่งเส้นเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเส้นสายที่ดูกว้างและมีลักษณะทอดตัวลงไปที่พื้น ไฟหน้า MULTIBEAM LED และไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก กับกันชนหลังทรงเดิมพร้อมลิ้นสปอยเลอร์หลังฝังท่อไอเสียคู่ หลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ภายในยังคงเดิมเปลี่ยนลายพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านใหม่ใช้ทรงเดียวกับ Mercedes-Benz E-Class รุ่นปรับโฉม รวมถึงปรับระบบ MBUX เพิ่ม Touchscreen Functions Touchpad ดีไซน์ใหม่ในชุด widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้วต่อกัน 2 จอ เปลี่ยนดีไซน์ Touchpad ใหม่ให้แบนและเรียวใช้งานง่ายขึ้น รวมถึงลายไม้สีใหม่ open-pore brown walnut และ high-gloss grey wood trim พร้อมเบาะหนัง แท้คุณภาพแบบ nappa และฝีเข็มสำหรับทั้งเบาะที่นั่งคู่หน้าและเบาะที่นั่งตอนหลังที่อยู่ในตำแหน่งตรงกับเบาะที่นั่งตอนหน้าถูกจัดวางให้เหมือนกัน สีใหม่ แบบทูโทนให้เลือกทั้งสี แดง-ดำ classic red/black, สีน้ำตาล-ดำ saddle brown/black, สีน้ำตาล-ดำ tartufo brown/black, สีขาว-ดำ deep white/black และสีน้ำเงิน-ดำ yacht blue/black. เบาะที่นั่งตอนหลังยังสามารถพับลงแบบ 40/20/40 และเบาะที่นั่งคู่หน้าสามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ และเพิ่มระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย Wireless Charging พร้อม ลำโพงคุณภาพ รอบทิศทาง Burmester® Surround Sound System ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต อีกทั้งยังสามารถเลือกสีของไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารได้ถึง 64 สี (Premium ambient lighting)
ขุมพลังมีให้เลือกทั้งดีเซลและเบนซินเริ่มที่รุ่น CLS 220 d กับ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน OM654 ขนาด 2.0 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ส่วนรุ่น CLS 300 d 4MATIC ขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังรหัสเดิม OM654 M 2.0 ลิตร แต่แรงม้าเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 265 แรงม้าที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที พร้อมระบบ Mild Hybrid EQ Boost ที่สามารถเสริมกำลังเครื่องยนต์ได้ ถึง 20 แรงม้า รองรับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดถึง 200 นิวตันเมตร รวมถึงสามารถ สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ อีกทั้งยังเป็นระบบที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ และใหญ่สุด 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร OM656 ให้กำลังมากสุด 330 แรงม้าที่ 3,600-4,200 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่ 1,200-3,200 รอบ/นาทีในรุ่น CLS 400 d 4MATIC ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ส่วนเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ในรุ่น CLS 350 ใช้ขุมพลังรหัส M264 ขนาด 2.0 ลิตร 299 แรงม้าที่ 5,800-6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 3,000-4,000 รอบ/นาที ส่วนรุ่น CLS 450 4MATIC ขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้รหัส M256 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง 367แรงม้าที่ 5,500-6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตรที่ 1,600-4,000 รอบ/นาที และใหญ่สุดตัวแต่งขั้นเทพ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC ใช้ขุมพลังเดียวกันกับรุ่น CLS 450 4MATIC แต่เพิ่มมากถึง 435 แรงม้าที่ 5,500-6,100 รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,800 รอบ/นาที โดยรุ่น CLS 450 กับ CLS 53 มาพร้อมระบบ Mild Hybrid EQ Boost ที่สามารถเสริมกำลังเครื่องยนต์ได้ ถึง 22 แรงม้า รองรับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันเมตร รวมถึงสามารถ สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้
โดยทุกขนาดเครื่องยนต์จับคู่กับ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC และระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering - wheel Gearshift Paddles) และ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission ในรุ่น Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC เบื่องต้น Mercedes-Benz CLS รุ่นปรับโฉมพร้อมจำหน่ายทั่วโลกแล้ว ส่วนเมืองไทยคาดว่าปลายปีนี้พบกัน
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com