สปอร์ตกว่าใคร!! All New Mercedes-Benz A-Class Sedan ซีดานเล็กค่ายเยอรมัน…เพื่อคนเมืองยุคใหม่

หลังจากที่เมืองจีนเป็นที่แรกของโลก ที่ได้สัมผัส Mercedes-Benz A-Class Sedan ก่อนใครแต่เป็นเวอร์ชั่นฐานล้อยาว เอาใจหนุ่มสาวที่ชอบความกว้างสบาย

จนเกิดคำถามมากมายทั่วโลกว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสด้วยหรือไม่ ล่าสุดต้นสังกัด เผยตัวจริงอย่างเป็นทางการในรหัส V177 ความหล่อเหล่าไม่แพ้เวอร์ชั่นจีนแต่จะเป็นรุ่นฐานล้อปกติ

ตัวถังนำดีไซน์ครึ่งคันหน้าเวอร์ชั่น Hatchback มาพัฒนาให้ลงตัวตั้งแต่ ไฟหน้าMultibeam LED ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นภายในโคมมีไฟ LED Daytime ทรงสามเหลี่ยมแปะไว้ในโคมใหญ่ ช่วยให้มุมมองดูดีขึ้นรับกับกระจังหน้าตราดาวสามแฉกขนาดใหญ่ดีไซน์ลงตัวที่สุด ส่วนครึ่งหลังออกแบบ จนมองผิวเผินคล้ายๆกับรุ่น CLA พร้อมไฟท้าย LED ดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะ และล้ออัลลอยเลือกได้ทั้งขนาด 16 ถึง 19 นิ้ว มิติตัวรถสั้นกว่าเวอร์ชั่นฐานล้อยาว พอสมควรตั้งแต่ความยาว 4,609 มม. ความกว้าว 1,796 มม. ความสูง 1,446 มม. ระยะฐานล้อ 2,729 มม. (รุ่นฐานล้อยาว 4,609 มม. ความกว้าว 1,796 มม. ความสูง 1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,789 มม.)

ภายในยกชุดมาจากเวอร์ชั่น Hatchback ตั้งแต่แผงหน้าปัดใหม่หมดแบบ Dual Screen Cockpit ด้วยหน้าจอ 2 ขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว ที่เป็นศูนย์รวมทั้งมาตรวัดกับจอสัมผัสนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีระบบ infotainment รุ่นใหม่ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่ควบคุมความบันเทิงกับการสื่อสารผ่าน สมาร์ทโฟนเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง LINGUATRONIC voice control พร้อมคำทักทายสุดเก๋กับคำว่า “Hey Mercedes” และรื่นรมย์ตลอดการเดินทางด้วยระบบไฟภายใน ambient lighting ที่สร้างบรรยากาศมากสุด 64 สี พร้อมฟังก์ชั่นเด็ด นั่นคือระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Semi-Autonomously และสัมภาระท้ายบรรทุกมากสุด 420 ลิตร

ขุมพลังยกชุดมากจากเวอร์ชั่น Hatchback ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส M260 แรงม้าสูงสุด 224 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ในรุ่น A250 และใหม่ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.3 ลิตร รหัส M282 163 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ในรุ่น A200 และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ รหัส OM608 1.5 ลิตร 116 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร ในรุ่น A180d ทุกความแรงทุกขนาดจับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7G-DCT เลือกได้ทั้งรุ่นขับหน้าและขับสี่ 4MATIC All-wheel Drive

Mercedes-Benz A-Class Sedan ผลิตที่โรงงานในเมือง Aguascalientes ประเทศเม็กซิโก พร้อมจำหน่ายเร็วๆนี้ ส่วนเมืองไทยจะมโอกาสหรือไม่ต้องติดตาม

 

 

ที่มา Paultan

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com