The All New BMW X5 มิติใหม่สปอร์ตอเนกประสงค์หรูจากเยอรมัน

ในที่สุด BMW เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับต้นตำรับรถ SUV ที่ประสบความสำเร็จมายาวนาน เกือบ 20 ปี การันตีด้วยยอดขายทั่วโลกมากว่า 2.2 ล้านคันและกลายเป็นต้นแบบให้กับรุ่นอื่นๆในตระกูล X Series นั่นคือ All New BMW X5

โดยเจนใหม่นี้ใช้รหัสว่า G05 ดีไซน์ภายนอกโดยรวมอาจคล้ายกับเจนปัจจุบันรหัส F15 แต่อาจคล้ายกับพี่ใหญ่ อย่าง BMW X7 ที่ใกล้จะเผยจริงช่วงปลายปีนี้ ตั้งแต่ กระจังหน้าทรงไตคู่ที่ขนาดใหญ่กว่าเดิมพร้อมไฟหน้า Adaptive LED headlights ลงตัวด้วยชุดกันชนหน้าเน้นช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ 3 จุด พร้อมชุดแต่งจาก M ทั้งคันในรุ่น M Sport Package ล้ออัลลอยมีหลายขนาดตั้งแต่ 18 -22 นิ้ว ด้านท้ายคล้ายๆ น้องชายในค่าย อย่าง BMW X3 โดยเฉพาะไฟทับทิมฝังที่กันขนหลัง และไฟท้าย LED

พื้นฐานของอเนกประสงค์ค่าย บีเอ็มดับเบิ้ลยู ใช้พื้นฐานแพลตฟอร์ม CLAR platform พร้อมมิติตัวรถที่ใหญ่กว่าเดิมด้านภายในโดดเด่นมีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับ BMW ตั้งแต่ แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ล้ำ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงดิจิตอลกับจอแสดง MID ขนาดใหญ่ กระชับมือด้วยพวงมาลัยมัลติฟงัก์ชั่น 3 ก้าน บันเทิงด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมระบบความบันเทิง infotainment iDrive และลำโพงคุณภาพมากถึง 20 ตัวจาก Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound รวมถึงจอสำหรับผู้โดยสารตอนสอง 2 จอขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว สามารถใส่แผ่น Blu-Ray ได้ เย็นรอบคันด้วยระบบปรับอากาศแบบ four-zone climate control ที่ขาดไม่ได้เลยคือเบาะนั่งหลังสามารถพับได้แบบ 40:20:40 เมื่อพับแล้วพื้นที่สัมภาระมากขึ้น 1,860 ลิตร (645 ลิตรกรณียังไม่พับเบาะ) แถมมีรุ่น และหลังคา panoramic glass roof ใหญ่ขึ้น 30 %

ขุมพลัง BMW X5 เจนใหม่มีให้เลือกหลากหลายจากตระกูล Twin-Power Turbo ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง 340 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ในรุ่น X5 xDrive40i ส่วนในรุ่น X5 xDrive50i มาพร้อมเครื่องใหญ่เบนซิน 4.4 ลิตร V8 462 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร ทางด้านดีเซลก็ไม่น้อยหน้าโดยยังใช้ขนาดเดียวคือ 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง โดยมีสองความแรงให้เลือกเริ่มที่ 265 แรงม้า แรงบิด 620 นิวตันเมตร ในรุ่น X5 xDrive30d และใหญ่สุด 400 แรงม้า แรงบิด 760 นิวตันเมตร ในรุ่น X5 M50d ทุกขนาดเครื่องยนต์จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด กับระบบขับสี่ All Wheel Drive แบบ xDrive

ส่วนในอนาคตจะมีขุมพลังขนาดเล็กในตระกูล Twin-Power Turbo ทั้งเบนซินและดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร กับ Plug-In Hybrid และระบบขับหลัง sDrive มาเป็นทางเลือก โดยเริ่มจำหน่ายที่อเมริกาช่วงเดือน พฤศจิกายนนี้ ส่วนเมืองไทยคาดว่าพบกันในปีหน้า

 

 

ที่มา Carscoops

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 
​