Toyota Alphard-Vellfire Facelift มาดใหม่รถตู้หรู…ค่ายสามห่วง
- โดย : Autodeft
- 26 ธ.ค. 60 00:00
- 55,567 อ่าน
นับเป็นรถ Luxury Van ที่ครองความนิยมมายาวนานและเป็นหนึ่งเดียวที่สร้างความประทับใจให้กับเหล่าเศรษฐี เซเลป ดารา ที่มีชื่อเสียงทั้งไทยและหลายประเทศ สำหรับ Toyota Alphard กับ Toyota Vellfire
และความสำเร็จที่ผ่านมาทำให้ โตโยต้า ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนายานยนต์ให้ตรงใจสาวกมากที่สุด และ Toyota Alphard กับ Toyota Vellfire รุ่นปรับโฉม เป็นเพชรน้ำเอกของค่ายที่บรรจงสร้างขึ้น ด้วยการปรับหน้าตา ปรับรายละเอียดบางจุดให้เด่นชัดยิ่งขึ้น เริ่มจากภายนอกของรุ่น Alphard เน้นความสปอร์ตมากขึ้นแต่ยังคงคอนเซ็บต์ความหรูเช่นเดิม ตั้งแต่ กระจังหน้าดีไซน์โครเมี่ยมใหม่ดูทะมัดทะแมงขึ้นพร้อมไฟหน้า LED projectors ใหม่ สอดรับกับกันชนหน้าดีไซน์ใหม่และยังออกแบบตำแหน่งไฟตัดหมอกให้ต่ำลง เพื่อความลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ด้านท้ายปรับในเรื่องกรอบป้ายทะเบียนโครเมี่ยมดีไซน์ใหม่ที่ยาวขึ้นรับกับไฟท้าย LED ใหม่
ด้านฝาแฝดรุ่น Vellfire ปรับใหม่ครั้งนี้ฉีกแนวเน้นสปอร์ตด้วย กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟหน้า LED สองชั้นใหม่ กันชนหน้าใหม่และด้านท้ายปรับอารมณ์ใหม่ด้วยกรอบป้ายทะเบียนดีไซน์ใหม่ยาวขึ้นรับกับไฟท้าย LED เพิ่มความเร้าใจมากขึ้น แต่ทั้งสองรุ่นได้ล้ออัลลอยลายใหม่ทั้งขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/65 R16 ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R17 และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/50 R18
ภายในทั้งสองรุ่นยังคงหรูหราด้วยชุดเบาะนั่งแบบ 7 ที่นั่ง โดยเฉพาะเบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ 2 ที่นั่ง ปรับไฟฟ้า ด้วยดีไซน์เบาะนั่งแบบ First Class เสมือนนั่งอยู่บนสายการบินชั้นนำ แผงควบคุมเบาะนั่งแถว 2 พร้อมโต๊ะกลางและที่วางแก้วและที่รองขา หรือแบบ 3 ที่นั่งให้เลือกตามความแตกต่างของแต่ละรุ่นพร้อมวัสดุหุ้มเบาะทั้งแบบผ้า และแบบหนังคุณภาพสูงทั้งสีเบจ และ หนัง Nappa สีขาว แผงคอนโซลหน้ายังคงเดิมเพิ่มเติมด้วยมาตรวัดเรืองแสงใหม่ และ วัสุดลายไม้ตกแต่งบริเวณคอนโซหน้า คอนโซลเกียร์ และแผงประตูใหม่ เป็นต้น
รถตู้หรูทั้งสองรุ่นจาก Toyota ใช้ขุมพลังเดียวกัน แต่งงานนี้ แนะนำเครื่องยนต์เบนซิน V6 พัฒนาใหม่ ภายใต้รหัส 2GR-FKS Direct Injection ให้กำลังสูงสุด 301 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 361 นิวตันเมตรที่ 4,600 – 4,700 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ลูกใหม่แบบ Direct Shift (แทนเครื่องเดิมเบนซิน V6 Dual VVT-I 3.5 ลิตร 2GR-FE พัฒนาใหม่ ให้กำลังสูงสุด 280 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 344 นิวตันเมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที กับ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Super ECT แบบ Sequential Shift ) เลือกได้ทั้งรุ่นขับสองและขับสี่ 4WD
ส่วนอีก 2 ขุมพลังความแรงยังคงเดิมเริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-I 2.5 ลิตร 2AR-FE แรงม้าสูงสุด 182 แรงม้า ที่ ที่ 6,000 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด 235 นิวตันเมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนล้อหน้าและระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีดพร้อมระบบ Sequential Shift เลือกได้ทั้งรุ่นขับสองและขับสี่ 4WD และเครื่องยนต์เบนซิน VVT-I Hybrid ขนาด 2.5 ลิตร 2AR-FXE กำลังสูงสุด 152 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 206 นิวตันเมตร ที่ 4,400 – 4,800 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟฟ้า 2JM 143 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตรและมอเตอร์ไฟฟ้า 2FM 68 แรงม้า แรงบิด 139 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ผ่านระบบ เกียร์อัตโนมัติ ECVTและขับเคลื่อนด้วยระบบขับสี่แบบ E-Four
ความปลอดภัยเต็มพิกัดด้วยระบบ Toyota Safety Sense P (TSS-P) เวอร์ชั่นใหม่ ทั้งระบบ Pre-Collision System (PCS) กับ Lane Tracing Assist (LCA), Lane Departure Alert (LDA) และ Advance Car Start Notification function (TMN).
ราคาจำหน่ายสำหรับรุ่น Alphard และ Vellfire Facelift จำหน่ายในราคาเท่ากัน เริ่มที่ 3,354,000 - 7,508,160 Yen หรือราว 970,000 - 2,172,000 บาท (ไม่รวมภาษีของเมืองไทย) ส่วนเมืองไทยมีแนวโน้มสูงที่จะจำหน่ายแต่จะเป็นช่วงไหนนั้นต้องติดตาม
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com