Nissan X-Taril Facelift อเนกประสงค์หน้าใหม่ บุกตลาดเมืองผู้ดีเป็นทางการ

หลังประกาศความพร้อมว่าโซนยุโรปเตรียมพบหน้าใหม่ มาดใหม่ Nissan X-Trail Facelift ของค่ายเพื่อนที่แสนดี ทำให้สาวกเตรียมกำเงินจองเป็นเจ้าของที่สุด Crossover ตัวเด่นที่เปี่ยมทั้งเทคโนโลยีและความทันสมัย

โดยอังกฤษประเดิมจำหน่าย Nissan X-Trail Facelift เป็นที่แรกเด่นด้วยนวัตกรมม ครั้งแรก!!!ด้วยการติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติ ProPILOT ที่ควบคุมทั้ง พวงมาลัย แป้นคันเร่ง และแป้นเบรกในอยู่ในช่องเดินรถตามที่ต้องการ สามารถทำงานในสภาวะการจราจรติดขัดมาก จนถึงความเร็วสูงแบบคงที่ พร้อมหน้าใหม่ กระจังหน้ารูปตัววี V-motion grille รับกับไฟหน้า LED พร้อมไฟ Daytime แบบ LED พร้อมกันชนหน้าออกแบบเพิ่มช่องระบายอากาศและไฟตัดหมอกทรงสี่เหลี่ยมใหม่ ด้านท้ายยังปรับโคมไฟท้ายทรงบูมเมอแรง เป็นแบบรมดำ LED ล้ออัลลอยลายใหม่ 3 แบบ ทั้งขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 225/65 R17 ขนาด18 นิ้วพร้อมนยาง 225/60 R18 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R19

ภายในหล่อไม่แพ้กันด้วยห้องโดยสารทั้งแบบ 5 ที่นั่ง กับ 7 ที่นั่ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสปอร์ตท้ายตัด รวมถึงคันเกียร์ใหม่สปอร์ตมากขึ้น ที่เห็นได้ชัด คือ การเปลี่ยนช่วงตรงกลางคอนโซลหน้าให้หน้าตาดีขึ้นและเครื่องเล่นวิทยุ CD MP3 พร้อมจอสัมผัส เพลินด้วยลำโพงคุณภาพมากถึง 8 ตัว จาก Bose และที่ขาดไม่ได้เลยคือระบบประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ หรือ Power Tailgate และหลังคา Panoramic Sunroof

สำหรับตลาดอังกฤษ Nissan เลือกใช้ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ dCI 2 ขนาด ตั้งแต่ขนาด 1.6 ลิตร Y9M 130 แรงม้า ที่4,000 รอบ/นาที แรงบิด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที กับขนาดใหญ่ M9R 2.0 ลิตร 177 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิด 380 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ทั้งสองขนาดเลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ All Mode 4X4 และมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ X-TRONIC CVT และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ DIG-T MR16 DDT 1.6 ลิตร 163 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและมีแค่รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ นอกจากระบบ ProPILOT แล้วยังมีความปลอดภัยอื่นๆทั้ง ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA) เป็นต้น

นิสสัน อังกฤษ ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการเริ่มต้น £23,385 หรือราว 1,045,000 บาท (ไม่รวมภาษีของเมืองไทย) และมีความเป็นไปได้ว่าเมืองไทยจะได้สัมผัสเช่นกัน แต่จะเปิดตัวช่วงไหนต้องติดตาม

 

 

 

ที่มา Carscoops

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com