เยือนอีสาน..สัมผัสความงามแห่งเมืองดอกบัว ที่ อุบลราชธานี

“อุบลเมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซ่บหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ ฉลาดภูมิปัญญาท้องถิ่น ดินแดนอนุสาวรีย์คนดีศรีอุบล” คำขวัญนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจังหวัดอุบลราชธานี

อุบลราชธานี เป็นที่อยู่ทางภาคอีสานตอนล่างตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของอีสานและของประเทศไทย มีความโดดเด่นตรงที่เป็นจังหวัดแรกที่ได้เห็นดวงอาทิตย์ก่อนพื้นที่อื่นๆในเมืองไทย สามารถชมปรากฏการณ์ตะวันอ้อมโขงในช่วงฤดูหนาวช่วงก่อนสิ้นปีและปีใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นจังหวัดที่แม่น้ำสายสำคัญทั้งหมดของภาคอีสานทั้งโขงชีมูลไหลมาบรรจบกัน โดยแม่น้ำชีและแม่น้ำมูลไหลมารวมกันที่อำเภอวารินชำราบ โดยมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่า 200 ปี เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ภายหลังถูกแบ่งออกเป็นจังหวัดใหม่คือจังหวัดยโสธรในปี พ.ศ. 2515 และจังหวัดอำนาจเจริญในปี พ.ศ. 2536 ซึ่งถ้ารวมพื้นที่อีกสองจังหวัดที่แยกออกไป จังหวัดอุบลราชธานีจะมีพื้นที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทยสัญลักษณ์เด่นประจำจังหวัดอุบลราชธานีจะเป็นรูปดอกบัวตูมและดอกบัวบานชูช่อก้านใบเหนือหนองน้ำ

ถึงแม้อุบลฯ ในปัจจุบัน จะมีความเจริญเข้ามาหลากหลายทั้งการเดินทาง สถานที่ ห้างร้าน มหาวิทยาลัย สนามบิน สถานีรถไฟ ฯลฯ แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายให้สามารถเดินทางเยี่ยมชม สัมผัสธรรมชาติ สักการะวัดวาอาราม และประเพณีมากมายที่จัดขึ้นกันในช่วงเทศกาลต่างๆ

การเดินทางมายังอุบลราชธานีจากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ไปสระบุรี เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 24 (สายโชคชัย-เดชอุดม) ไปจนถึงอุบลราชธานี หรือใช้ เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และเข้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี ระยะทางประมาณ 600 กว่ากม. ครั้งนี้ ผมจะพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง รวมถึงร้านอาหารอร่อยขึ้นชื่อของจังหวัดฯ 

เริ่มที่ วัดถ้ำคูหาสวรรค์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดฯ ก่อตั้งโดย "หลวงปู่คำคนิง จุลมณี" ซึ่งใช้เป็นที่ ปฏิบัติธรรมจำพรรษาปัจจุบันท่านได้มรณภาพแล้ว แต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อยบรรดาลูกศิษย์ได้เก็บร่างของท่าน ไว้ในโลงแก้วเพื่อ ภายในบริเวณวัดถ้ำคูหาสวรรค์มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างเช่น พระอุโบสถหลังงามสีขาวแกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจงสวยงาม

นอกจากนี้ภายในวัด ยังมีพระธรรมเจดีย์ศรีไตรภูมิ ภายในประดิษฐาน พระพุทธรูปปางสมาธิที่สวยงาม สวนตอไม้โดยรอบภายในบริเวณวัดเป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดโดย ตอไม้ที่ท่านสังเกตเห็นนั้นหากมองอย่างละเอียดแล้วล่ะก็ จะเห็นดอกกล้วยไม้ที่สวยงามน่ารักหลากหลายพันธุ์และสี แต่อย่าเดินชมดอกกล้วยไม้ กันเพลิน นอกจากนี้ยังสามารถ ชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงและแม่น้ำสองสี ตลอดจนทิวทัศน์ของฝั่งประเทศตรงข้ามได้อย่างชัดเจน อันเนื่องมาจากบริเวณที่ตั้งของวัดตั้งอยู่บนที่ราบสูง ริมฝั่งแม่น้ำโขง ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูลไหลรวมกัน กลายเป็นแม่น้ำสองสี อย่างสวยงาม รวมทั้งทิวทัศน์ ตัวอำเภอโขงเจียม

จากนั้นเดินทางกันไปที่ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม การเดินทาง เพียง 18 กม. จากวัดถ้ำคูหาสวรรค์ โดยเป็นอุทยานฯ ลำดับที่ 74 ของประเทศ มีเนื้อที่ประมาณ 212,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอโพธิ์ไทร ภายในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น

เสาเฉลียง อยู่ก่อนถึงผาแต้มประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นเสาหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมเป็นเวลานับล้านปี มีลักษณะคล้ายดอกเห็ดเรียงรายกันอยู่มากมาย ดูแปลกตายิ่งนัก

ผาแต้ม เป็นหน้าผาสูงชันเป็นจุดชมวิวที่สวยงามและยังเป็นจุดที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนที่แห่งใดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังปรากฏภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์เรียงรายอยู่ประมาณ 300 ภาพ บริเวณผนังหน้าผาด้านล่าง ซึ่งทางอุทยานฯ

ป่าดงนาทาม โดยการท่องเที่ยวที่ป่าดงนาทามเป็นลักษณะการเดินป่าชมธรรมชาติ โดยระหว่างทางจะพบสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น เสาเฉลียงคู่ น้ำตกห้วยพอก ผาชะนะได ผากำปั่น ผาหินแตก น้ำตกกวางโตน หินโยก ภูจ้อมก้อม ฯลฯ โดยอยู่ในบริเวณภูนาทาม ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 36 กิโลเมตร และน้ำตกสร้อยสวรรค์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่เกิดจากลำห้วย 2 สาย ไหลจากหน้าผาคนละด้านมาบรรจบกัน มองดูคล้ายสร้อยคอ

จบจากอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เดินทางกันต่อไปที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว โดยวัดดังกล่าวนิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง ตั้งอยู่ที่ อำเภอสิรินธร โดยวัดแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีทองตั้งเด่นเป็นสง่า

และพลาดไม่ได้กับการชมปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ เมื่อทุก ๆ ค่ำคืนหลังพระอาทิตย์ตกดิน ต้นกัลปพฤกษ์ทางผนังด้านหลังโบสถ์จะค่อย ๆ เรืองแสงเปล่งประกายโดดเด่นท่ามกลางความมืดมิดน่าอัศจรรย์ยิ่ง สำหรับต้นกัลปพฤกษ์หลังอุโบสถวัดสิรินธร วรารามภูพร้าวแห่งนี้ เป็นผลงานการออกแบบของช่างคณากร ปริญญาปุณโณ ผู้เป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า ฟอสเฟอร์ (Phosphor) ทาลงไปที่ต้นกัลปพฤกษ์ ซึ่งในช่วงกลางวันต้นกัลปพฤกษ์ต้นนี้จะดูดแสงแดดเอาไว้ เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ตกก็จะปรากฏเป็นต้นไม้เรืองแสงงดงาม ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชม และถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น.

ดื่มด่ำกับความงามยามค่ำคืนของวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวแล้ว วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันกลับเข้ากรุงเทพฯ อาหารเช้าสำคัญสุด เมนูที่จะแนะนำอยู่ในตัวเมืองอุบลฯ (ถนน เบ็ญจะมะ) กับร้านปากหม้อเจ๊หุ่นยนต์ โดยเจ้าของร้านชื่อ เจ๊อิม โดยฝีมือการทำ ปากหม้อญวน ทำกันสดๆต่อหน้าลูกค้าที่นั่งบนเคานเตอร์หน้าร้าน แถมระยะเวลาการทำใช้เวลารวดเร็วปานหุ่นยนต์ หรือ รถไฟความเร็วสูงกันเลยทีเดียว เมนูที่อยากแนะนำนั่นคือปากหม้อญวน ที่บอกได้เลยว่า แผ่นแป้งเหนียวนุ่มไส้หมูสับล้นมากพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดสูตรเฉพาะ ที่ทานแล้วต้องยกนิ้วให้ทันที

หรือปากหม้อญวนข้าวเกรียบที่นำข้าวเกรียบมาห่อกับแป้ง เพิ่มความกรอบและกลิ่นหอมจากเมล็ดงา ทำให้ได้รสชาติอีกแบบ อร่อยไม่แพ้กับแบบดั้งเดิม นอกจากความอร่อยแล้วและการทำต่อหน้าลูกค้าแล้ว ความอัธยาศัยดีของ เจ๊อิม ทำให้กลายเป็นที่รักของชาวจังหวัดอุบลฯ เป็นจำนวนมาก โดยร้านไม่มีป้าย ขอให้จำหน้า เจ๊อิม ไว้เลยครับรับรองมาถูกร้านแน่นอน และเป็นการปิดท้ายทริปอุบลฯอย่างสนุกสนานก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯ 8 ชั่วโมง

ตลอดการเดินทางมายังอุบลราชธานี ต้องขอบคุณที่พักสวยหรูราคามิตรภาพ จากโรงแรมระพีพรรณ วิลล์ พร้อมการต้อนรับอันอบอุ่นจากพี่สมศักดิ์เจ้าของโรงแรมที่ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดฯ

และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ISUZU D-MAX V-Cross MAX 4X4 สปอร์ตออฟโรด ดีกรีเจ้าของแชมป์แรลลี่หฤโหดกวาดเรียบ 4 ปีซ้อนกับการแข่งขัน “Asia Cross Country Rally” พร้อมพลังดีเปลี่ยนโลก 177 แรงม้า จากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 3.0 Ddi Blue Power พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ Terrain Command และไม่หลงทางด้วยระบบเนวิเกเตอร์ ผ่านจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว ISUZU iConnect ครั้งต่อไปผมจะพาไปเที่ยวที่ไหน ต้องติดตามกันในคอลัมพ์ Deft's Go

 

เรื่องและเรียบเรียงโดย นายเต้ย

 

ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่ได้เปิดโลกใหม่ในการเดินทางท่องเที่ยวแสนพิเศษ กับ ISUZU D-MAX V-Cross MAX 4X4

 

ที่มาข้อมูล thai.tourismthailand.org, veryubon, Paiduaykan

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com