เส้นทางแสนท้าทายสไตล์ AEC ที่ “เวียดนาม” (Part 2)
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 29 ส.ค. 59 00:00
- 8,268 อ่าน
จากครั้งที่แล้ว ที่ได้บอกถึงการเดินทางใน MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN 2 วันแรกไปแล้ว วันนี้มาขอต่อกับวันที่เหลือกันเลยครับ
เส้นทางแสนท้าทายสไตล์ AEC ที่ “เวียดนาม” (Part 1)
ฮอยอัน (ฉันรักเธอ)
หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อย ชาวคณะ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN บางส่วน ก็ออกสำรวจเมืองกัน โดยพี่ไกด์บอกว่าที่เมืองนี้เป็นเมืองเก่า สงบเงียบ และอาคารบ้านช่องจะมีบางส่วนที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นแบบดั้งเดิม พวกเราเลยอยากจะขอสัมผัสด้วยตากันซักหน่อย ซึ่งช่วงที่เราเดินไปกันนั้น เวลาก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว พี่ไกด์บอกว่าพวกพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ปิดไปหมดแล้ว แต่ร้านค้าของพื้นเมืองต่างๆยังคงเปิดขายกันอยู่ จังหวะที่เราไปเที่ยวนั้นเป็นช่วงที่เขาจัดงานกันพอดี เลยได้เห็นกิจกรรมต่างๆของชาวเวียดนาม ทั้งละคร, เกมไต่ไม้ตีระฆัง, ปิดตาตีหม้อ และอื่นๆที่เหมือนกับงานวัดบ้านเรานั่นเอง โดยโซนแรกที่เดิน ของขายก็เหมือนกับตลาดนัดหัวหิน จะมีทั้งของกินและของชำร่วยต่างๆวางขายอยู่มากมาย (ซึ่งก็เสียเงินกันไปตามระเบียบ) จากนั้นก็เดินข้ามมาอีกฝั่งคลอง ก็ได้เจอกับร้านขายของที่ระลึกและร้านกาแฟเรียงรายอยู่ตามอาคารแบบโบราณ ซึ่งก็เป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดีให้กับพวกเราทุกคนได้ หลายคนพูดเลยว่า จะต้องกลับมาใหม่ที่เมืองนี้อีกให้ได้ (เพราะเพิ่งเดินผ่านกลุ่มนักเรียนเวียดนามมา ฮ่า)
หลังพักผ่อนกันเต็มที่แล้ว วันรุ่งขึ้นก็เตรียมออกเดินทางกันเป็นวันที่ 3 โดยจุดหมายปลายทางจะอยู่ที่เมือง Phu yen ซึ่งถือว่าเป็นอีก 1 วันที่ได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติของเวียดนามใต้แล้วล่ะครับ
Ganh Da Dia ธรรมชาติสร้างได้เหลือเชื่อ
แน่นอนว่าเส้นทางในการเดินทางวันนี้ มีทุกสภาพ ตั้งแต่ขึ้นเขา เข้าเมือง มุดอุโมงค์ จนทำให้คณะ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN ที่เดินทางมาตลอดทั้งวันเริ่มเมื่อยล้าและอยากถึงที่หมายกันแล้ว แต่พี่ไกด์บอกว่า มีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่หนึ่ง ที่อยากให้ทุกคนได้เห็น แต่ต้องแยกออกจากเส้นทางหลักอีกประมาณ 12 กม. พวกเราจึงขอฮึดอีกครั้งเพื่อไปดูซิว่ามันสวยจริงตามที่พี่ไกด์ว่ามั้ย (ถ้าไม่สวยล่ะน่าดู) หลังจากลัดเลาะผ่านหมู่บ้านมาจนเจอกับทะเล ตอนจอดรถก็ยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ ในใจแอบคิดด้วยซ้ำว่าพี่ไกด์พามาดูอะไรวะ
แต่เมื่อเดินมาใกล้ทะเลมากขึ้น โว้ว… ทำไมมันช่างสวยงามอย่างนี้ จุดที่เดินไปนั้นจะเป็นท้องทะเลแสนเวิ้งว้าง ประกอบกับชายหาดที่เป็นหินสีดำหลายระดับเรียงตัวกันเป็นทางยาวตลอดทาง แถมมองไปสุดสายตา ก็มองเห็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล ที่มีความสูงระดับภูเขาลูกหนึ่ง มีเมฆปกคลุมอยู่ที่ยอดเขา สภาพตอนนั้นเหมือนมองไปที่เมืองมอดอร์ในเรื่อง Lord Of The Ring เลยทีเดียว และถ้าเดินขึ้นเขาไป ก็จะได้เห็นหน้าผาหินที่สูงชัน มองลงไปแล้วเสียวระดับนึงเลย มองเห็นอ่าวทั้ง 2 ด้าน และคลื่นซัดเข้าที่ตีนผาและโขดหิน เป็นภาพที่ประทับใจไม่รู้ลืมเลย
และไฮไลท์สำคัญ ที่นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามนิยมแวะกันมา เป็นจุดโขดหินริมเขา ที่ถูกธรรมชาติทั้งลมและคลื่นกัดเซาะจนเป็นเหมือนมีคนเอาแท่งเสาแบบ 6 เหลี่ยม มาวางเรียงรายกันจนเป็นภูเขาและแผ่นดิน ให้เราเดินไปมาได้อย่างสบาย (มันสวยมาก ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร) จุดนี้นักท่องเที่ยวมากมายมาถ่ายรูปเพื่อเก็บความสวยงามกันอย่างเต็มที่ แถมมีคู่บ่าวสาวมาถ่าย Pre Wedding กันอีกด้วย (บ้านเขาเจริญแล้วไง) พวกเราอยู่กันจนอาทิตย์ตก จึงเดินทางกันต่อเพื่อเข้าสู่ที่พัก สรุปรวมการเดินทางวันนี้ 427 กม. ถือเป็นอีกวันที่พวกเราเหนื่อยกันพอสมควรครับ
เข้าสู่วันที่ 4 ของการเดินทาง วันสุดท้ายที่ต้องขับรถ MAZDA SKYACTIV ในเวียดนามของทริปนี้ โดยปลายทางอยู่ที่เมืองโฮจิมิน เมืองที่เคยเป็นเมืองหลักของเวียดนามใต้ ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่ไกลที่สุดของทริปนี้แล้วครับ
มุยเน่ ฉันผ่านเธอ
หลายคนที่มาเวียดนาม ที่เที่ยวที่มักจะแปะเอาไว้ว่าต้องไปให้ได้คือมุยเน่ หรือ หมุยแหน ในสำเนียงเวียดนาม ท้องทุ่งทะเลทรายสีขาวใสและสีแดงสดสุดลูกหูลูกตาอันสวยงาม แน่นอนว่าแรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากหนังเรื่อง เราสองสามคน (รวมถึงผมด้วย) พวกเราหลายคนจึงใจจดใจจ่อกันว่าจะได้ยลโฉมทะเลทรายที่สวยงามกันแล้ว แต่ช่วงเช้าทางพี่หมู Transasia Route ผู้นำทางของคณะ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN ได้เกริ่นมาตั้งแต่ออกตัวว่า “วันนี้เนื่องจากเส้นทางไกลมาก ขอดูเวลาก่อนนะครับว่าจะแวะมุยเน่ได้หรือเปล่า แต่ได้ผ่านแน่ๆครับ” พวกเราก็รู้สึกได้ว่าความหวังเริ่มลดลง แต่ด้วยความตั้งใจ และเป็นวันอาทิตย์ (ที่เราเดากันเองว่าตำรวจจะหยุดงาน) ทั้งขบวนจึงเร่งความเร็วให้มากกว่า 3 วันที่ผ่านมา (อัดอั้นกันเหลือเกิน) ซึ่งถือเป็นวันที่ได้วัดความ “แรง” ของเครื่อง Skyactiv กันอย่างเต็มที่ หลายช่วงที่ได้ซัดกันเกินกว่าที่เวียดนามกำหนด จนได้ไปถึงมุยเน่ในช่วงบ่ายๆ พี่หมูก็วิทยุมาบอกทุกคนว่า “ตอนนี้เราเข้ามาถึงช่วงที่เรียกว่ามุยเน่แล้วนะครับ โดยทะเลทรายจะแบ่งเป็น 2 แห่งคือ ทะเลทรายสีขาว ต้องแยกออกจากเส้นหลักไปประมาณ 20 กม. แต่ถ้าทะเลทรายสีแดง เราจะผ่านครับ และข่าวดีคือ เส้นทางที่เหลือยังอยู่อีกไกล เราจะไม่ได้แวะกันครับ” เท่านั้นแหละความหวังที่จะได้ถ่ายรูปกับทะเลทรายมุยเน่เป็นอันจบ พวกเราได้สัมผัสทางสายตาบนรถกับแวบนึง จากนั้นก็เดินทางกันต่อ เพราะเข้าใจดีว่าต้องรักษาเวลาให้ได้ตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดครับ
ซิ่งผ่านดินแดนแก้วมังกร
หลังจัดเต็มกับอาหารทะเลเคล้าบรรยากาศของทะเลจีนใต้แถวเมือง Phan Thiet แล้ว บรรดาคณะ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN ก็เริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง โดยทางไกด์นำทางไม่รู้อารมณ์ไหน แทนที่จะพาออกถนนสายหลัก แต่กลับพาพวกเราลัดเลาะไปตามถนนหมู่บ้านแถวเมือง Binh Thuan ที่มีขนาด 2 เลนสวนแบบแคบๆ และบางช่วงถนนก็ขรุขระ คันที่นำก็ค่อยๆพาพวกเราลากขึ้นไปสู่ความเร็วที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เลยต้องใช้สมาธิในช่วงนี้เป็นอย่างสูง เพราะต้องคอยหลบหลีกหลุมบ่อตามทางที่มีมาเป็นระยะ แต่ด้วยการควบคุมงานของ MAZDA ทุกคัน เลยทำให้ไม่เป็นปัญหาของสื่อมวลชนทุกท่าน ผ่านเส้นทางแบบนี้ไปได้อย่างง่ายดาย จนมาหายสงสัยเมื่อพวกเราได้เห็นทุ่งแก้วมังกรที่ไกลสุดลูกหูลูกตา โดยพี่ไกด์บอกว่า เวียดนามมีการปลูกแก้วมังกรเป็นจำนวนมาก แล้วยังส่งออกได้เป็นจำนวนมากอีกด้วย ถือว่าเป็นผลไม้หลักด้านเศรษฐกิจของประเทศเลยทีเดียว คงเป็นความภูมิใจของพี่เขา เลยพาคนไทยมาแอบดูซักหน่อย (มารู้ความจริงตอนหลังว่าพาวิ่งเลาะมาเพราะไม่มีตำรวจ ทำความเร็วได้ ฮ่า)
โอ้โห โฮจิมิน
เมื่อผ่านเมืองต่างๆมาแล้ว พวกเราก็ได้มาถึงด่านจ่ายค่าผ่านทางสุดท้ายแล้ว ซึ่งเส้นนี้เริ่มเป็นทางด่วนเข้าสู่ตัวเมืองโฮจิมินแล้ว เป็นการบอกว่า ในที่สุดเราก็มาถึงช่วงสุดท้ายของการเดินทาง MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN กลุ่มที่ 2 แล้ว โดยทางด่วนนี้ให้ใช้ความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม.ซึ่งเวลานั้นก็ถึงเวลาที่พระอาทิตย์ล่ำลาไปเรียบร้อย เมื่อวิ่งมาได้ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ก็เข้าสู่เขตเมืองโฮจิมินแล้ว สัมผัสแรกที่เห็นต้องร้อง โอ้โห เลยครับ เพราะที่นี่มีความเจริญอย่างยิ่ง ไอ้คำสบประมาทว่าเวียดนามยังไม่เจริญที่ฮานอย ต้องถอนคำพูดกลับแทบไม่ทัน เพราะสภาพตอนนี้เหมือนขับวาร์ปลอยข้ามไปที่ฮ่องกงเลยทีเดียว อาคารบ้านเรือนเป็นตึกสูงใหญ่ ถนนกว้างขวาง รถราขวักไขว่ (และมารยาทแย่เช่นเคย) และแน่นอนว่ามันดู “ใหม่” กว่ากรุงเทพบ้านเรา อาจจะเป็นเพราะเมืองของเขาเพิ่งเริ่มสร้างได้ไม่นาน อาคารต่างๆก็เลยดูทันสมัยและใหม่มาก ถ้าเอาตามความจริงแล้ว โฮจิมินสมควรจะเป็นเมืองหลวงมากกว่าฮานอยด้วยซ้ำ เพราะเหมือนว่าเม็ดเงินต่างๆ จะมาอยู่แถวนี้กันทั้งหมดเลย
สรุปการเดินทางวันนี้รวม 655 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยาวที่สุด รวม 4 วัน 1,942 กม. พวกเราชาวคณะ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN กลุ่มที่ 2 ก็ได้ทำภารกิจได้สำเร็จตามแผนแบบปลอดภัยทุกคน ผ่านประสบการณ์ร่วมกันมากมาย, พบประสบการณ์การขับรถที่ไม่มีแบบนี้ในเมืองไทย ปิดท้ายทริปประวัติศาสตร์ที่สร้างโดย MAZDA SKYACTIVE กับงานปาร์ตี้ฉลองส่งท้ายกลุ่ม 2 และส่งไม้ต่อให้กับกลุ่ม 3 ที่จะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น เพื่อเดินทางสู่ประเทศกัมพูชาและเดินทางต่อเพื่อปิดทริปอย่างสมบูรณ์ที่กรุงเทพฯต่อไป
เมื่อส่งกลุ่มแรกเพื่ออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นแล้ว ชาวคณะกลุ่มที่ 2 ก็เดินทางออกไปยังสนามบินโฮจิมินเพื่อเดินทางสู่กรุงเทพฯต่อไป ซึ่งตลอด 6 วัน กับระยะทางกว่า 2,000 กม. (รวมนั่งรถบัส) ในประเทศเวียดนาม ที่นี่ถือเป็นอีกประเทศที่แนะนำให้ลองมาสัมผัสกันครับ เพราะคนเวียดนามถึงจะมีการขับรถแย่ (สำหรับเขาอาจจะเป็นปกติ) แต่คนเวียดนามถือว่าน่ารักครับ ยิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างดี จริงอยู่ว่าอาจจะมีส่วนนึงที่ทำเรื่องไม่ดีกับนักท่องเที่ยวบ้าง แต่ถ้าเราระมัดระวังในการท่องเที่ยว และไม่ไปในจุดที่มีความเสี่ยง เวียดนามจะมีที่ท่องเที่ยวให้เราได้เปิดหูเปิดตามากมาย ซึ่งถ้าอยากเที่ยวกันแบบสงบๆ ก็อาจจะเลือกเมืองทางเหนือ แต่ถ้าอยากครึกครื้น ดูคึกคัก ก็ต้องเลือกมาทางใต้ ถ้าขับรถไปเอง แล้วมีเวลาซัก 15 วัน แนะนำให้ลองสร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเองซักครั้ง ด้วยการขับรถจากเมืองไทยทะลุลาวจนถึงฮานอย แล้วค่อยไล่เที่ยวจากเหนือจรดใต้ แล้วออกจากโฮจิมินสู่กัมพูชาจนถึงไทยแบบ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN ครั้งนี้ก็ได้ครับ รับรองได้ว่า มันจะเป็นการเดินทางที่มีครบทุกรสชาติของชีวิต และจะเป็นทริปที่ประทับใจไปตราบนานเท่านานเลยครับ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com