เยือนอีสาน…เที่ยวเมืองต้องห้าม (พลาด) ที่ วนอุทยานภูเขาไฟเขากระโดง
- โดย : Autodeft
- 6 ก.พ. 61 00:00
- 50,816 อ่าน
“เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม” คำขวัญนี้ แน่นอนแล้วว่าเป็นคำขวัญของจังหวัด บุรีรัมย์ จังหวัดที่อยู่ทางภาคอีสานตอนล่าง แถมเป็นจังหวัดที่ก่อนหน้านี้ ไม่ค่อยแวะกันมากเท่าไหร่ส่วนมากต้องเดินทางผ่านมากกว่า
แต่บุรีรัมย์ในปัจจุบันกลายเป็นจังหวัดที่ต้องห้ามพลาด โดยสิ่งสาธารณูปโภคความเจริญและเทคโนโลยี ต่างๆ ได้เข้ามาอยู่ในจังหวัดนี้มากมายไม่ว่าจะเป็นเส้นทางคมนาคม ตึกรามบ้านช่อง ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามฟุตบอลนิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม และสนามรถแข่งระดับโลก บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต กลายเป็นสถานที่ๆสำคัญทำให้คนในจังหวัด หรือคนต่างถิ่น มาชมการแข่งขัน มาเดินเล่นซื้อของ สร้างรายได้เข้าจังหวัดนี้เป็นจำนวนมาก
ด้านสถานที่ท่องเที่ยวนอกจาก อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ วันนี้ นายเต้ย จะพาชมสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ที่งดงามไม่แพ้กัน นั่นคือ วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเดินทางจากกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี(ทางหลวงหมายเลข 2) ผ่านสีคิ้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 24 ผ่านอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อไป อำเภอนางรอง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงมหายเลข 219 เพื่อถึงวนอุทยาน ฯ โดยระยะทางทั้งหมด 425 กิโลเมตร โดยวนอุทยานภูเขาไฟกระโดง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์ในด้านธรณีวิทยาและชีววิทยา ที่ทุกคนในครอบครัว คู่รัก สามารถมาพักผ่อนหย่อนใจได้โดยวนอุทยานเขากระโดงมีชื่อเดิมว่า“พนมกระดอง” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ภูเขากระดอง (เต่า)” เพราะมีรูปลักษณ์คล้ายกระดองเต่า ต่อมา จึงเรียกเพี้ยนเป็น “กระโดง”
เป็นที่ตั้งของภูเขาไฟที่ยังคงปรากฏร่องรอยปากปล่องให้เห็นได้ชัดเจน มีโบราณสถานกู่เขากระโดง เป็นที่ประดิษฐานรองพระพุทธบาทจำลอง และมี”พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่เมืองบุรีรัมย์ อยู่บนยอดเขา แถมมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าเต็งรัง เนื้อที่ประมาณ 6 พันไร่ รวมทั้งพันธุ์ไม้พื้นเมืองที่หาชมได้ยาก เช่น ผลของต้นโยนีปีศาจ ที่มักพบในบริเวณเขตภูเขาไฟ การขึ้นไปยังเขากระโดงสามารถทำได้สองวิธี คือ เดินขึ้นบันได หรือ ขับรถขึ้นไปถึงยอดเขา ระหว่างทางจะพบพระพุทธรูปปางต่าง ๆ เรียงรายอยู่เป็นระยะ
จุดเด่นภายในวนอุทยานฯ อยู่ที่ พระสุภัทรบพิตร ภายในเศียรบรรจุพระธาตุ ประดิษฐานอยู่บนเขากระโดง เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐฉาบปูนขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 12 เมตร ฐานยาว 14 เมตร หันหน้าไปทางทิศเหนือ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2512 โดย นายสุรวุฒิ บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ในขณะนั้น ร่วมกับพ่อค้าประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในตัวหลวงพ่อบุญมา ปัญญาปโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดเขากระโดง ได้ร่วมกันจัดสร้างขึ้นบริเวณยอดเขากระโดง เพื่อให้เป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป จากจุดที่ตั้งขององค์พระ สามารถมองเห็นทัศนียภาพของตัวเมืองบุรีรัมย์ได้
ปากปล่องภูเขาไฟเขากระโดง ปากปล่องภูเขาไฟเขากระโดง มีอายุประมาณ 3 แสนถึง 9 แสนปี สูงจากระดับน้ำทะเล 265 เมตร ซากปากปล่องเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีก ยอดเนินเขาเป็นขอบปล่องด้านทิศใต้เรียกว่า เขาใหญ่ ส่วนยอดเนินเป็นขอบปล่องด้านทิศเหนือเรียกว่า เขาน้อย หรือเขากระโดง ส่วนบริเวณที่เป็นขอบปล่องปะทุคือ บริเวณที่เป็นหุบเขา ปัจจุบันมีสภาพเป็นสระน้ำ เป็นซากภูเขาไฟที่ยังคงสภาพดีและมีอายุน้อยที่สุดในประเทศไทย มีเส้นทางเดินชมรอบปล่อง และมีสะพานแขวนให้ยืนชมจากมุมสูงได้อ ย่างชัดแจน
สะพานพิสูจน์ศรัทธาสาธุชน (บันไดนาคราช) สร้างขึ้นเมื่อปี 2512 เพื่อเป็นทางเดินขึ้นไปสักการะบูชาพระสุภัทรบพิตร ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขากระโดง จำนวน 297 ขั้น ชมการละเล่นพื้นบ้านในงานประเพณีขึ้นเขากระโดง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 และร่วมทำบูญงานประกวดกวนข้าวทิพย์–ตักบาตรรเทโวโรหณะ ในช่วงก่อนวันออกพรรษาและวันออกพรรษาของทุกปี
ปราสาทเขากระโดงและพระพุทธบาทจำลอง ตั้งอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟกระโดง เป็นศาสนสถาน สร้างขึ้นก่อนสมัยสุโขทัย เดิมเป็นปรางค์หินทราย ก่อบนฐานศิลาแลงองค์เดียวโดดๆ ฐานสี่เหลี่ยมขนาด 4×4 เมตร มีช่องทางเข้า 4 ด้าน ต่อมาหินพังหรือถูกรื้อลงมา มีผู้นำหินมาเรียงขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ตรงตามรูปแบบเดิม ในสมัยรัตนโกสินทร์ ตระกูลสิงห์เสนีย์ได้ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองไว้ในองค์ปรางค์ แล้วสร้างมณฑปครอบทับ
อ่างเก็บน้ำเขากระโดง (อ่างเก็บน้ำวุฒิสวัสดิ์) อยู่ด้านเหนือของภูเขากระโดง บริเวณหน้าที่ทำการวนอุทยานภูเขาไฟเขากระโดง เนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ เป็นแหล่งอาศัยของเหล่านกน้ำประจำถิ่นและอพยพหนีหนาว รอบอ่างจะอุดมไปด้วยพันธุ์ไม้เต็ง-รัง นานาชนิด จุดนั่งชมวิวเหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ กางเต็นท์พักแรมและศึกษาธรรมชาติ จากจุดนี้หากมองขึ้นไปบนยอดเขากระโดงจะมองเห็นองค์พระ สุภัทรบพิตร
หลังจากเพลิดเพลินกับวนอุทยานเขากระโดงแล้วก็ถึงเวลาขับรถไปหาของกินอร่อยๆ โดยของอร่อยที่จะแนะนำอยู่ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตัวเมือง สิ่งที่น่าสนใจนั่นคือแหล่งรวมร้านขายลูกชิ้น-ไส้กรอกปิ้ง ที่มีให้เลือกตามชอบของนักชิม แต่มีเอกลักษณ์เด่นตรงที่สามารถยืนกินหน้าร้านได้ โดยราคาจะอยู่ที่ไม้ละ 3-5 บาท หรือจะเลือกเป็นชุดไม้เยอะๆก็ยังได้ พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่แตกต่าง รวมถึงผัก แตงกวา ที่หยิบกินได้เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้น นับเป็นเสน่ห์และเป็นสีสันได้ในยามเย็น ของจังหวัดบุรีรัมย์
และในการเดินทางครั้งนี้ต้องขอบคุณ ISUZU D-MAX V-Cross MAX 4X4 สปอร์ตออฟโรด พลังดีเปลี่ยนโลก ที่เป็นเพื่อนคู่ใจตลอดการเดินทาง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน พลังมหาศาล 3.0 Ddi Blue Power 177 แรงม้า ให้กำลังอย่างต่อเนื่องเร้าใจแต่แฝงความประหยัดจนเป็นแชมป์ออฟโรด Asia Cross Country หลายสมัยพร้อมช่วงล่างทนทรหดและนุ่มนวล ไม่ว่าเส้นทางจะโหดแค่ไหนยังมั่นใจด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ Terrain Command และครั้งต่อไปผมจะพาไปเที่ยวที่ไหน ต้องติดตามกันในคอลัมพ์ Deft's Go
เรื่องและเรียบเรียงโดย นายเต้ย
ที่มาข้อมูล burirambta.wordpress.com
ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่ได้เปิดโลกใหม่ในการเดินทางท่องเที่ยวแสนพิเศษ กับ ISUZU D-MAX V-Cross MAX 4X4
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com