ISUZU D-MAX V-Cross 4x4 Trip สัมผัสชีวิตพอเพียง ณ เมืองระนอง
- โดย : Autodeft
- 7 ก.ย. 60 00:00
- 106,221 อ่าน
สังคมในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะคนเมืองหลวงที่เบื่อหน่ายกับการผจญความวุ่นวายท่ามกลางความศิวิไล จนต้องทิ้งทุกอย่าง เพื่อกลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิดและพัฒนาจนประสบความสำเร็จ โดยได้น้อมนำศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาแห่งความพอเพียง มาใช้ในการออกแบบความสุขของการดำเนินชีวิต
และเพื่อสานต่อแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มตรีเพชร โดยตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จัดทริปพิเศษสัมผัส เรียนรู้ วิถีชีวิตในสไตล์ ความสุขออกแบบได้ กับ ISUZU D-MAX V-Cross 4x4 พรีเมี่ยมสปอร์ตออฟโรดเจ้าของฉายา “พลังดีเปลี่ยนโลก” ที่จังหวัดระนองจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีฝนตกชุกที่สุดของประเทศ หรือ ฝนแปดแดดสี่ บนระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร เริ่มด้วยวันแรกของการเดินทางมาระนอง กับเช้าตรู่ที่สดชื่นด้วยอาหารเช้าแบบคนพื้นเมือง กับร้านโรตีชื่อดังที่ถ้าไม่ได้ชิมคงเหมือนมาไม่ถึงเมืองระนอง นั่นคือ “โรตีนิสรา” (โรตีหงาว) ที่มีเมนูเด็ด คือ โรตีทอดหอมกลิ่นนมเนยและหนานุ่มกำลังดีทานคู่กับแกงกะหรี่รสชาติเข้มข้น หรือจะราดนมโรยน้ำตาลแบบที่คุ้นเคยก็อร่อยถูกปาก พร้อมไก่ทอดกรอบรสชาติดี เสิร์ฟพร้อมกาแฟ หรือชานมรสกลมกล่อม
อิ่มกันทั่วหน้าจึงเดินทางกันไปที่โชว์รูม อีซูซุ ระนอง เพื่อไปรับรถ ISUZU D-MAX V-Cross 4x4 คู่ใจและมุ่งหน้าสู่อำเภอกระบุรีที่เต็มไปด้วยทางโค้งลัดเลาะขึ้นเขาท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำสลับกับช่วงโปรยปรายเบาๆ ถึงแม้จะชุ่มฉ่ำสายฝนตลอดเส้นทาง แต่ด้วยช่วงล่างที่เกาะถนนเป็นเยี่ยมทุกโค้งทรงตัว กริ๊บ ผนวกกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เลื่องชื่ออย่าง Terrain Command ที่ปรับจากขับสองเป็นขับสี่ได้ง่ายๆไม่ต้องหยุดรถ (แต่มีบ้างช่วงลองเข้า 4H เช่นกัน) แถมพลังแรง 177 แรงม้า จากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ISUZU 3.0 Ddi Blue Power สามารถผ่านทุกอุปสรรคหลายร้อยโค้งได้อย่างสบายๆ
จนมาถึง “ก้อง วัลเลย์” ไร่กาแฟเกษตรอินดี้ วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วมือและท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ความรู้และแนวคิดในการทำกาแฟคุณภาพของคนไทย “GONG COFFEE” ให้ดังไกลและส่งขายทั่วโลก ช่วยเหลือเกษตรกรไทยหลายหมื่นครอบครัว ผ่านการรับซื้อเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงและให้เกษตรกรเป็นผู้กำหนดราคาขายเอง นำมาคัดเมล็ด คั่ว บด และบรรจุลงถุงที่มีมาตรฐาน ความโดดเด่นของกาแฟที่นี่ คือการคั่วด้วยมือทุกเมล็ด
นอกจากนี้คุณก้องยังเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ให้กับผู้มาเยือนซึ่งมีความสนใจในเรื่องกาแฟจากทั่วโลกแถม ได้ลองคั่วกาแฟด้วยตัวเองในกระทะทองเหลืองขนาดเล็ก ด้วยไม้พายที่ทำจากต้นอบเชยจนได้ที่แล้ว ก็ไปสู่ขั้นตอนการบดเมล็ดกาแฟนั้นด้วยเครื่องมือแบบดั้งเดิม คือใช้มือหมุน แล้วนำไปชงทั้งแบบดริป (Drip) ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มฮิปสเตอร์ที่รักในรสชาติกาแฟ
และการชงแบบอัดความดัน (Pressure) เป็นการใช้กาสำหรับชงกาแฟตั้งบนเตา และรอให้น้ำเดือดเพื่อดันน้ำผ่านเมล็ดกาแฟบดและออกมาเป็นกาแฟพร้อมดื่มและหมั่นโถวทอดในตำนานฝีมือคุณแม่ออกมาเป็นของว่างคู่กับกาแฟ ให้กลิ่นหอมละมุน รสชาติหวานนิดๆ หลังจากนั้นทุกคนยังได้ฝากท้องชิมอาหารมื้อกลางวันรสชาติดีที่ก้อง วัลเลย์อีกด้วย
หลังดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟ เป้าหมายต่อไปซึ่งเป็นไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้ นั่นคือ ฟาร์มสเตย์น่ารักๆ “บ้านไร่ ไออรุณ” ของคุณเบส - วิโรจน์ ฉิมมี สถาปนิกหนุ่มชาวระนองอนาคตไกล แต่ผันตัวเองเลือกเดินทางวิถีเรียบง่าย กลับมาพลิกฟื้นพัฒนาบ้านเกิดที่อำเภอกะเปอร์ จากพื้นที่สวนรกให้กลายเป็นฟาร์มสเตย์ท่องเที่ยวเชิงเกษตรจนมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อตามหลักคำสอนของรัชกาลที่ 9 ในเรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้จริง จนกระทั่งสามารถเติมเต็มความฝันของตนเองและครอบครัวได้ในที่สุด โดยคุณเบสได้บอกเล่าที่มาของฟาร์มสเตย์แสนสวยที่แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในเวลาอันรวดเร็ว แต่ยังคงเน้นเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายในระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน จาก 2 หลังแรกมาสู่ 7 หลัง โดยบ้านหลังที่ 8 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพราะการขยายตัวของบ้านแต่ละหลัง คุณเบสไม่เคยกู้ยืมเงินจากธนาคาร แต่เป็นการออมรายได้จากค่าห้องพักมาลงทุนเพิ่ม โดยเจ้าตัวย้ำเสมอว่า “ไม่ได้อยากทำใหญ่โต หรือร่ำรวยอะไร แค่อยากมีบ้านสวย ๆ มีเวลาอยู่กับครอบครัว และมีความสุขในบ้านเกิดของตัวเอง”
“ตอนที่จบออกมาทำงาน ผมกลับรู้สึกว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่พื้นที่ของเรา พอได้กลับมาบ้านเกิดเลยเกิดความคิดว่าไหนๆ ก็เรียนจบสถาปัตย์มาแล้ว มาทำฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงดีกว่า บ้านทุกหลังใน “บ้านไร่ ไออรุณ” จึงมาจากความฝันในวัยเด็กของผมที่อยากมีบ้านสวย ๆ บวกกับสิ่งที่พ่อแม่มีอยู่ก่อนแล้ว คือ การเกษตร ทั้งครอบครัวเลยมาพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว สร้างบ้านที่ทำให้คนที่มาพักรู้สึกสนุก เติมเต็มความฝันในวัยเด็กที่อยากมีห้องใต้หลังคา บ้านต้นไม้ บ้านที่มีลำธารหน้าบ้าน ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ผมเชื่อมาเสมอว่า สิ่งที่จะผมทำจะดึงดูดคนที่มีความคิดแบบเดียวกันให้มาเจอกัน และทุกวันนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆ คนมาพักเต็มทุกวัน ซึ่งไม่ใช่ครอบครัวผมเท่านั้นที่มีรายได้ แต่ยังช่วยให้ชาวบ้านได้มีงานทำ พัฒนาทั้งชุมชนและจังหวัด เกิดเทรนด์ใหม่ๆ ในการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในเชิงสร้างสรรค์ เพราะความพอเพียงไม่ได้หมายถึงการอยู่แบบยากจนหรือล้าหลัง หากนำความคิดสร้างสรรค์มาต่อยอดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงจะก่อให้เกิดคำว่า “ยั่งยืน” ควบคู่ไปด้วย”
ทำให้ผมและเพื่อนๆ พี่ๆ สื่อมวลชน 10 กว่าชีวิต จึงอิ่มเอมกับการปล่อยชีวิตให้เดินไปช้าๆ ไปกับธรรมชาติ มุมสวยๆ ของบ้านพักแต่ละหลังที่มาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนบ้านทั่วไป พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมสนุกเก็บผักในแปลงและที่ขึ้นเองตามธรรมชาติเพื่อนำมาประกอบอาหาร นำดอกไม้ที่ขึ้นทั่วไปมาประดับเป็นอาหารตาให้กับอาหารสดรสเลิศของแม่ครัวที่เป็นเหล่าญาติๆ ของคุณเบส สำหรับคนที่ตื่นเช้านอกจากจะได้ชมสายหมอกที่ลอยอ้อยยิ่งเหนือยอดไม้แล้ว ยังได้ติดรถซาเล้งคุณพ่อ-คุณแม่ไปจ่ายตลาดเพื่อซื้อของสดมาจัดเตรียมเป็นอาหารเช้า นับเป็นความสุขที่เราทุกคนออกแบบเองได้โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 ที่ทุกคนสามารถทำตามได้
หลังจากอำลาความสุขสงบของ “บ้านไร่ ไออรุณ” ในวันรุ่งขึ้น ได้เดินทางไปลิ้มรสอาหารกลางวัน ณ ร้าน “เคียงเลซีฟู้ด” ย่านหมู่บ้านชาวประมงในเขตตำบลกะแดะ อำเภอกาญจนดิษฐ์ สัมผัสวิถีชีวิตริมสายน้ำที่มองเห็นฝั่งพม่าอยู่ริบ ๆ จากนั้นจึงไปไหว้พระ ถวายสังฆทานเพื่อเป็นสิริมงคลของชีวิตที่ “วัดวารีบรรพต” หรือวัดบางนอน ที่นอกจากจะมีพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ที่มีความยาวถึง 22 เมตรแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของมหาทุติยเจดีย์ศรีบรรพต ที่มีรูปทรงคล้ายเจดีย์แบบพม่าจึงเป็นที่ศรัทธาของชาวพม่าที่อาศัยในจังหวัดระนอง และฝั่งพม่าที่มักจะข้ามมาทำบุญในวันพระ อีกทั้งยังได้ไปไหว้ศพหลวงพ่อด่วน อดีตเจ้าอาวาส ที่เกิดเหตุอัศจรรย์ไฟไม่ไหม้ศพและจีวร จนนำมาบรรจุในโลงแก้วเป็นเวลานานถึง 10 ปีแล้ว ปิดท้ายทริปด้วยอาหารเย็นรสเลิศ ณ ร้าน “ฟาร์มเฮ้าส์” ร้านอาหารในบรรยากาศโรงนาฝรั่ง ก่อนเดินทางไปยังสนามบินระนองเพื่อกลับเข้าสู่การดำเนินชีวิตประจำวันกันต่อไป
หลังจบทริป ความสุขออกแบบได้ ที่ระนอง ทำให้รับรู้ถึงธรรมชาติอันเงียบสงบ ไร้ความวุ่นวาย ที่พักที่ต้องใช้ความพยายามในการปีนป่ายขึ้นไปนอนชั้นบน รวมถึงทิศทางการเปิดประตูที่ไม่เหมือนปกติ แม้จะแปลกกว่าใครแต่ก็มีความสุขในการพักผ่อนอย่างรื่นรมย์ พร้อมของอร่อยประจำฟาร์มสเตย์ และยังนึกถึงรสชาติโรตีที่กรอบนุ่มโรยน้ำตาล หรือจะกินคู่กับแกงกะหรี่ กับ ไก่ทอดที่กรอบไม่เหมือนเจ้าอื่น จนสัญญากับตัวเองไว้ว่าถ้ามาระนองจะกลับไปพักที่ “บ้านไร่ ไออรุณ” และไปกินร้าน “โรตีนิสรา” อีกครั้ง
เรื่องโดย นายเต้ย
ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด สำหรับทริป ความสุขออกแบบได้ ที่ทั้งได้ ชม ชิม ชิล และได้เปิดโลกใหม่ให้กับการท่องเที่ยวสนุกสนาน และยังรู้จักคำว่าความสุขและความพอเพียงมากขึ้น
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com