ISUZU D-Max Press trip 2015 ผ่อนคลายด้วยสปาเกลือพร้อมความอร่อยจากอาหารซีฟู๊ด
- โดย : สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม
- 14 พ.ค. 58 00:00
- 20,973 อ่าน
กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมการเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนต์สำหรับ ISUZU D-Max Perss Trip 2015 ที่จัดขึ้นโดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆกับการขับรถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังรวมถึงความอร่อยของร้านอาหารประจำจังหวัด โดยเส้นทางที่ 2 ของปีนี้เป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน
จุดเริ่มต้นของทริปนี้อยู่ที่ สำนักงานใหญ่ของ ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ นำโดย อาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจและทีมงานของ ISUZU ให้การต้อนรับพี่ๆสื่อมวลชนรวมทั้งผมแอดมินเต้ยที่ได้ร่วมกิจกรรม Press Trip เป็นครั้งแรก เมื่อรถ ISUZU D-Max พร้อม สื่อมวลชนและทีมงานพร้อม เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯเพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดสมุทรสงคราม โดยที่แรกเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของสมุทรสงครามที่ชาวแม่กลองและละแวกใกล้เคียงต้องมาทำบุญ สักการะบูชาพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองนั่นคือ หลวงพ่อบ้านแหลม ที่ได้ตั้งประดิษฐานที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร
สำหรับวัดเพชรสมุทรวรวิหารนั้นเดิมชื่อ วัดศรีจำปา สร้างขึ้นในราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยาตาม ตำนานเล่าว่า ในปี พ.ศ. 2307 ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือน อยู่บริเวณตำบล แม่กลองเหนือวัดศรีจำปา และเรียกหมู่บ้านนี้ว่า บ้านแหลม โดยชาวบ้านแหลมได้ช่วยกันบูรณะวัดศรีจำปาและเรียกวัดนี้ใหม่ว่า วัดบ้านแหลม ต่อมาวัดบ้านแหลมได้ยกฐานะขึ้นเป็นอารามหลวงชั้นวรวิหารได้รับพระราชทานนามว่า วัดเพชรสมุทรวรวิหาร
และประวัติของหลวงพ่อบ้านแหลมนั้น เป็น พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรขนาดเท่าคนจริง สูงประมาณ 167 เซนติเมตร ตามตำนานเล่าว่า ชาวประมงบ้านแหลมออก ไปลากอวนในอ่าวแม่กลอง ได้พระพุทธรูปติดมา 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปนั่งอีกองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูป ยืน พระพุทธรูปนั่งได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี ส่วนพระพุทธรูปยืนนำมา ประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม เรียกกันว่า หลวงพ่อบ้านแหลม
ตอนที่ชาวประมงพบในอ่าวแม่กลองบาตรนั้น สูญหายไปในทะเล สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ที่ ได้เคยเสด็จมานมัสการ ได้ถวายบาตร แก้วสีน้ำเงินถวายหลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพุทธบูชาและยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงพระราชศรัทธาหลวงพ่อบ้านแหลม จึงพระราชทานผ้าดิ้นทองแก่หลวงพ่อ จำนวนสองผืนแต่ละผืนมี ขนาด หน้า กว้าง 6 นิ้ว ยาวประมาณ 10 ฟุต ปัจจุบันทางวัดได้จัดแสดงไว้ในพระอุโบสถที่ ประดิษฐานหลวงพ่อ บ้านแหลม
หลังจากอิ่มบุญอิ่มใจกับการไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเดินทางต่อไปที่ร้านอาหารเกษร ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอคลองโคน โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีจากวัดบ้านแหลม โดยร้านนี้เป็นร้านอาหารที่เน้นขายอาหารซีฟู๊ดเป็นหลักเพราะใกล้แหล่งวัตถุดิบจากท้องทะเลที่สามารถซื้อจากตลาดทุกเช้าแบบวันต่อวันไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา หมึก จึงการันตีได้เลยว่าถ้ามาร้านนี้จะได้ชิมรสชาติของอาหารทะเลแบบสดๆ ในราคาบ้านๆ และเมนูที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอนั้น ได้แก่ หมึกผัดกะปิ ยำชะคราม ปูทะเลไขนึ่ง และหมึกแดดเดียว ที่รับรองได้เลยว่าแต่ละเมนู อร่อยเข้มข้นไม่แพ้กัน
จากนั้นก็เดินทางกันต่อเพื่อสัมผัสความสบาย ที่สปากังหันทอง ตั้งอยู่ที่ อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี โดยที่นี่ได้ดัดแปลงจากบ้านทรงเรือนไทย 2 ชั้นให้กลายเป็นสถานที่จำหน่ายทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหลักๆที่ทำจากเกลือสมุทรหรือเกลือทะเลไม่ว่าจะเป็น สบู่เหลว สบู่ก้อน ผงเกลือหอมสำหรับแช่ตัว เกลือน้ำนมขัดผิว ฯลฯ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยขัดผิว คราบไคลต่างๆ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น กระตุ้นเซลผิวที่ตายแล้วได้ และยังช่วยให้ผ่อนคลายหากได้แช่น้ำเกลือทะเลอุ่นๆ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้า
นอกจากจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่สบู่เหลว สบู่ก้อน ผงเกลือหอมสำหรับแช่ตัวแล้ว แล้วยังมีบริการนวดสปาแบบไทยๆ ทั้งนวดผ่าเท้า นวดตัว และแช่เท้าด้วยเกลือแช่เท้า ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆและผ่อนคลายความเมื่อยล้าเมื่อได้เห็นวิวนาเกลือ นอกจากนี้ ยังใช้ผลิตภัณฑ์กังหันทองในทุกๆบริการสปา แต่อย่าลืมถ้าจะเยี่ยมชมร้านต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการใช้บริการสปากังหันทอง
ปวดเมื่อยกับการขับรถมายาวนานจนได้สัมผัสกับการนวดสปาเกลือเพื่อความผ่อนคลายแล้วก็เดินทางต่อไปยังที่พักระดับหรูที่โรงแรมอมารี หัวหิน ที่เน้นการออกแบบทันสมัย ภายใต้สโลแกน Colour And Rhythrms ที่บอกได้เลยว่าห้องสวยหรู สบายนอกจากนี้จุดที่ขึ้นลงลิฟท์ สามารถเห็นวิวทะเลหัวหินที่สวยสดงดงาม
พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้วทางทีมงานจึ่งพาพี่ๆสื่อมวลชนรวมถึงผมมาสัมผัสกับความอร่อยแบบสดๆจากอาหารซีฟู๊ดกันอีกครั้งที่ร้านอาหารแสงไทยซีฟู๊ด ซึ่งเดินทางจากที่พักอมารี หัวหินถึงร้านโดยใช้เวลาประมาณ 11 นาที โดยบรรยากาศของร้านจะติดกับทะเลหัวหิน เพื่อได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติติดทะเลและสัมผัสกับสดอร่อยๆของอาหารซีฟู๊ดที่ขึ้นชื่อ ทั้ง กุ้งเผา ปลาหมึกแดดเดียว ปลากระพงทอดน้ำปลา และออส่วน โดยเฉพาะปลากระทงทอดน้ำปลา และออส่วน ที่ผมการันตีเลยว่าอร่อยกดไลท์ไปเลยหลายๆไลท์หลังจากอร่อยจนพุงกางกับเหล่าบรรดาเมนูซีฟู๊ดที่ขึ้นชื่อก็กลับเข้าสู่ที่พักอีกครั้งเพื่อเก็บแรงเดินทางกลับกรุงเทพฯในวันรุ่งขึ้น
สำหรับผมถึงแม้เป็นการเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนต์กับ ISUZU เป็นครั้งแรก แต่สิ่งหนึ่งที่ประทับใจจริงๆไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัด แหล่งที่เป็นการรวมตัวของกลุ่มที่ทำอาชีพเฉพาะจนได้รับการยอมรับในวงกว้างอย่างสปาเกลือกังหันทอง และความอร่อยที่ไม่เหมือนใครกับอาหารซีฟู๊ดจากแหล่งวัตถุดิบโดยตรง
ทำให้ได้เจอกับประสบการณ์และเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆในการเดินทางเผื่อโอกาสหน้าจะได้มาเที่ยวอีกครั้ง ผนวกกับรถกระบะยอดนิยมชาวไทยอย่าง ISUZU D-Max ที่เป็นเพื่อนคู่ใจตลอดการเดินทางตั้งแต่กรุงเทพฯจนถึงหัวหิน เป็นรถกระบะที่ให้ทั้งความสบายความประหยัดน้ำมันที่ขึ้นชื่อมาตลอดพร้อมระบบ Push Start ที่สะดวกสบายและระบบเสียง Surround Sound System ที่เพลินกับเสียงเพลงตลอดการเดินทางและสำหรับ ISUZU D-Max Press Trip ในทริปครั้งต่อไปว่าจะพาไปเที่ยวที่จังหวัดไหนนั้นต้องติดตามกันในครั้งต่อไป
เรื่องโดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม
ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดสำหรับทริป กรุงเทพฯ-หัวหิน ที่ได้เปิดโลกใหม่ให้กับการท่องเที่ยวที่สนุกสนานรวมถึงได้อิ่มบุญ อิ่มใจ และอิ่มท้อง
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com