จับ ISUZU D-MAX 1.9 Ddi Blue Power ฝ่า 3,000 กว่าโค้ง ท้าความหนาวที่แม่ฮ่องสอน
- โดย : Autodeft
- 2 เม.ย. 59 00:00
- 16,114 อ่าน
นับตั้งแต่ ISUZU D-MAX 1.9 Ddi Blue Power เปิดตัวอย่างเป็นทางการ สร้างปรากฏการณ์ยอดขายสูงสุด จนแน่นโชว์รูมไปทั่วประเทศ และความนิยมยังคงร้อนแรงไปเรื่อยๆ และปีนี้ ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ นำคณะสื่อมวลชนชั้นนำ กว่า 30 ชีวิต ซึ่งรวมถึงนายเต้ย ไปพิชิต 3,000 กว่าพันโค้งพร้อมสัมผัสบรรยากาศความหนาวที่ ภาคเหนือกัน
บนเส้นทางกว่า 600 กิโลเมตร จาก เชียงใหม่ - บ้านรักไทย - ปาย – เชียงใหม่ วันที่ 1 ของการเดินทาง เราเริ่มต้นที่โชว์รูม ISUZU จังหวัดเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่แตง บนเส้นทางหลวง 107 จุดแรกเรามารับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านข้าวแฝ่ ด้วยอาหารพื้นเมือง คือ ข้าวซอย โดยจุดเด่นของร้านนี้จะมีข้าวซอยหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ข้าวซอยไก่ เมนูดั้งเดิม ข้าวซอยหมูทงคัตสึ ข้าวซอยซี่โครงอ่อน ข้าวซอยกุ้งเทปุระ ฯลฯ กับบรรยากาศร้านแบบสบายๆ เสริฟพร้อมกาแฟรสหอมกรุ่น
หลังจากอิ่มหมีพีมัน กับเหล่า ข้าวซอยหลากหลายเมนู ก็มุ่งหน้าสู่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยจุดหมายแรกเพื่อผ่อนคลาย ก่อนจะไปถึงบ้านรักไทย นั่นคือ ร้าน “Hillside Coffee House” ซึ่งเป็นร้านกาแฟน่ารักๆ พร้อมสวนสวยที่ว่ากันว่าเป็นจุดชมวิวของเมืองปายที่ติดอันดับ 1 ใน 15 วิวสวยทั่วไทย อิ่มอกอิ่มใจกับเหล่ากาแฟ และเคริ่องดื่มคุณภาพ พร้อมเค้กสไตล์โฮมเมดหลากชนิด เสิร์ฟพร้อมความอบอุ่นในบรรยากาศสบายๆ ริมเนินเขา
ชื่นชมความอร่อยบวกกับวิวสวยๆ แล้วก็มุ่งหน้าสู่บ้านรักไทย โดยระหว่างเส้นทางขาไปนั้น เต็มไปด้วย ทางโค้งที่ลาดชัน และหักศอกเป็นระยะ และ ผ่านทางเขาคดเคี้ยว แต่ก็ต้องยอมรับว่า พลัง 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร จากเครื่องดีเซลขนาดเล็กสุดของไทย 1.9 ลิตร ก็สามารถฝ่าอุปสรรค ได้อย่างง่ายดาย และสบายๆ ถึงแม้ว่ารถที่ให้ผมและเพื่อนๆพี่ ขับนั้นจะเป็นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
และแล้วก็มาถึงจุดหมายในคืนแรกเสียที ที่ “ลีไวน์บ้านรักไทย” รีสอร์ท ที่แม่ฮ่องสอน เป็นบ้านดินชั้นเดียวมุงหลังคาด้วยใบตองสไตล์จีน สร้างอยู่บนเขาไล่ระดับท่ามกลางต้นชาที่รายล้อมอย่างงดงาม บรรยากาศดีสุดสุด และในหมู่บ้านรักไทยนี้ประกอบด้วยชุมชนชาวจีนยูนนาน ลูกหลานทหารกองพล 93 ที่เดินทางมากจากตอนใต้ของจีนเมื่อหลาย 10 ปี ก่อน โดยปัจจุบันอาศัยอยู่ร่วมกันกับพี่น้องชาวไทใหญ่และชาวไทยภูเขาเผ่าอื่น ๆ บรรยากาศรอบหมู่บ้านจะมีทะเลสาบขนาดใหญ่ใจกลางหมู่บ้าน และถูกรายล้อมไปด้วยบ้านดินมีร้านค้าของที่ระลึกผลิตภัณฑ์ของชาวเขาให้เลือกสรรมากมาย
ตบท้ายมื้อค่ำในคืนแรกด้วยอาหารตำรับจีนยูนนานจานเด็ด อาทิ ขาหมู-หมั่นโถว หมูพันปี ไก่ตุ๋นยาจีน ยำใบชาสด ชาอู่หลง ชาเจียวกู่หลัน ชาดอกเหมย และของอร่อยอีกมากมาย
รุ่งเช้าของวันที่ 2 ณ “ลีไวน์บ้านรักไทย” รีสอร์ท ในขณะที่เพื่อนๆพี่ๆ สื่อมวลชนตื่นเช้าเพื่อรับอากาศที่แสนเย็นสบายด้วยการวิ่งออกกำลังกาย และขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน ผมกับพี่ๆ ตั้งก๊วน ไปถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ระหว่างทางอย่างสนุกสนาน เมื่อเสร็จสิ้น ก็มา ทานอาหารเช้า ที่พร้อมพรั่งด้วยข้าวต้มหมูสับตุ๋นเห็ดหอม พร้อมเครื่องเคียงทั้งขิง หอมใหญ่ และผักให้เลือก ที่บอกคำเดียวเลยว่า อร่อย กลมกล่อมจริงๆ พร้อมกับซาลาเปาทอดจิ้มนมข้นแสนอร่อย
เสียดายอยากอยู่นานๆ เมื่อถึงเวลาที่ต้องลาจาก พร้อมมุ่งหน้าสู่ “โกลเด้นปายแอนด์สวีทรีสอร์ท” เพื่อรับประทานอาหารกลางวันเติมพลัง ที่หมายต่อไป อาจถูกใจพี่ๆ ที่รักสวยรักงาม และอยากหล่อ ซึ่งรวมถึง ผม งานนี้ ผมขอไป Face Of ใบหน้าตัวเองเพื่อกระชากวัย เหลือประมาณ 20 ต้น ๆ ด้วยการพอกหน้าด้วยสปาโคลน แต่งานนี้ เรามทำความรู้จัก “ภูโคลน คันทรีคลับ” กันก่อนครับ
สำหรับ “ภูโคลน คันทรีคลับ” ได้รับการบรรจุไว้ในโครงการ UNSEEN IN THAILAND และ SPA PARADISE เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณค่า และมีประโยชน์ต่อมนุษย์ นั่นคือแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ และบ่อน้ำแร่จากธรรมชาติที่ไหลเป็นลำธาร ที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด และเป็นที่มาของโคลนธรรมชาติที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและผิวพรรณ โดยโคลน ณ ที่แห่งนี้ จะช่วยดูดซับสารพิษในร่างกาย และช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น หลังจากทำสปาโคลน ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มของผิวกาย และผิวหน้าอย่างชัดเจน
หลังชื่นชม ความสวย ความหล่อ สุขภาพดี ด้วยสปาโคลนกันไปแล้ว เราก็พร้อมมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองปาย แหล่งท่องเที่ยวอันมีเสน่ห์ชวนหลงใหลมิเสื่อมคลาย แม้บางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้างโดยเฉพาะเสน่ห์ทางธรรมชาติในอดีต ที่ปัจจุบันถูกรายล้อมไปด้วยรีสอร์ทและร้านกาแฟมากมายโอบล้อมรอบเมืองปาย แต่ก็ยังเป็นที่หมายปองที่จะมาค้นหาทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง สุดท้าย เราก็มาถึงเมืองปายกันได้อย่างสบาย เพื่อเข้าพัก ณ รีสอร์ทหรูท่ามกลางธรรมชาติ “ภูริปาย รีสอร์ท”
“ภูริปาย รีสอร์ท” เป็นรีสอร์ทที่เป็นธุรกิจส่วนตัว ของคู่ดาราชื่อดัง ภูริ หิรัญพฤกษ์ กับแอน อลิชา ไล่ศัตรูไกล โดยมีพื้นที่ ทั้งหมด 7 ไร่ จุดเด่นของรีสอร์ทแห่งนี้ คือการตั้งอยู่บนทำเลที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองปายได้ไกลสุดสายตา พร้อมพร้อมบรรยากาศทุ่งหญ้าเขียวขจี รับแสงอาทิตย์อันงดงาม กับที่พักเพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทั้ง ทีวี LCD ชุดเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ
บรรยยายความสวยงาม กับความหรูของที่พักกันไปแล้ว มื้อค่ำของคืนนี้ พวกเราทานกันที่ “ร้านขนาด” บริเวณริมแม่น้ำปาย ซึ่งตั้งอยู่สุดถนนคนเดินแห่งเมืองปาย ดังนั้น หลังจากรับประทานอาหารเลิศรสของที่นี่แล้ว ก็ถือโอกาสเดินเล่นสัมผัสถนนคนเดินยอดนิยมในอดีตที่ทุกคนกล่าวขานถึง และปัจจุบันก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ โดยจะเห็นได้ว่าที่นี่เปิดขายทุกวัน ต่างจากถนนคนเดินอื่นๆ ที่จะเปิดขายสินค้าเฉพาะวันหยุดเท่านั้น
วันสุดท้ายของทริปนี้ พวกเรา ขับกลับมายังจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมแวะทานอาหารกลางวันกันที่ “ร้านเฮือนเพ็ญ 2” ร้านอาหารพื้นเมืองชาวเหนือที่โด่ง จากนั้นเดินทางกันต่อไปเพื่อกราบขอพรจากหลวงพ่อทันใจ ณ วัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งวิธีขอพรจากหลวงพ่อทันใจ คือ จุดธูป 3 ดอก แล้วเอ่ยชื่อ สกุล ที่อยู่ ให้ชัดเจน จากนั้นก็ออธิษฐานขอพรเรื่องที่ต้องการ จบแล้วให้บอกว่า จะมาถวายดอกมะลิ 50 พวงขึ้นไป พร้อมบอกกำหนดเวลาของสิ่งที่ขอให้ชัดเจน จะได้รู้แน่ชัดว่า สิ่งที่เราไปขอพรมานั้นสำเร็จได้ดังใจเราหรือไม่
หลัง อิ่มบุญอิ่มใจกันไปแล้ว และเสร็จสิ้น การขับรถโค้งเขากันมาตลอด 3 วัน แวะพักผ่อนคลาย ดื่มกาแฟ และทานขนมเค้กแสนอร่อย “@ The Old Chiang Mai Café & Espresso Bar” ใน “โครงการบ้านข้างวัด” ซึ่งตั้งอยู่ซอยวัดอุโมงค์
ภายในโครงการจะมีร้านค้าต่างๆ เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของแฮนด์เมด ซึ่งหน้าโครงการจะมีลานกว้างๆ ไว้สำหรับให้ผู้คนในชุมชนมาทำกิจกรรมกลางแจ้งกัน ซึ่งโครงการนี้มีต้นไม้เยอะ ร่มรื่น ซึ่งตัวของร้านค้าต่างๆ กันจะเป็นลักษณะบ้านไม้ 2 ชั้น ซึ่งดูแล้วเหมือนหมู่บ้านในสมัยก่อน ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่สนามบินเชียงใหม่เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ความหนาวที่ไม่มีวันลืม สำหรับทริป ISUZU D-MAX 1.9 Ddi Blue Power Press Trip ที่พาไปท้าความหนาว ถึงแม่ฮ่องสอน กับการพิชิต 3,000 กว่าโค้ง ตลอด 3 วัน และยอมรับอีกอย่างหนึ่งคือ ขุมพลัง 1.9 ลิตร เจ้าของฉายา “จิ๋วแต่แจ๋ว” สามารถเรียกพลกำลังได้อย่างสนุกสนานและอีกอย่างหนึ่งที่จะขอชมคือเรื่องของน้ำหนักพวงมาลัยที่เบา คม ทุกโค้ง สร้างความประทับใจ ให้กับผมตลอดเส้นทาง
เรื่องและเรียบเรียงโดย นายเต้ย
ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด สำหรับทริป ฝ่า 3,000 กว่าโค้ง ที่แม่ฮ่องสอน ที่ได้เปิดโลกใหม่ให้กับการท่องเที่ยวที่สนุกสนานรวมถึงได้อิ่มบุญ อิ่มใจ และอิ่มท้อง
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com