จันทบุรี เสน่ห์ตะวันออกที่ต้องห้าม (พลาด) กับ ISUZU V-Cross MAX 4x4
- โดย : Autodeft
- 28 พ.ค. 62 00:00
- 10,527 อ่าน
“น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี” คำขวัญนี้ แน่นอนแล้วว่าเป็นคำขวัญของจังหวัด จันทบุรี จังหวัดที่เป็นเมืองชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก
เมื่อ 2 ปีก่อนได้พามารู้จักกับจังหวัด จันทบุรี ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนต้องบอกว่าถ้าไม่มาถือว่าพลาดนั่นคือ จุดชมวิวเนินนางพญา (หาดคุ้งวิมาน) ครั้งนี้เราได้กลับมาที่จังหวัดนี้อีกครั้งโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจมาแนะนำตั้งแต่ อำเภอเมือง ไปจนถึงอำเภอแหลมสิงห์ กับ สปอร์ตออฟโรดคู่ใจ ISUZU V-Cross MAX 4x4 พลังดี….เปลี่ยนโลก
การเดินทางครั้งนี้จากกรุงเทพฯ มาถึงมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 เข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 344 เพื่อตัดเข้าทางหลวงหมายเลข 3 ถ. สุขุมวิท เลี้ยวขวาเข้าเมืองจันทบุรี ด้วยถนนหมายเลย 316 วิ่งตรงมาเรื่อยจนถึงแยกไฟแดงเราจะเลี้ยวขวาผ่าน รพ.กรุงเทพ จันทบุรี ผ่านศาลหลักเมือง แล้วจะเจอสามแยกที่ขวามือเป็น สภ.จันทบุรี แล้วขวาแยกนั้นตรงไปเรื่อยๆจนข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี กับระยะทางประมาณ 262 กม.
แหล่งท่องเที่ยวที่แรกนั่นคืออาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธิ(วัดคาทอลิกจันทบุรี) (Roman Catholic Diocese of Chanthaburi ) เป็นโบสถ์ที่มีประวัติการก่อสร้างยาวนานกว่า 300 ปี ครั้งแรกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2254 บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี โดยคุณพ่อเฮิ้ต โตแลนติโน และบรรดาคาทอลิกชาวญวน มีการย้ายมาสร้างบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรีอันเป็นสถานที่ตั้งในปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2377 และในปี พ.ศ. 2446 ได้ก่อสร้างโบสถ์หลังปัจจุบันขึ้นให้มีขนาดใหญ่กว่าหลังเก่า รองรับกับจำนวนคริสตศาสนิกชนที่เพิ่มมากขึ้น มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกซึ่งเรียกว่า "ศิลปะแบบโกธิค" มีหอแหลมสูงเด่นในตอนเริ่มแรกสร้างทั้งสองด้าน ต่อมาปี พ.ศ. 2483 ทางการสั่งให้รื้อออก เพราะเกรงว่าจะเป็นเป้าของระเบิดทางอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากหอสูงนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองจันทบุรีได้ไกลประมาณ 2 กิโลเมตร
การตกแต่งของโบสถ์หลังนี้ประดับประดาตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอย่างสวยงาม มีคุณค่าทั้งทางด้านศิลปะ และด้านความคลาสสิก ประกอบด้วยภาพกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นรูปของนักบุญหลายองค์ติดอยู่บริเวณเหนือพระแท่นบูชา และเหนือหน้าต่าง ทั้งทางด้านขวาและด้านซ้ายของสักการะสถาน กระจกสีเหล่านี้มีอายุรวม 100 ปี แต่สีสันยังเด่นชัด ไม่ลอกลบเลือนแต่อย่างใด นับว่าเป็นสิ่งงดงามหาค่ามิได้
นอกจากนี้บริเวณพระแท่นได้รับการตกแต่งแบบโกธิค พื้นปูด้วยหินอ่อน บริเวณเหนือพระแท่นบูชา มีรูปกางเขนและพระรูปพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล องค์ประธานของวัดตั้งตระหง่านอย่างงดงาม รวมทั้งรูปปั้นของนักบุญยออากิม และนักบุญอันนา บิดามารดาของพระนางมารีด้วย และยังได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี 2542 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชินูปถัมภ์ การเข้าชม)ตามเวลาการถวายมิสซาในวันธรรมดา มี 2 รอบ เวลา 6.00-7.00 น. และ 18.00 – 19.45น.และในวันอาทิตย์มี 3 รอบ เวลา 6.15 น. 8.30 น. และ 19.00 น. แต่ควรแต่งกายมสุภาพ หากไปช่วงกลางคืนช่วงวันสำคัญจะมีการเปิดโคมไฟประดับสวยงาม
จากนั้นเดินทางไปอีก 1.8 กม. ไปยังร้านกาแฟสุดชิค ในอำเภอเมืองที่ชื่อ Koff House Bar & Eatery โดยร้านจะอยู่ฝั่งขวามือหลังจากข้ามสะพานตรีรัตน์ ลักษณะร้านจะเป็นแบบติดริมแม่น้ำ พร้อมการออกแบบตึกที่สวยงาม บรรยากาศภายในตกแต่ง สวยโปร่งสบาย โดยเมนูจะเน้นไปทางเครื่องดื่ม กาแฟ ชา ขนมเค้กเบเกอรี่ ขนมปังปิ้งสังขยาหลายรสชาติ ทั้งสังขยาใบเตย สังขยาชาไทย สังขยามันม่วงที่เข้มข้มจัดจ้าน และ อาหารรสชาติถูกปาก ตกกลางคืน มีวงดนตรีสดมาเล่นสร้างความครึกครื้น โดยทางร้าน จะเปิดเป็น 2 ส่วน ในส่วน เครื่องดื่มและเบเกอรี่เปิดตั้งแต่เวลา 7.30-23.00 น. และส่วนร้านอาหารเปิดตั้งแต่ 08.00-24.00 น.
อิ่มอร่อยกับบรรดาเครื่องดื่ม อาหารรสชาติอร่อย เดินทางต่อไปยัง อำเภอ แหลมสิงห์ ไปยังสะพานตากสินมหาราช (สะพานแหลมสิงห์) กับระยะทาง 23 กม. เป็นสะพานที่ทอดข้ามปากแม่น้ำจันทบุรีที่ เชื่อมต่อระหว่างตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ และตำบลบางกะไชยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในภาคตะวันออก มีความยาว ระยะทาง 1,060 เมตร สะพานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต" ซึ่งเป็นถนนสายท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลที่ยาวและงดงามที่สุดในภาคตะวันออก ที่เชื่อมต่อระหว่างชาดหาดต่างๆ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญชายทะเลของของจังหวัดจันทบุรี มีทัศนียภาพและจุดชมวิวที่สวยงาม มีทัศนียภาพที่สวยงาม สามารถมองเห็นชุมชนประมงพื้นบ้านที่ทอดยาวไปตามชายฝั่งปากแม่น้ำจันทบุรี เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมากแห่งหนึ่งของจันทบุรี และยังเป็นจุดของนักนิยมตกปลา
บริเวณใกล้ๆสะพานตากสินมหาราช (สะพานแหลมสิงห์) ฝั่งอำเภอแหลมสิงห์ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก 2 แห่ง นั่นคือ คุกขี้ไก่ ตั้งอยู่ใกล้ตึกแดง ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ก่อนถึงท่าเทียบเรือ 1 กิโลเมตร เป็นโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างยาวด้านละ 4.40 เมตร สูง 7 เมตร มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรี ในกรณีพิพาทกันด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ระหว่างนั้นกองทหารฝรั่งเศสประมาณ 600 คน แยกกันอยู่สองแห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี บริเวณที่เป็นค่ายทหารในปัจจุบัน อีกแห่งอยู่ที่ปากน้ำแหลมสิงห์
โดยช่วงที่มีกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส กองทหารฝรั่งเศสได้สร้างคุกขี้ไก่ขึ้นเพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านมหาอำนาจ โดยมีเรื่องเล่าลือกันมาว่าที่นี่เป็นที่คุมขังที่เต็มไปด้วยความทรมาน เพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ซึ่งจะ ถ่ายมูลราดศีรษะนักโทษที่อยู่ภายในนั้นตลอดเวลา ทางเข้าเป็นประตูเตี้ย ๆ ระดับเอว ต้องคลานเข้าไป
จากคุกขี้ไก่มายัง มีตึกแดง ตั้งอยู่บริเวณชายหาดแหลมสิงห์ เป็นอาคารฝรั่งเศส สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 หรือ ร.ศ. 112 ตึกแดงเป็นอาคารชั้นเดียว สร้างด้วยอิฐถือปูน กว้าง 7 เมตร ยาว 32 เมตร โครงหลังคาเป็นเหล็กรางรถไฟ หลังคากระเบื้องดินเผาสีแดง ประตูเปิดถึงกันหมด ภายในของตึกแดงแบ่งออกเป็น 5 ห้องมีประตูเปิดถึงกันหมด มีระเบียงทั้งสองข้างตามแนวยาว
โดยทำลายป้อมพิฆาตข้าศึกลงและก่อสร้างตึกแดงทับไว้ เพื่อใช้เป็นกองรักษาการณ์ และเป็นที่พักนายทหารที่รักษาการณ์ปากน้ำแหลมสิงห์ ในครั้งนั้นฝรั่งเศสได้แผ่อิทธิพลครอบครองญวนและเขมร และหาเหตุรุกรานไทยโดยอ้างว่า ดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงคือ อาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด รวมทั้งแคว้นสิบสองจุไท เคยเป็นของญวนและเขมรมาก่อน จึงถือโอกาสเข้ายึดครองทำสงครามสู้รบกับไทย ครั้งนั้นไทยต้องจ่ายค่าเสียหาย 4 ล้านบาท ก่อนจ่ายค่าเสียหายฝรั่งเศสจึงยึดจันทบุรีไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2436 ถึง พ.ศ. 2446 จากวิกฤตการณ์ครั้งนั้นทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดนอาณาจักรลาวเกือบทั้งหมด รวมทั้งสิบสองจุไทด้วย รัชกาลที่ 5 ทรงดำเนินการคานอำนาจเช่นทรงแสวงหามิตรประเทศที่เป็นมหาอำนาจการยุโรป เช่น รัสเซีย เยอรมนี เพื่อคานอำนาจกับฝรั่งเศส รวมทั้งการเสด็จเยือนประเทศฝรั่งเศส ซึ่งพระราชกรณียกิจของพระองค์ ได้สร้างความประทับใจแก่ฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก
ในปี พ.ศ. 2527 ตึกแดงได้รับการบูรณะเพื่อใช้เป็นอาคารห้องสมุดและศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของอำเภอแหลมสิงห์ และเลิกใช้ไป จนกระทั่งในปัจจุบันตึกแดงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมโดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม และประกาศเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อปี พ.ศ. 2528
อีก 13 กม. จาก ตึกแดง ปิดท้ายทริปเมืองจันทบุรีกับเกาะเปริด แหล่งท่องเที่ยวที่ใหม่ที่ว่ากันว่าเหมือนอยู่บาหลี เป็นลักษณะหน้าผาริมทะเลมองเห็นวิวทะเลกว้างไกลสุดสายตา ยามเย็นชมพระอาทิตย์ตก แถมมีบันไดเลียบริมหน้าผาทอดยาวลงสู่ทะเลและยังมีจุดชมวิวซันชายน์ และผาสุขนิรันดร์ ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามโดยมีความเป็นมาว่า เมื่อสมัยก่อน ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ล่องเรือสำเภามาค้าขายและพักค้างบนเกาะ ซึ่งทะเลแถบนี้เป็นทะเลเปิด ชาวจีนจึงเรียกว่า เกาะเปิด ต่อมาเกิดโรคไข้มาเลเรียและอหิวาตกโรคระบาด ทำให้ผู้คนล้มตาย ภายหลังก็มีคนเข้ามาอาศัยในเกาะนี้ แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า เกาะเปริด เพื่อแก้เคล็ดและความเป็นสิริมงคล โดยสามารถจอดได้ที่วัดเกาะเปริด แล้วใช้การเดินเท้าขึ้นมาประมาณ 500 เมตร
จบทริปท่องเที่ยวเมืองจันทบุรีอย่างสมบูรณ์แบบ และต้องยกความดีให้กับ ISUZU V-Cross MAX 4x4 สปอร์ตออฟโรด พลังดี..เปลี่ยนโลก 3.0 Ddi Blue Power 177 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Terrain Command ที่พร้อมพาไปยังที่หมายอย่างไร้ทุกอุปสรรค อุ่นใจด้วยกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติพร้อมกล้องบันทึกภาพ ที่สามารถบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆ ครั้งแรก!! ในวงการรถปิกอัพ และสาดความโหดเข้มด้วย ชุดแต่งใหม่ MAX 4x4 Package เปลี่ยนทุกอุปสรรคให้เป็นความเร้าใจถึงขีดสุด แบบโทนเทา ดำ พร้อมชุดเครื่องเสียงจอสัมผัส 8 นิ้ว ISUZU iConnect ครั้งต่อไปจะพาไปเที่ยวที่ไหน ต้องติดตามกันในคอลัมพ์ Deft's Go
เรื่องและเรียบเรียงโดย นายเต้ย
ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่ได้เปิดโลกใหม่ในการเดินทางท่องเที่ยวแสนพิเศษ กับ ISUZU V-Cross MAX 4x4
ที่มาข้อมูล thai.tourismthailand.org และเพจ แม่ชอบบอกว่าอยู่ไม่ติดบ้าน
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com