เที่ยวเมืองกรุงสราญสุขแบบไทยสไตล์ กับ The New ISUZU MU-X Privileged Press Trip
- โดย : Autodeft
- 19 ก.ค. 61 00:00
- 8,030 อ่าน
หลังจากทาง ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ เชิญเข้าร่วมกิจกรรมเติมเต็มความสุขแบบไลฟ์สไตล์ทริปเมืองกรุง ในชื่อ “The New ISUZU MU-X Privileged Press Trip ทั้งขี่ม้า บริจาคสิ่งของให้กับมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยฯ ทำให้เป็นทริปท่องเที่ยวที่อยู่ในความทรงจำมาตลอด
ด้วยภายใต้นิยาม “Signature of Privilege” เอกลักษณ์แห่งเอกสิทธิ์ จึงจัดทริปพิเศษเที่ยวเมืองกรุงอีกครั้ง สัมผัสประสบการณ์อันเหนือชั้นของ The New ISUZU MU-X รถยนต์นั่งอเนกประสงค์สุดหรูที่ผสานความสปอร์ตทันสมัยทั้งในรุ่นปกติและรุ่นพิเศษ THE ICONIC ที่มาพร้อมชุดแต่งพิเศษสปอร์ตเท่รอบคัน ร่วมสนุกกับกิจกรรมแบบไทยสไตล์ในแบบ One Way Trip
เริ่มต้นการเดินทางจาก บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด ไปสู่จุดหมายแรกอิ่มอร่อย ใจกลางเมืองกับร้านอาหารที่ชื่อ “อำแดงไต้ฝุ่น” ในซอยสุขุมวิท 32 สำหรับร้านนี้เป็น ร้านอาหารไทยดั้งเดิมผสานเมนูจีนฮ่องกงสูตรต้นฉบับ ใช้วัตถุดิบพื้นบ้านจากทั่วประเทศไทยมาอนุรักษ์ให้คนรุ่นใหม่ได้รับประทานอาหารไทย และอาหารจีนแท้ ๆ เหมือนได้รับประทานอาหารรสมือคุณย่าคุณยายอย่างแท้จริง โดยมีเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ปูทะเลยักษ์ผัดไต้ฝุ่น (Spicy Crab) สูตรต้นตำหรับจากเกาะฮ่องกงที่ใครได้ลองก็ติดใจความเผ็ดร้อนผสานกลิ่นหอมจากเคล็ดลับการผัดพริกและกระเทียมเคล้าปูทะเลสด ๆ รสชาติเข้มข้นในสัดส่วนที่พอดี
ตามมาด้วย ปูไข่ดองรสแซ่บ ที่นำปูไข่ดองไซส์ใหญ่ มาเสริฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสจัดจ้านแบบไทย ๆ เมนูถัดมาคือ น้ำพริกโจร ซึ่งจะเป็นการใช้วิธีการยำ แทนวิธีการตำ ตามสไตล์โจรเวลาออกเดินป่า และเมี่ยงปลาช่อนทอด ที่นำปลาช่อนมาทอดจนเหลืองกรอบ รับประทานกับเครื่องเคียง และน้ำเมี่ยง และอีกหนึ่งเมนูที่ผมเองขอยกนิ้วให้ นั่นคือ อำแดงไต้ฝุ่น เมนูหวานๆ สุดยอดความอร่อยที่ผสมผสานวัตถุดิบไทย-จีน โดยนำเต้าหู้โฮมเมด คลุกกับงาบด ก่อนนำไปทอด โรยด้วยน้ำตาล และเกลือเล็กน้อย อร่อยละมุนลิ้น
อิ่มสำราญกับมือเที่ยงสุดอภิรมย์แล้วจึงเดินทางต่อในช่วงระหว่างการเดินทางไปยังที่ต่อไปนั้น ผมได้ขับ The New ISUZU MU-X รุ่นพิเศษ THE ICONIC ระหว่างการเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป ได้รู้จักกับออพชั่นพิเศษ สำหรับคนรักหนัง ชอบดูรายการโปรดด้วย Digital TV Tuner ในชุดระบบความบันเทิง iConnect หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และหน้าจอบนเพดานขนาด 10.5 นิ้ว ภาพชัดเสียงสดใส ทำให้เพิ่มอรรถรสในการเดินทางมากขึ้น เน้นอารมณ์สปอร์ต ด้วยโทนห้องโดยสารจากเดิมจะเป็นสีเบจ Sandstone Beige มาเป็นโทนสีดำเข้ม LAVA BLACK งานนี้เน้นความเข้มขรึม สุขุม กว่าเดิม รวมถึงขุมพลังแรง 3.0 Ddi Blue Power 177 แรงม้า สามารถพุ่งทะยานไปอย่างฉับไว เต็มกำลัง และประหยัดน้ำมันตามสไตล์ ISUZU
และแล้วผมและเพื่อนๆพี่สื่อมวลชนก็เดินทางมาถึงโรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา สังกัดมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขากรุงเทพฯ ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และได้เปลี่ยนเป็นโรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา เมื่อปี พ.ศ. 2552 โดยเปิดเป็นสถานศึกษาสำหรับเด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อน แห่งที่ 2 ดำเนินการในรูปแบบโรงเรียนประจำ รับนักเรียนตั้งแต่ เตรียมอนุบาล – ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อายุระหว่าง 2 ขวบถึง 16 ปี ครั้งนี้คณะสื่อมวลชนรวมถึงผมได้ร่วมมอบเงิน และสิ่งของ โดยมีคุณ ดวงหฤษฎ์ ภูแพง ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ เป็นผู้รับมอบ จากนั้นจึงนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมการเรียนการสอน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากฝีมือน้อง ๆ เด็กนักเรียนในโรงเรียน
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา เดินทางต่อไปยัง สยามเจมส์ เฮอริเทจ พิพิธภัณฑ์ แหล่งเรียนรู้อัญมณีไทย ซึ่งจะได้พบกับ คุณทับทิมและคุณพลายน้อย ซึ่งเป็นประติมากรรมช้างทองคำ รูปทรงงามสง่า หุ้มด้วยทองคำ 99.99% ที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของสยามเจมส์ เฮอริเทจ จากนั้นได้ตื่นตาตื่นใจไปกับภาพยนตร์กำเนิดอัญมณีภายในสยามเจมส์ สเฟียร์ที่เป็นโดมภาพยนตร์ขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เมตร ที่มีมุมมองแบบ 360 องศา ด้วยเทคนิคการฉายภาพยนตร์ระบบ 4K จากเครื่องฉายถึง 8 ตัว พร้อมแสงสีเสียงที่ได้รับการออกแบบจากทีมงานด้านเทคนิคจากเยอรมนี จนรู้สึกเสมือนเข้าไปอยู่ร่วมในเรื่องราวอย่างแท้จริง เมื่อออกจากโดมภาพยนตร์ขนาดใหญ่แล้ว จะเข้าไปสู่ส่วนพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 5 โซนย่อย ได้แก่
โซนที่ 1 คือ ห้องมณีนิรันดร์ เป็นส่วนที่ให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์เครื่องประดับของโลก โซนถัดไปคือ ห้องมณีประกาย ที่จัดแสดงและให้ความรู้เรื่องการเจียระไนอัญมณีในแบบต่าง ๆ พร้อมตื่นตาตื่นใจกับการใช้เทคโนโลยี มิราสโคป (Mira Scope) ที่จะสะท้อนรูปทรงการเจียระไนของอัญมณีในรูปทรงต่าง ๆ ให้เห็นรอบด้านแบบ 3 มิติ โซนจัดแสดงที่ 3 คือ ห้องมณีมงคล จัดแสดงอัญมณีที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของคนไทย 9 ชนิด หรือ นพเก้า อันได้แก่ เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน ไพลิน มุกดา เพทาย และไพฑูรย์ โซนที่ 4 จัดว่าเป็นที่สุดคือ ห้องปัทมราณี จัดแสดงผลงานชิ้นเอก นั่นคือ “สยามเจมส์ เทียร่า” มงกุฎประดับยอดด้วยทับทิมสยาม ขนาด 21.09 กะรัต อันถือเป็น ราชาแห่งอัญมณีทั้งปวง โดยมีทับทิมสีแดงเป็นบริวารอีก 24 เม็ด และรายล้อมมงกฎด้วยเพชรแท้กว่า 1,946 เม็ด โซนสุดท้ายคือ ห้องมณีวิทยา นิทรรศการที่ให้ความรู้อย่างกระชับในเรื่องการออกแบบการขึ้นตัวเรือนของเครื่องประดับ ที่ทุกคนยังได้ลองออกแบบอัญมณีบนจอทัชสกรีนด้วยตัวเองผ่านโปรแกรมพิเศษอีกด้วย
ปิดท้ายทริปพิเศษกับการเวิร์คช็อปทำขนม เสน่ห์จันทร์ ขนมไทยชื่อไพเราะ ณ ร้านบ้านดอกพุด คาเฟ่ขนมไทยโบราณสูตรต้นตำรับ ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 48 ที่ต้องผ่านตรอกซอกซอยอันแสนลึกลับ ก่อนจะมาเจอกับร้านน่ารักที่เงียบสงบที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่ทางร้านมีสโลแกนว่า “หวานกำลังดี มีรอยยิ้ม”ทั้งนี้ผม เพื่อนๆพี่สื่อมวลชนได้ร่วมแรงร่วมใจลองทำขนมเสน่ห์จันทร์ เป็นครั้งแรก
โดยส่วนประกอบนั้นมีทั้ง แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว ผงจันทน์เทศป่น กระทิ น้ำตาลทราย นำมาผสมให้เข้ากัน กวนบนไฟอ่อน ๆ จนจับตัวเป็นก้อน ใส่สีผสมอาหารสีเหลืองเข้าไป เพื่อให้ขนมมีสีเหลืองสวยน่ารับประทานเหมือนกับลูกจันทร์ตามชื่อขนม เมื่อได้สีตามที่ต้องการแล้วจึงปั้นให้เป็นก้อนกลมขนาดกำลังดี พร้อมแบ่งส่วนผสมแป้งมาเล็กน้อย เพื่อผสมสีน้ำตาลติดด้านบนลูกจันทร์ ให้เหมือนเป็นขั้วของลูกจันทร์ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมนำขนมเสน่ห์จันทร์ติดมือไปฝากให้คนที่บ้านได้ชิมอย่างเอร็ดอร่อย และงานนี้สามารถต่อยอดพลิกแพลงสูตรไปทำกินกันก็เป็นได้
นับเป็นกิจกรรมสุดพิเศษที่ อีซูซุ ได้คัดสรรมากับแหล่งท่องเที่ยวตั้งแต่ ร้านอาหารไทยสุดฟิน เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย พร้อมกับร่วมอิ่มบุญในการเติมเต็มความสุขให้กับเด็กด้อยโอกาส และปิดท้ายด้วยการเปิดประสบการณ์ใหม่กับการเวิร์คช็อปทำขนมไทย และครั้งหน้าจะไปท่องเที่ยวที่ไหน ต้องติดตามในครั้งต่อไป
เรียบเรียงโดย นายเต้ย
ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด สำหรับทริปสุดชิคสไตล์คนเมืองกับ The New ISUZU MU-X
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com