ตามดูทะเลหมอกช่วงหน้าร้อนที่ พะเนินทุ่ง
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 18 พ.ค. 59 00:00
- 14,320 อ่าน
หลายๆคนยังเข้าใจว่า การที่จะชมทะเลหมอก ต้องไปบนภูเขาแถวภาคเหนือช่วงหน้าหนาว จริงๆแล้วเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนครับ จากการที่ได้สัมผัสมา ช่วงเวลาที่จะพบทะเลหมอกได้ที่ภาคเหนือ จะเป็นช่วงฤดูฝนหรือปลายฝนต้นหนาวจะขึ้นมากที่สุด ถ้าช่วงหนาวเลยจะขึ้นไม่เยอะเพราะความชื้นไม่ค่อยมี แต่ยังมีความจริงอีกอย่างที่หลายคนไม่รู้ ว่าการเดินทางลงไปทางใต้ก็สามารถพบทะเลหมอกได้เหมือนกัน แถมยังมีเกือบตลอดทั้งปีอีกด้วย
เขาพะเนินทุ่ง อยู่ในพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเพชรบุรี มีความสูงประมาณ 1,207 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นเขตป่าสมบูรณ์ โดยเราสามารถเดินทางไปทางที่ทำการอุทยานฯ มาทางจุดตั้งแค้มป์บ้านกร่าง แล้วขึ้นต่อมาอีกประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดกางเต็นท์ของพะเนินทุ่งแล้วครับ โดยรถที่สามารถนำขึ้นไปได้ แนะนำให้เป็นรถแบบ 4x4 หรือรถกระบะยกสูง หรือรถพวก PPV (Pick Up Passenger Vehicle) เพราะถนนที่ขึ้นไปนั้น จะเป็นทางขึ้นเขาแบบลูกรัง ซึ่งจากร่องรอยแล้ว จะเคยเป็นถนนลาดยางมะตอยแบบพังแล้ว (เดาเอาว่าน่าจะผ่านการใช้งานมาเกิน 20 ปี) ถ้าเป็นรถเก๋ง หรือรถ SUV ที่ยกไม่สูง มีโอกาสติดหล่มค่อนข้างสูงครับ ถ้าไม่มีรถที่จะเอาขึ้นได้ ลองติดต่อตรงแค้มป์บ้านกร่าง จะมีรถให้เช่าของชาวบ้านอยู่ครับ
ทริปนี้ผมโชคดีที่ได้รับอุปการะจากทาง บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ให้ยืมรถ Isuzu D-Max Hi-Lander 1.9 Z-Prestige Ddi 6 MT มาเพื่อลุยเข้าไปที่เขาพะเนินทุ่งในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อผ่านตรงแค้มป์บ้านกร่าง ถนนจะเริ่มด้วยทางลูกรังเรียบๆ ผ่านลำธารไป 3 จุด ซึ่งลำธารนี้เอง ที่เป็นจุดถ่ายรูปของตากล้องทั้งหลายที่จะมาเก็บภาพผีเสื้อหลายสายพันธุ์นับล้านตัว ที่บินหากินอยู่แถวนั้น (จริงๆแล้วจะมีอยู่ตลอดทาง แต่จุดลำธาร ถ่ายรูปมาสวยที่สุด) เราก็จะได้เห็นบรรดาช่างกล้องที่เลือกตามมุมต่างๆ ถ่ายรูปกันตลอดทาง ซึ่งจากการสอบถาม ช่วงที่มีผีเสื้อมากๆ จะเป็นเดือน เมษายน ถึง มิถุนายน
เมื่อผ่านจุดนี้ไป ก็จะเริ่มเข้าสู่เส้นทางขึ้นเขา ที่ถนนพังเกือบตลอดทาง ผมเองควบเจ้า Isuzu D-Max Hi-Lander 1.9 Z-Prestige Ddi 6 MT ไต่ขึ้นไปอย่างช้าๆ โดยสลับระหว่างเกียร์ 1 และ 2 ไปตลอดทาง ถึงแม้จะเป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่ก็สามารถขึ้นไปได้เรื่อยๆอย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้ขับเคลื่อน 4 ล้อได้ แนะนำให้เปลี่ยนเป็นระบบ 4H เลยครับ เพราะจะทำให้ขึ้นได้ง่ายกว่า ทางช่วงนี้ค่อนข้างขับยากครับ ทางจะแคบ บางจุดมีหลุมลึก ต้องเลือกไลน์ให้ดี ไม่อย่างนั้นรถอาจติด หรือท้องขูดได้ครับ ด้วยเหตุนี้ ทางกรมอุทยานฯ จึงมีเวลาในการขึ้นลงได้ตามนี้ครับ
นักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบไป-กลับ ไม่พักค้างแรม • เวลาขึ้นจากบ้านกร่าง 05.30 น. -07.30 น. • เวลาลงจากเขาพะเนินทุ่ง 09.00 น. -10.00 น. และ 16.00 น.-17.00 น. นักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อพักค้างแรมที่เขาพะเนินทุ่ง • เวลาขึ้นจากบ้านกร่าง 13.00 น. -15.00 น. • เวลาลงจากเขาพะเนินทุ่ง 09.00 น. -10.00 น. และ 16.00 น.-17.00 น. ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาในการสวนทางของรถ ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะตลอดทาง ด้านนึงเป็นหน้าผา ด้านหนึ่งเป็นภูเขาครับ
หลังจากเดินทางผ่านบ้านกร่างมาประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดกางเต็นท์เขาพะเนินทุ่งแล้วล่ะครับ โดยที่นี่จะมีลานกว้างๆพอประมาณให้นักท่องเที่ยวมากางเต็นท์ได้ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกนั้น นอกจากห้องน้ำแล้วก็แทบไม่มีอะไรเลยครับ ไฟฟ้าก็มีเฉพาะให้แสงสว่างในบางจุด อาหารก็มีบ้างเล็กน้อย (วันที่ผมไป ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำอาหารขาย เพราะดันไปคืนวันอาทิตย์ที่ไม่มีคน) ซึ่งถ้าใครจะมาพักแรมที่นี่ ก็ต้องเตรียมมาให้พร้อม ทั้งอาหาร, เครื่องดื่ม และพวก Offline Media ทั้งหลาย เพราะที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์โดยสิ้นเชิงครับ แต่มีโทรศัพท์สาธารณะไว้ให้บริการ รวมทั้งควรชาร์จกล้องถ่ายรูปไว้ให้พร้อม เดี๋ยวแบตหมดไม่มีถ่าย จะเสียดายเอาครับ
เลยจุดกางเต็นท์ไปประมาณ 100 เมตร ก็จะถึงจุดชมวิวพะเนินทุ่งครับ จุดนี้เราจะสามารถชมทะเลหมอกยามเช้าได้อย่างสวยงาม หรือถ้าไม่มีทะเลหมอก ก็จะเห็นป่าอันสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้อย่างสดชื่นเต็มที่เลยครับ นอกจากจุดนี้แล้ว ก็ยังมีอีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมกัน คือจุดชมวิว กม. 36 โดยเลยจากจุดแรกไปอีก 6 กิโลเมตร จะอยู่ต่ำกว่าจุดแรกเล็กน้อย จุดนี้จะได้สัมผัสกับทะเลหมอกได้อย่างใกล้ชิดเลยครับ
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้รู้ว่าที่เขาพะเนินทุ่ง จะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี มีฝนตกเรื่อยๆ เนื่องมาจากความชื้นที่ป่าปล่อยออกมามีอยู่มาก เมื่อเจอกับอากาศร้อนจากด้านล่าง ก็จะกลายเป็นหมอกและฝนได้ง่าย ซึ่งจากด้านล่าง ผมวัดอุณหภูมิภายในตัวรถยังได้ที่ 40 องศาฯ อยู่เลย แต่พอมาถึงยอดเขา อุณหภูมิลดลงเหลือเพียง 26 องศาฯเท่านั้นครับ ตอนเช้าก็ลดลงไปอีกเหลือ 22 องศาฯ โดยเจ้าหน้าที่บอกอีกว่า ร้อนที่สุดก็ไม่เกิน 30 องศาฯ เพราะพอเริ่มร้อนเมื่อไหร่ ฝนก็ตกทุกที ดังนั้นที่นี่ จึงสามรถมาเที่ยวได้ตลอดปี ยกเว้นช่วงวันที่ 1 สิงหาคม - 31 ตุลาคม ของทุกปี เพื่อความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวจากฝนที่ตกหนัก และเปิดโอกาสให้ธรรมชาติได้มีโอกาสฟื้นตัวครับ
นอกจากการชมทะเลหมอกแล้ว ที่นี่ยังมีเส้นทางชมธรรมชาติ, ศึกษาพรรณกล้วยไม้, ดูนก และอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นถ้าอยากสัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริงแบบแนบแน่น และได้หายใจสูดเอาออกซิเจนให้เต็มปอด อยากให้ลองแวะมานอนที่นี่ซักคืน รับรองว่าจะสดชื่นขึ้นมากอีกหลายเท่าตัวเลยครับ
บทความจาก http://www.paipala.com/travel/พะเนินทุ่ง/
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com