Full Drive : Honda City 2014 ผู้ดีเกินราคา
- โดย : Autodeft
- 17 มี.ค. 57 00:00
- 32,302 อ่าน
มาแล้วในที่สุดเราก็ได้ขับ Honda City 2014 ใหม่ จะเป็นอย่างไร กับการขับจริงใช้งานจริงทั้งในเมืองและนอกเมือง ติดตามอ่านได้เลย
เรื่อง ภาพ และขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
เมื่อพูดถึงรถยนต์สักคันที่มาพร้อมความคุ้มค่า สำหรับใครหลายคน มันคงเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับการเลือกรถสักคันมาประจำการข้างกาย ทว่ารถที่คุ้มค่ามีมากมายหลายแบบแต่มีสักกี่คันที่คุณขับแล้วจะรู้สึกว่า ราคาขายที่ตั้งมาอาจจะยังถูกไปกับสิ่งที่ได้สัมผัส
“Be Your Best” เป็นวลีที่เราน่าจะชินหูในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังจากค่ายรถยนต์ Honda ตัดสินใจ เปิดตัวรถยนต์ Honda City ใหม่ออกมาอย่างเป็นทางการ ด้วยการแนะนำโฉมที่ 4 ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ หลังจากที่สร้างความประทับใจมาแล้วอย่างต่อเนื่องมากถึง 3 รุ่นด้วยกัน
โครงการพัฒนา Honda City ใหม่ โฉมปี 2014 หรือรุ่นที่ 4 ของรถยนต์ซิตี้คาร์ที่ได้รับความนิยมมากในตลาดรถยนต์ใหม่ๆ ทางแถบภูมิภาคอาเซียนนี้ ถูกจับตาทันที หลังจากที่ญี่ปุ่น เปิดตัว Honda Fit 2014 ออกมา และแล้วหลังจากที่มีการเปิดรุ่นใหม่ออกมา ไม่นานเมื่อกลางปี 2013
ในอินเดียก็เริ่มตามมาด้วยข้อมูลที่เริ่มรั่วไหลออกมา หลังจากที่ฮอนด้าใช้อินเดียเป็นฐานใหญ่สำหรับตลาดใหม่ในการวิจัยและพัฒนารถยนต์นั่ง ก่อนที่ ในไทยจะเริ่มแนะนำตัวออกสู่ตลาด เป็นประเทศที่สองลองจากอินเดียที่ตัดหน้าเราไปก่อนในงาน India Auto Expo 2014
การแนะนำ Honda City ใหม่ สร้างความสนใจกับคนไทย ตั้งแต่รู้ว่าน่าจะมาแน่ และทันทีที่สิ้นเสียง TVC พร้อม หนุ่มหน้ามลที่มารับเรื่องราวของกัปตันหนุ่มที่หลงรักหญิงสาวแล้ว เซอร์ไพร์ส เธอ ด้วยการขับเครื่องบินไปส่งถึงปารีส ตามสตอร์รี่ที่ Honda วางไว้ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงจะรับรู้ได้จาก โฆษณา
เจ้า Honda City ใหม่ ก็เผยเรือนร่างที่เน้นความสง่างามมากกว่า ประทับใจทุกคนตั้งแต่แรกเห็นด้วย การให้ความทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม ยังคงพุ่งสู่ความหรูหราดูดีมากขึ้น ด้านหน้าสดใสดูเยาว์วัยด้วยกระจังหน้าทรงสปอร์ต ที่แอบความหรูหราด้วยดีไซน์พิเศษแบบแพลททินัม มองไกลๆ คล้ายโครเมี่ยมอยู่บ้าง แต่ไร้กังวลเรื่องการดูแลรักษา ที่ง่ายกว่าเยอะ
ฝากระโปรงหน้ายังคงทรงลาดเทดูมีความสปอร์ตในการออกแบบ ส่วนโป่งล้อมีการให้รายละเอียดเส้นสายที่ดูมีกล้ามเนื้อมากกว่ารุ่นที่แล้ว พร้อมเชฟทางด้านข้างที่ดูเหมือนจะพุ่งทะยานไปข้างหน้า ในรุ่นท๊อปนี้ประกบด้วยล้ออัลลอยขอบ 16 อัลลอยขอบ 16 นิ้ว พร้อมยางประหยัดน้ำมันขนาด 185/55/ R16 ซึ่งขัดในตัวตนเล็กน้อย
ส่วนเส้นสายหลังคาลากผ่านด้านบนโค้งเน้นความสปอร์ตที่ลงตัวในพื้นใช้งาน มาพร้อมคลีบปลาฉลามซึ่งเป็นเสาอากาศวิทยุ ดูดีและแปลกตา รวมถึงช่วยในเรื่องของกระลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ก่อนจะบรรจบลงที่บั่นท้ายที่มาพร้อมความลงตัวในการออกแบบในสไตล์หรู ดูดีคล้ายยนตรกรรมจากยุโรปบางรุ่น
แต่แม้จะเหมือนมาก ทว่าเมื่อมององค์รวมที่ให้ตัวตนในขนาดที่เหมาะพอดีกับคนเมือง ด้วยความยาว4,440 ม.ม. กว้าง 1,695 ม.ม. และสูง 1,477 ม.ม. ปรับขนาดฐานล้อเพื่อสนับสนุนในเรื่องการขับขี่และการโดยสารที่ดีขึ้น ยาว 2,600 ม.ม.
ภายในห้องโดยสาร Honda City 2014 ใหม่ เปิดมุมมองใหม่ทางด้านการออกแบบ ด้วยความทันสมัยมากขึ้น ที่จริงในรุ่นนี้ มีการแนะนำห้องโดยสาร 2 สี ตามความต้องการของลูกค้า มีทั้งสีเบจและสีดำในรุ่นท๊อป อย่างที่เราขับในวันนี้
เน้นการออกแบบที่เหนือชั้นด้วยความดูดีมีระดับ รู้สึกได้ทันทีตั้งแต่เปิดประตู ด้วยชุดกุญแจนิรภัย Immobilizer ให้ความสะดวกสบายไม่ต้องล้วงแล้วปิ๊ป !! ให้มันยุ่งยาก มากความวุ่นวาย
เมื่อหย่อนตัวลงนั่งในห้องโดยสาร Honda City ใหม่ ต้อนรับคุณด้วยเบาะนั่งที่ออกแบบมาอย่างลงตัว ทั้งที่รองนั่งที่มีความนิ่มกำลังดีส่วนของพนักผิงหลังเองก็มีขนาดใหญ่มากพอสมควรควร แต่ยังมีปีกช่วยโอบกระชับออกมาในสไตล์รู้สึกสปอร์ตนิดหน่อย ลงตัวกับตัวตน
คอนโซลหน้าออกแบบมาให้มีความทันสมัยเกินราคาค่าตัว เสียดายที่ภายในออกแบบมาถ้ามองแล้ว จะรู้สึกตันๆ ไปเล็กน้อย แต่พอเข้าใจได้ เพราะ ตรงกลางต้องยัดระบบความบันเทิง Advance Touch ที่ดูทันสมัยคล้ายคุณมีแท๊ปเล็ตขนาด 7 นิ้วติดตั้งในรถ สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และรองรับการเชื่อมต่อ AUX ,HDMI รวมถึง USB แต่จะดียิ่งกว่านี้ถ้ามันถอดออกเอาพกติดตัวไปได้ จะล้ำจนลูกค้าร้องว้าว !!
ใต้ล่างเครื่องเสียงเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ออกแบบมาได้ดูดีลงตัว โชคร้ายนิดหน่อยที่เราดันพบว่าการตบแต่งตรงกลางด้วยเปียโนแบล็ค พร้อมระบบสัมผัสอาจจะเจอปัญหาเมื่อน้ำยาเคลือบเงาภายในแว็กซี่ทิ้งคราบไว้ให้ดูต่างหน้า ส่วนตรงหน้าคนขับมาพร้อมมาตรวัดแบบสปอร์ต พร้อมพวงมาลัย 3 ก้าน เต็มเหนี่ยวด้วยปุ่มควบคุมเครื่องเสียง รับ-วางโทรศัพท์ รวมถึง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ส่วนทางด้านขวามีระบบ Econ สีเขียวรักสิ่งแวดล้อม พร้อมที่ปรับกระจกมองข้าง
ลองไปนั่งตอนหลังดูก่อนออกเดินทาง คนตัวใหญ่นั่งสบาย คนตัวเล็กยิ่งดีกว่าเดิม แม้เบาะหลังจะถอยสุด ส่วนการขึ้นลงถือว่าโอเคขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ดูๆ แล้ว ที่วางตอนหลังนี้สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 3 คน ตัวใหญ่ แถมยังปรับเป็นโหมดขนของด้วยการพับเบาะอัตรา 60/40 ได้ถ้าต้องการ หากห้องสัมภาระที่มีคงวามจุกว่า 536 ลิตร ซึ่งพอจะยัดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้ 2 ใบ ไม่สามารถตอบสนองได้ ทว่าที่ถูกใจสุดคงเป็นช่องเก็บของที่ล้นเหลือ สำหรับบรรดานักขนตัวยง
ปุ่มสตาร์ทดูเหมือนจะอยู่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย เพราะมันอยู่ทางซ้ายล่างข้าง ระบบปรับอากาศ ไม่เป็นที่สังเกตดี แต่ในอีกแง่ถ้าคุณขับรถ Honda City 2014 ครั้งแรกๆ อาจจะใช้เวลาในการมองหาสักหน่อย เพราะวงพวงมาลัยบังปุ่มสตาร์ทอย่างพอเหมาะพอเจาะ
กดสตาร์ท เครื่องยนต์ ขุมพลัง 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1.5 ลิตร เริ่มต้นทำงานอย่างนิ่มนวล เข็มหน้าชี้รอบเดินเบาบอกถึงการพร้อมเดินทาง ที่จริง น่าเสียดายที่ Honda ตัดสินใจในการตอนแรงม้าลงมาเหลือเพียง 117 แรงม้า ที่ 6000 ต่อนาที และ ให้แรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตรที่ 4700 รอบต่อนาที งวดนี้ดีขึ้นด้วยการปรับให้รองรับพลังงานทางเลือก E85 เป็นรุ่นที่สอง รองจากค่ายอเมริการายหนึ่งที่แนะนำไปเมื่อปีกลายในเซกเม้นท์นี้ แต่เป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร บล็อกแรกในบ้านเราที่รองรับพลังงานทางเลือก
น่าเสียดายที่ E85 ยังไม่ใช่โจทย์สำหรับการทดสอบวันนี้ เพราะ เราต้องการรู้สมรรถนะในภาพรวมของรถ Honda City ใหม่ ก่อนหลังจากที่พลาดท่าไม่ได้ไปขับในการทดสอบกลุ่ม แต่เมื่อมันมาอยู่ในเมืองเราก็ได้เวลาจัดเต็ม
สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนตัวตน Honda city ใหม่ ทันทีที่เริ่มเคลื่อนตัวสู่ถนนสุขุมวิท ตะลุยเมืองหลวง กทม. คงไม่มีอะไรอื่นนอกจากระบบส่งกำลังที่เป็นชุดเกียร์แบบ CVT ที่จริงแล้วในตลาดไทยเริ่มคุ้นเคย CVT มากขึ้นหลังจากนำมาติดตั้งในอีโค่คาร์และค่ายญี่ปุ่นบางเจ้าก็ซัด CVT เป็นระบบส่งกำลังหลัก หลังพวกเขาประสบความสำเร็จเรื่อย
สำหรับ Honda แล้ว การติดตั้งระบบเกียร์ CVT เป็นสิ่งที่ถูกจับตามอง เพราะกาลครั้งหนึ่งเคยมาแล้วแต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่เมื่อยุคสมัยบ้านเมืองไทยใจเปิดกว้างมากขึ้น แม้เครื่องยนต์จะทอนแรงม้าลงแต่ก็มีระบบส่งกำลังที่ดีขึ้น ด้วยชุดเกียร์ CVT 7 สปีด แถมยังเป็นเกียร์ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Honda Earth Dream ด้วย
การเปลี่ยนแปลงระบบส่งกำลังใหม่นี้ ทำให้ Honda City มีบุคลิกที่ต่างออกไป อย่าหวังมาเรื่องความกระฉับกระเฉงเหยียบแล้วตื้ด ลากยาวๆให้มันตัดรอบ เพราะนั่นไม่ใช่ของชุดเกียร์ CVT
ระบบเกียร์ใหม่นี้เน้นในการขับขี่สะดวกสบาย ง่าย และที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องคันเร่งมากนัก ทำให้ มันออกมาในสไตล์รถที่ขับในลุคแบบผู้ดีมากกว่า แต่ด้วยเครื่องยนต์ที่มีขนาด 1.5 ลิตร เมื่อบอกเข้าชุดเกียร์ CVT ที่สามารถแปรตำแหน่งได้ถึง 7 อัตราทด ตั้งแต่ 2.526-0.408 ปั่นลงเฟืองท้าย 4.992 ทำให้ความรู้สึกหนักแน่นเรื่องอัตราเร่งดีพอสมควร
เมื่อเดินคันเร่งรถจะพุ่งออกอย่างรวดเร็วทันใจ แต่นิสัยของ CVT คือจะปรับอัตราทดเอง ซึ่งหมายความว่าคุณต้องรู้ใจระบบเกียร์ด้วย ถ้าเหยียบคันเร่งแช่มิดพื้นยาวๆ รับรองว่าไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน แต่ว่าจุดหนึ่งที่ทำให้เราไม่ชอบใจทุกครั้งที่เข้าเกียร์ใน Honda City มันไม่ใช่อะไรไกลนอกจากคันเกียร์ การวางตำแหน่ง S ไว้ล่างดี ทำให้ หลายครั้ง เราเผอเรอที่จะลากคันเกียร์ลงไปสุด แล้วก็ลากหึ่งๆ แบบนั้นไปตลอดการเดินทาง ซึ่งถ้าไม่สังเกตตัวบอกตำแหน่งที่หน้าปัด ก็จะไม่รู้ว่าคุณอยู่เกียร์ S หรือ โหมด Sport ที่เน้นความเร้าใจให้คุณลากชน 6,000 รอบต่อนาที เอาแรงม้ามาใช้ ตลอดเวลาที่ต้องการ
แน่นอนว่า Honda City เกิดมาเพื่อคนเมืองทำให้เราต้องจัดหนักเล็กน้อย ในการซอกแซกไปตามถนนหนทาง ซึ่งต้องยอมรับว่า มันมีความคล่องตัวมากกว่าที่คิดเสียอีก โดยเฉพาะที่ถูกใจอีกอย่างใน Honda City เป็นพวงมาลัยที่ออกแบบวงพวงมาลัยมาพอดี น้ำหนักค่อนไปทางเบา หมุนง่าย ในช่วงความเร็วต่ำ ด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์พร้อมผ่อนแรงไฟฟ้า หรือ EPS
ลักษณะการควบคุมไม่มีระยะฟรีมากนัก อาจจะต้องการออกมาในรูปความสปอร์ตขับสนุก แต่มันกลายเป็นข้อดี สำหรับเรื่องความแม่นยำในการเปลี่ยนเลน เมื่อกวาดพวงมาลัยไปมา พร้อมเดินคันเร่งผ่านชุดเกียร์ CVT พร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ที่จี๊ดจ๊าดดีผ่านระบบส่งกำลัง ซึ่งสามารถสอดผสานในการขับขี่ในเขตเมืองอย่างลงตัว
ไม่ว่าคุณจะไปในซอยแคบ ไปในห้างสุดหินเรื่องที่จอดรถ หรือ จะถอยจอดซื้อก๋วยเตี๋ยวข้างทาง Honda City ลงตัวมากในเรื่องการออกแบบรถให้เหมาะต่อชีวิตคนเมือง
แม้ว่าทุกอย่างดูท่าว่าจะดี เราสนุกในเมืองกับการพา Honda City ไปมามากพอสมควร แต่ท้ายสุดเรื่องที่เราไม่เคยลืม โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย Honda City ที่มองเรื่องประหยัดน้ำมัน การเดินทางของเราในเมืองตลอดวัน ทั้งขึ้นห้าง และเจอรถติดบนถนนสุขุมวิท ช่วงกลางวัน จบที่การเติมน้ำมัน แก๊สโซฮอลล์ 91 คืนถัง แล้วเมื่อดีดตัวเลขอัตราประหยัดออกมาได้ที่ 10.6 ก.ม./ลิตร จากหน้าปัดที่โชว์ค่าอัตราประหยัดเฉลี่ยไม่แตกต่างเป็นนัยยะ 10.9 ก.ม./ลิตร
อัตราประหยัดที่ดูไม่ค่อยประหยัดเท่าไรนี้ ดูเหมือนจะมีปัจจัย สำคัญสองประการสำคัญ คือ อัตราทดเฟืองท้ายที่ค่อนข้างมาแนวจัดจ้านพอสมควร และอาจจะเกินพอดีไปสักนิดกับชีวิตคนเมือง ที่ 4.992 อาจจะเป็นเพราะชุดเกียร์ CVT มีอัตราทดเกียร์แรกที่ค่อนข้างต่ำ ที่ 2.526 ทางวิศวกร Honda จึงอาจจะเกรงว่า Honda City จะถูกเผาว่าเป็นรถที่ออกตัวอืดไม่ทันใจวัยรุ่น ซึ่งยังเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ของรถคันนี้
และอีกปัจจัยนั้น จากการขับมาทั้งวันของการทดสอบบอกได้เลยว่าตำแหน่งเกียร์ S นั่น ดูเหมือนจะอยู่ผิดที่ผิดทาง จนลากเครื่องสนุกไปหลายครั้งเช่นกัน ที่จริงไม่ผิดที่พวกเขาอาจจะคิดว่า S ควรอยู่ใต้ล่าง D เพื่อเสริมในโหมดการขับขี่ พิเศษ แต่ด้วยนิสัยการขับขี่ของคน ซึงมักจะไม่มองคันเกียร์หรือหน้าปัด หลายคนใช้ความรู้สึกในการเข้าเกียร์ พวกเขาจึงมักจะเลื่อนลงมาสุดล่างเพื่อเริ่มต้นเดินทาง แต่เมื่อต้องการใช้วิชามารโหมด S น่าจะชินการดันตำแหน่งขึ้นมากกว่าลากลงล่าง ไปอีก...
นอกเมือง Honda city ใหม่ เป็นเหมือนรถคนละคันหนังคนละม้วนกับในเมือง แม้ในแง่ความจริงคือมันควรจะต้องเป็นรถที่เน้นความประหยัดในเมืองมากกว่า แต่ อานิสงค์ของระบบเกียร์ CVT 7 สปีด ก็ทำให้การขับขี่ลื่นไหลจากอัตราทดที่มีจำนวนมากกว่า และยังมีค่าที่ต่ำกว่าด้วยเมื่อเทียบกับเกียร์ธรรมดา
การมีอัตราทดมากกว่า ทำให้ การทำงานเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร มีรอบที่ต่ำมากเมื่อใช้อัตราทดสูงสุดที่ความเร็ว 90 ก.ม./ชม Honda City ใหม่ ตอบด้วยรอบเครื่องยนต์เพียง 1600 รอบต่อนาที และถ้าต้องการความเร็วขึ้นโดยที่พี่เสื้อสีกากีไม่ดักคุณข้างหน้าที่ 120 ก.ม./ช.ม. นั้น ก็ยังเดินทางด้วยรอบต่ำมากเพียง 2200 รอบต่อนาที โดยในรอบช่วงตั้งแต่ 2000-3000 รอบ สามารถเหยียบได้ถึง 140 ก.ม./ช.ม.เลยทีเดียวถ้าคุณต้องรับไปงานบวชกลับมาแต่ง หรือธุระปะปังที่ต้องใช้ความเร็ว
ในการเดินทางนอกเมืองรอบเครื่องที่ตอบโจทย์ในสุนทรีย์ทางด้านการขับขี่ห้องโดยสารจึงค่อนข้างเงียบ แต่เมื่อใช้ความเร็วเกิน 130 ก.ม./ช.ม. จะเริ่มมีเสียงลมเล็ดจากเสาเอทันที ยังดีที่ใน Honda City ใหม่ ให้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติมาด้วยตอบสนองได้ดี แต่ต้องจำไว้ว่าถ้าคุณกดโหมด Econ หรือโหมดประหยัดนั้น มันจะเร่งช้าเมื่อคุณรีเซทความเร็วสู่ค่าความเร็วที่ตั้งไว้ จนรถคันหลังอาจจะด่าพ่อล่อแม่ได้ ถ้าคุณอยู่ในเลนขวา แต่เมื่อปลด Econ มันก็จะเร่งเร็วปกติเหมือนเดิม
เมื่อแช่ Cruise ความเร็วที่ 120 ก.ม./ช.ม. อัตราประหยัดบนหน้าปัดก็จะดีขึ้นอย่างชัดเจน เรามีโอกาสเห็นอัตราประหยัดที่หน้าปัดสูงสุดถึง 16 .0 ก.ม./ช.ม. แม้จะขับยิงยาวที่ความเร็วสูงสุดตามกฎหมายกำหนด
ส่วนเรื่องระบบกันสะเทือนก็ให้ความมั่นใจพอสมควร ตามธรรมเนียมเดิมกับระบบกันสะเทือนแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านท้ายเลือกใช้ทอร์ชั่นบีม H shape ตามปกติของซิตี้คาร์ในโลกวันนี้ แต่การเซทติ้งช่วงล่างของ Honda City ค่อนมาทางสปอร์ตมากขึ้นอย่างชัดเจน
มันไม่หยาบกระด้างเหมือนรถในสนามแต่แน่นหนึบพอตัว ด้วยการใช้โช๊คที่มีช่วงสั้น ทำให้สามารถยืดและยุบตัวเร็ว สามารถรู้สึกได้ถ้าผ่านช่วงที่กรมทางหลวงไม่เหลียวแลผิวถนน หรือจะเป็นช่วงร่องรอบต่อถนน ส่วนสปริงมีความแข็งพอตัว แต่ก็ไม่มากไปจนคนนั่งจะรู้สึกว่ามันเป็นดั่งม้าพยศเกินไปนัก
แต่แม้ทุกอย่างจะดูดีรวมถึงน้ำหนักพวงมาลัยที่แปรเปลี่ยนตามพฤติกรรมการขับขี่คุณว่าใช้ความเร็วสูงหรือไม่นั้น Honda City กลับมาตกม้าตายอย่างน่าเสียดายในเรื่องของยางที่ติดมากับตัวรถ ซึ่ง ดูเหมือนว่าจะใช้ยางประหยัดน้ำมันเข้ามาเสริมเรื่องความประหยัดมากขึ้น ข้อดีของมันคือทำให้มีความประหยัดน้ำมันมากขึ้น แต่อย่าแปลกใจถ้าคุณหวดโค้งที่ความเร็ว 80 ก.ม./ชม แล้วยางออกอาการร้องโหยหวนและสะดีดสะดิ้งราวกับมันไม่อยากจะไปตามโค้ง แต่ก็ไม่มีอาการหน้าดื้อหรือท้ายไหลให้ต้องกังวลใจในการควบคุม ด้วยระบบช่วยควบคุมในการทรงตัวผู้ช่วยหลักในการขับขี่
อย่างไรก็ดีที่หลายคนกังขาหนักกว่านั้น ก็เป็นเรื่องของระบบเบรกที่ปรับจากดิสก์ ล้อในรุ่นท๊อป มาเป็น หน้าดิสก์หลังดรัม ไม่ต้องถามว่าทำไม ก็คงอาจจะเป็นเรื่องของต้นทุน ซึ่งในความเป็นจริง Honda City ก็ไม่ได้จำเป็นมากถึงขนาดต้องใช้ดิสก์ ล้อ เพราะ รถไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมากนักในกาขับขี่จริง ยิ่งอยู่ในเมืองเป็นสำคัญนี่ขับได้ 90 ก.ม./ช.ม ก็แทบบุญหัว
แต่ในช่วงใช้ความเร็วสูงก็ไม่ได้เป็นปัญหาอย่างที่คิดที่จริง ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัมนี้กับให้ความรู้สึกดีกว่าเดิม ในการสั่งลดความเร็วหรือสั่งหยุด ดุเหมือนมีการปรับการกระจายน้ำหนักมาค่อนข้างดี และเข้าใจว่าเบรกหน้าน่าจะมีขนาดพอทใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จนมากพอที่จะปราบความเร็วได้มากพอตัว
สรุป คุ้มค่าเกินตัวได้ใจจนน่าซื้อไว้ใช้เอง
มาถึงยังปลายทางวันนี้ ลงจากรถ Honda city 2014 พร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มว่า มันยังเป็นรถยนต์ที่ดีดั่งที่ใจคาดหวังเอาไว้ เหมือนเชนที่ผ่านมา
จุดเด่นของรถที่การออกแบบ ซึ่งดูดีมีความสปอร์ตทางด้านหน้า ด้านท้ายมาพร้อมความหรูหราลงตัวเหมือนรถยุโรปบางรุ่นทำให้มีตันตนที่ภูมิฐานเปลี่ยนไป และประทับใจทุกคนที่ได้เห็น ยิ่ง เจ้าสีพิเศษ น้ำเงินบริลเลี่ยน สปอร์ตตี้ ที่ดูดีมากและมีเฉพาะรุ่นท๊อปของ Honda City นี้ เป็นสีที่มีความสง่าทั้งกลางวันและยามกลางคืน
และด้วยการออกแบบรถที่ดีขึ้น จนบางคนเพื่อนผู้เขียนที่เห็นผลแปลงร่างเป็นกับตันขับร่อนไปมา นั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันดูดีกว่า พี่ชายกลาง Honda Civic เสียอีก เพราะจอดคู่กับคฤหาสน์หลังโตก็ไม่ดูเคอะเขิน
แถมห้องโดยสารเองก็กว้างพอที่จะนั่ง 5 คนได้สบายผู้โดยสารไม่มีบ่นส่วนผู้ขับและตุ๊กตาหน้ารถก็มีของถูกใจ ทั้งลุคที่สปอร์ตในการขับขี่ หรือจะของเล่นระบบไฮเทคต่าง ซึ่งอาจจะดูไม่สวยในระยะยาวถ้าใช้แว็กซี่ขัดเคลือบชิ้นส่วนภายใน ตรงนี้ควรต้องระวังให้มากใช้ผ้าสะอาดก็น่าจะพอแล้ว
ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร มีดีพอในเรื่องการขับขี่ ถามหาสมรรถนะในอัตราเร่งเร้าใจ 0-100 ก.ม./ช.ม. ใช้เวลาดีสุด 12.92 วินาทีในโหมด D แต่เมื่อปรับสู่โหมด S ซึ่งน่าจะวางตำแหน่งคันเกียร์ก่อน D หลังจาก N กลับใช้เวลาได้เท่ารถสปอร์ตบางรุ่นที่ 8.97 วินาทีและ 80-120 ทำเวลาดีสุดที่ 6.2 วินาที แถมยังทำความเร็วสูงสุดได้สูงถึง 180 ก.ม./ช.ม.ได้สบายหายห่วง แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะลองมากกว่านั้นว่าสุดแท้แล้ว 4 สูบ 1500 ซีซีพร้อมเกียร์ CVT 7 สปีดนี้ จะเร้าใจสุดเพียงใดกัน แต่ท้ายสุดก่อนจากต้องขอบอกว่าอัตราประหยัดนอกเมืองได้ 14.9 ก.ม./ลิตรเลยทีเดียว
ถึงแม้วันนี้การทดสอบ Honda City จะยังขาดในเรื่องของพลังงานทางเลือก E85 ซึ่ง ก็คาดว่าคงจะรบกวน Honda อีกครั้งในเร็วๆนี้ แต่ในภาพรวม Honda City ใหม่ ใกล้จะเป็นรถที่สมบูรณ์แบบในราคาที่จับต้องได้ขึ้นทุกที ถ้าคุณต้องการลุคที่ดูดี สมรรถนะที่พอไปวัดไปวา เร้าใจในแบบเครื่อง NA และช่วงล่างที่วางใจได้ ...ก็คงไม่น่าแปลกใจที่คุณจะมอง Honda City 2014 เพราะมันดีเกินราคาจำหน่าย จริงๆ
***ท้ายสุดก่อนจาก พอดี ระหว่างการขับขี่มีคนถามมามากว่าสรุป Honda City รุ่น SV และ SV+ ต่างกันอย่างไร ... ยิ่งเมื่อมันมีราคาต่างกันอยู่นิดหน่อย ระหว่าง Honda city SV มีราคาจำหน่ายที่ 734,000 บาท และ รุ่น SV+ ขยับมาเป็น 749,000 บาท
จากข้อมูลนั้นรายละเอียดทั้งหมดเหมือนกันทุกประการ แต่รุ่น SV+ จะมีความปลอดภัยมากกว่า ได้แก่ เสียงเตือนให้คาดเข็มขัดสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า มาพร้อมมือจับ 4 จุด และที่แตกต่างเลยจริงๆคือ เพิ่มม่านถุงลมนิรภัยทางด้านข้าง และถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะมองว่ามันไม่จำเป็น แต่ถ้ายามที่คุณประสบอุบัติเหตุ อะไรๆ ก็เป็นไปได้
เรื่อง ภาพ และขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ Honda City 2014 ใหม่มาให้ทีมงาน Autodeft.com (งวดหน้าคงรบกวนยืมทดสอบ e85 อีกครั้ง นะครับ )
ขอบคุณ คุณโอ๋ และน้าตั๋ม ที่ช่วยเอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายทำรถยนต์คันนี้ ใน ชาโต เดอ เขาใหญ่
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
ผลการทดสอบ Honda City sv+
รถยนต์ Honda City SV+ ราคาจำหน่าย 749,000 บาท
อัตราประหยัด
ในเมือง |
10.6 ก.ม./ลิตร |
นอกเมือง |
14.9 ก.ม./ลิตร |
*ทดสอบด้วยแก็สโซฮอลล์ 91 จาก Shell
อัตราการทำงานของเครื่องยนต์
ความเร็วที่เดินทาง (ก.ม./ช.ม.) |
รอบเครื่องที่ยนตืที่เกียร์สุงสุด ( เกียร์ 7 ) |
90 |
1600 |
100 |
1800 |
110 |
2000 |
120 |
2200 |
สถิติอัตราเร่ง
อัตรา |
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
ครั้งที่ 4 S mode |
0-100 ก.ม./ช.ม. |
13.01 |
12.92 |
13.02 |
12.98 |
8.97 |
80-120 ก.ม./ช.ม |
6.2 |
6.9 |
7.0 |
6.7 |
8.00 |
ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ขณะทดสอบ 182 ก.ม./ช.ม.
[GALLERY364]