Hands On : Chevrolet Captiva 2014 ปรับลงตัว เพิ่มดีกรีความหรู....
- โดย : Autodeft
- 23 มิ.ย. 57 00:00
- 23,428 อ่าน
มาแล้วบททดสอบรถอเนกประสงค์ Chevrolet Captiva ใหม่รุ่นปี 2014 เบนซินดีขึ้นกว่า ลงตัวกับคำว่าหรูหรา..
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ไมเนอร์เชนจ์อีกแล้วรึ ...คำถามนี้ย้อนไปเมื่อช่วงปลายปี 2012 หลัง จากที่ส่วนตัวด้วยความเป็นคนที่ทำงานการข่าวใกล้ชิดวงการรถยนต์ต่างประเทศ อัพเดทตลอดเวลาทุกวันนี้ ทั้งที่ในตอนน้นบ้านเราเพิง่เปิดตัว Chevrolet Captiva Minor change ไปได้ไม่ถึง 3 เดือน...
ในวันนั้นกลับกลายเป็นเครื่องหมายคำถามในใจหลายจากที่ค่าย Chevrolet เปิดตัว Chevrolet Captiva ออกมาในเกาหลี ...ซึ่งเน้นในตัวตนที่ดูดีขึ้น หรูขึ้น ที่สำคัญมันเป็นเพียงการเปลี่ยนไม่กี่อย่างในสายตาเรา
การไมเนอร์เชนจ์รถแต่ละครั้งย่อมต้องมีประเด็นที่เป็นหลักสำคัญที่ค่ายรถยนต์จะยอมลงทุนในการโหมกระหน่ำออกสื่อ แต่เฮ้ย!! Chevrolet Captiva 2014 นี่มันเป็นเพียงไฟท้ายใหม่แบบ Led กันชนหน้าใหม่ ตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมลงทุนลงเงินโหมโรงอะไรขนาดนั้น เพียงเพื่อรถรุ่นหนึ่งที่เป็นไม้ใกล้ฝั่ง ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยนโฉมในอีกไม่นานนัก แต่ถ้านับว่า Chevrolet Captiva ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลกก็พอจะเข้าใจได้
ด้วยการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่วางพื้นฐานตัวตนในความหรูหราตั้งแต่เริ่มต้น มาพร้อมราคาที่สามารถคบหาได้ไปจนถึงความหรูหราที่ตอบโจทย์มาตั้งแต่เปิดตัวออกมา ยิ่งการปรับลุคครั้งแรกในปี 2012 เปิดหน้าปลากะโฮ้ ลุคทันสมัย ดูดุดันมากขึ้น เติมความสปอร์ตภายนอกมากขึ้น ลดความหรูลงไปนั้น
แถมในเครื่องยนต์เบนซินที่น่าจะเรียกว่า เป็นรายแรกในตลาดของรถยนต์กลุ่มนี้ยังใช้ E85 ได้ ถ้าไม่นับรถอเนกประสงค์กลุ่มหรูสุดแพงจากยุโรป ในราคาที่เอื้อมถึงได้Chevrolet Captiva ยังเป็นรายแรกๆที่แนะนำเครื่องยนต์ดีเซล จนกลายเป็นรถที่ถูกใจคนที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ที่ครบครันและสมบูรณ์แบบ
ในงานมอเตอร์โชว์ 2014 ที่ผ่านมา ทางค่ายรถยนต์ Chevrolet ตัดสินใจการแนะนำรุ่นปรับโฉม ซึ่งเคยทำให้เกิดคำถามว่ารถรุ่นเดียว จะไมเนอร์เชนจ์อะไรกันบ่อยหนักหนา สิ่งที่สายตาเห็นในการปรับโฉมครั้งนี้ตอนที่ คุณ มาร์คอส เพอร์ตี หัวหน้าใหญ่คนใหม่ Chevrolet ประเทศไทยออกงานครั้งแรก หลังเข้ามารับตำแหน่งใหม่
ก็อยู่ที่การออกแบบเส้นสายที่ต้องการให้มีความทันสมัยมากขึ้นเอาไว้ต่อกลอนกับคู่แข่งที่มีในตลาดมากขึ้น ใบหน้าทรงปลากะโฮ้ ที่ดูแล้วตันๆ กระหน้าแบบ 2 ชั้น ที่ดูเหลี่ยมแนะนำเข้ามาคล้ายปาก ส่วนตรงไฟหน้าที่ดุโฉบเฉี่ยวก็ให้ความสปอร์ตยิ่งขึ้นดูปราดเปรียวขัดกับกระจังหน้า แต่ก็ดูลงตัวดีไม่น้อย
ถ้าเทียบระหว่างการปรับโฉมรุ่นที่แล้วกับรุ่นนี้ รายละเอียดมันอยู่ที่ตรงกันชนหน้าที่ปรับแพทเทิร์นของลายช่องกระจังหน้าใหม่ รวมถึงการออกแบบชุดช่องไฟตัดหมอกใหม่ที่เน้นความลงตัวมากขึ้นเป็น 3 เหลี่ยม แถมยังเอาโครเมี่ยมเข้ามายัดใส่เพิ่ม ถ้าดูเผินๆ คงต้องยอมรับว่ามันไม่ได้ต่างไปเลย
แต่รายละเอียดเดียวที่จะบอกได้ว่ารถคันนี้ต่างจากรุ่นเดิม ใช้ Chevrolet Captiva รุ่นปรับโฉมปี 2014 ใหม่ หรือไม่ กลับชุดไฟท้ายใหม่เสริมหล่อด้วย LED ทรงกลมดูเท่ห์ลงตัวกว่าการใช้ไฟเดิมเป็นไหนๆ รวมถึง กันชนท้ายที่เก็บรายละเอียดชายล่างใหม่ ปรับในเรื่องยางอะไหล่โผล่ชะโงกมาให้ดูต่างหน้าดีขึ้น และเช่นเดียวกัน ยังปรับท่อไอเสียจากทรงวงรีเป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมู เป็นทรวดทรงรถแต่ง VIP ขึ้นมาทันที
ห้องโดยสารยังต้อนรับด้วยความทันสมัยเหมือนเดิม ด้วยระบบกุญแจ keyless Entry พร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม Immobilizer และยังคงเปี่ยมด้วยความหรูหรา ด้วยการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่งในสไตล์ 5+2 ซึ่งให้คุณเดินทางมากกว่า ยามที่ต้องขนคนจำนวนมาก แต่ยังยืนยันว่าที่นั่งตอนหลังสุดที่เป็นจั้มซีท ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำผู้ใหญ่ตัวโตเข้าไปนั่ง แต่เหมาะสำหรับเด็กตัวเล็กหรือ สตรี ไซส์มินิจะนั่งได้สบายกว่า
แต่ในส่วนของการปรับรายละเอียดในห้องโดยสารนั้นไม่ได้เน้นมาก เนื่องจากการปรับตั้งแต่รุ่นที่แล้วให้ความลงตัวที่ดีอยู่แล้ว ในการแนะนำ Chevrolet Captiva รุ่นปี 2014 ก็ถือว่าเป็นการแต่งเติมรายละเอียดอีกนิดหน่อย ได้แก่พวงมาลัยยัดไฟส่องปุ่มบนพวงมาลัยเพื่อการใช้งานง่ายยิ่งขึ้นในยามค่ำคืน และในส่วนของมาตรวัดก็มีชุดโครเมี่ยมเสริมความหล่อเข้ามา
และที่เด่นที่สุดในงวดนี้เป็นการเปลี่ยนการตบแต่งที่เดิมออกโทนสปอร์ตลายคาร์บอนปรับเป็นลายไม่ที่ไม่ได้ดูเป็นของตบแต่งสุดชิคสำหรับคนสูงวัยเข้ามารวมถึงระบบปรับอากาศยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา
นอกนั้นไม่ว่าจะระบบความบันเทิงเซอร์ราวเสียง 3 มิติแยกความชัดเจนได้เช่นเดียวกับเครื่องเสียงระดับชั้นนำแถวหน้า หรือจะเบาะนั่งฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางก็ยังคงให้มาเหมือน เสียดายที่ Chevrolet ยังกั้กไม่ให้เบาะนั่งปรับไฟฟ้าด้านคนนั่ง ซึ่งจะว่าไปให้คนนั่งสบายหน่อยก็น่าจะได้นะ ..
หมกสมรรถนะเปลี่ยนเกียร์ ของดีที่ไม่บอกลูกค้า
ในรุ่นนี้ Chevrolet Captiva ใหม่ ยังคงมาพร้อมเครื่องยนต์ 2 รุ่นให้เลือก ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ที่เรื่องสมรรถนะการขับขี่เครื่องเคราต่างๆ ไม่ได้มีการปรับความแตกต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ได้ฟังบรรยายสรุป แต่ดูตามโบว์ชัวร์ทั่วไป อาจจะต้องยอมรับเราคงคิดว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงสมรรถนะการขับขี่ที่มีความแตกต่างออกไปจากเดิมในรุ่นที่แล้ว แต่ในเรือนร่างที่ดุลุคหรูสปอร์ตนิ่งขึ้นกว่าเดิม Chevrolet กลับแอบเปลี่ยนชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มาใช้เจนเนอร์ชั่นที่ 2 ที่มีการพัฒนามาตั้งแต่เมื่อปีกลายแต่เสียบใส่ลงในรถยนต์คอมแพ็คคาร์ Chevrolet Cruze
การไม่มีรายละเอียดเรื่องชุดเกียร์อาจจะทำให้หลายคนไม่ได้ตระหนักถึงความพิเศษมากขึ้นในตัวตนของรถยนต์ Chevrolet Captiva 2014 ที่มีการปรับชุดเกียร์ส่งกำลังใหม่ให้สนองมากขึ้นกว่าเดิม และน่าเสียดายที่เชฟวี่ไม่ยอมบอกลูกค้าว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาปรับชุดเกียร์ใหม่ น่าจะนำมาชูเป็นจุดขายในรุ่นนี้
ดีเซล..ได้ลุคหรู แต่อย่าหวังแรงหลังติดเบาะ
แม้ว่าการไม่เผยว่าชุดเกียร์มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของเทคนิคให้มีความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่ามากขึ้น แต่ในแง่หนึ่ง สมรรถนะในการขับขี่ของเครื่องยนต์ก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะที่ผ่านมา Chevrolet ยืดอกยอมรับว่า รถรุ่นที่ขายดีนั้นเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ที่อดีตผู้เขียนเคยได้สัมผัสมา และต้องยอมรับว่าเป็นรถที่ขับสนุกและเร่งได้เร้าใจจริงๆ
ในรุ่นนี้ Chevrolet Captiva ใหม่ ยังเน้นตัวตนที่มีทางเลือกสำหรับลูกค้าทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเช่นเดิม และก็เป็นโชคดีที่ครั้งนี้ Chevrolet มีการปรับสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซลจากเดิมอีกนิดหน่อย โดยต้นกำลัง VCDi ขนาด 2.0 ลิตร รุ่นปี 2014 นี้ มีกำลังเท่าเดิมที่ 163 แรงม้า แต่มีแรงบิดเพิ่มขึ้น อีก 40 นิวตันเมตร จากเดิม 360 นิวตันเมตร ให้กำลังตั้งแต่ 1,750 - 2,750 รอบต่อนาที แต่งวดนี้ แรงบิดกลับกลายเป็น 400 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที จากโรงงาน
แค่อ่านรายละเอียดทางเทคนิค ความรู้สึกแรกคือต้องแรงกว่าเดิมแน่ เพราะ ดังเดิม Chevrolet Captiva นั้นขึ้นชื่อย่างมากในการเป็นรถอเนกประสงค์ที่ทรงสมรรถนะในการขับขี่ จนขับได้ขับดีขับไม่บันยะบันยังจนลืมเลยเรื่องน้ำมัน ด้วยความมันส์จากแรงบิดในเครื่องดีเซล
งวดนี้เรารับมือเป็นไม้สองในการขับขี่จากภูเก็ตย่องไปยังเขาหลัก ซึ่งในระหว่างที่รอช่วงจังหวะที่เราจะได้สัมผัส Chevrolet Captiva ด้วยตัวเองกลับพบว่า คู่หูในการขับขี่ครั้งนี้จาก Maxim กลับขับ Chevrolet Captiva แบบนิ่มไปเนียนๆ ที่สำคัญ รถดูไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนเดิม แต่ในใจตอนนั้นก็เพียงคิดว่า สงสัยพี่เขาไม่ได้ขับเน้นเค้นสมรรถนะเหมือนตัวผู้เขียนเอง
เวลาของเรามาถึงแล้วหลังปรับเบาะนั่งท่าขับเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางใน Chevrolet Captiva 2.0 ลิตรดีเซล แต่เมื่อกดคันเร่งเต็มบาทาครั้งแรก...ลงไปในรุ่น 2014 หวังว่าเทอร์โบนั้นจะพาเราสนุกสนานหลังติดเบาะจากแรงบิดที่มากถึง 400 นิวตันเมตร
แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อรถออกตัวอย่างผู้ดี แต่ถามว่าวิ่งไหม..ก็ต้องตอบว่าวิ่งนะ!! เพียงแต่มันได้ดึงปั้ปเร่งปรู๊ดให้ได้รู้สึกสนุกสนานในการขับขี่ เหมือนในรุ่นก่อนที่คลึงคันเร่งก็มันส์แล้วรู้สึกคันทุกครั้งที่อยู่บนรถ แต่ครั้งนี้เจ้าเครื่องยนต์ตีเซลที่ไม่ได้ให้แรงบิดอย่างต่อเนื่องแบบ Flat torque อาจจะเป็นคำตอบที่แตกต่าง เพราะเราตรวจสอบในเรื่องของอัตราทดเกียร์แล้วไม่มีอัตราทดใดแตกต่างจากเดิม
หากชุดเกียร์อัตโนมัติเจนเนอร์ชั่นที่ 2 นั้นกลับทำให้รถมีความนิ่มนวลขึ้นกว่าเดิมในช่วงระหว่างการต่อเกียร์ ที่คุณจะไม่รู้สึกกระแทกกระทั้นกระชากระว่างเกียร์ หากจะให้ความรู้สึกที่นิ่มนวลมากจนแทบเหมือนจะไม่มีรอยต่อระหว่างอัตราทดในชุดเกียร์ และมันช่วยทำให้ความรู้สึกหรูดูดีขึ้นในสายตาเรา
การเร่งไม่เร้าใจอาจะเรียกว่ามันทำให้ Chevrolet Captiva 2014 สูญเสียตัวตนในการขับขี่ที่สนุกเร้าใจไปอย่างน่าเสียดา ถึงจะได้แรงบิดมากขึ้นกว่าเดิมก็ตามที แต่เมื่อรถดูอืดถึงจะมีแรงบิดสูงสุดมากขึ้นกลับไม่ตอบโจทย์ย่างที่คิด โดยเฉพาะในยามเร่งแซง ที่ทำได้เพียงพอไปวัดไปวาได้ แต่ไม่สามารถเสี่ยงในช่วงที่ไม่มั่นใจได้
และเป็นโชคดีของ Chevrolet Captiva ที่เรามาขึ้นช่วงเขาหลักทาง 2 เลน ที่ตรงหน้าเราก็เหมือนเป็นโชคดีเสียเหลือที่เรามาเจอะรถทัวร์เจ้าถิ่นแถมมากับรถ 18 ล้อขนของตรงหน้า
ตอนนี้ขบวน Chevrolet Captiva ติดเป็นทางยาว มีทางเดียวคือการเร่งแซง เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้สมรรถนะ Chevrolet Captiva 2.0 Diesel กันต่อในช่วงระยะทางที่เหลืออีกไม่ไกลนัก
ทางเขาโค้งสูงชัน อาจจะคิดว่ามันยากแต่กับ Chevrolet Captiva 2.0 ดีเซลนั้น มันมาพร้อมแรงบิดที่เหลือเฟือ 400 นิวตันเมตร เราเร่งโดยใช้เกียร์ D ธรรมดาเหมือนคนทั่วไป แต่ก็ยันคันเร่งสุด แล้วหักขวาออกเร่งแซง เราแซงออกสวนเลนอย่างรวดเร็วแต่สไตล์ผู้ดีไม่รู้สึกดิบเถื่อนในรุ่นที่ผ่านมา จนมาถึงช่วงเนินต่ำๆ ซึ่งเราวัดใจกับรถทัวร์ ถ้ารถสวนมาก็ต้องกลับต่อคิวหน้ารถ 18 ล้อ หาก Chevrolet Captiva ก็ยังวิ่งแซงเนิบๆ บนเนินชัน แต่เริ่มสัมผัสได้ถึงแรงม้าที่เริ่มเข้ามามีบทบาท ในการเร่งมากขึ้น และท้ายที่สุดเราก็แซงอุปสรรคสำคัญได้ เพียงแต่ไปแบบผู้ดี
หลังจากช่วงสำคัญเราลองจับอัตราการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลดู พบว่ามันไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากเดิมเลยแม้แต่น้อยเป็นการยืนยันว่าชุดเกียร์ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงในเรื่องอัตราทด โดยในช่วงความเร็ว 90 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องยนต์ 1800 รอบต่อนาทีที่เกียร์ 6 และที่ 120 ก.ม./ช.ม. ใช้เพียง 2,400 รอบต่อนาที
ลงมาจาก Chevrolet Captiva 2.0 ดีเซล ต้องยอมรับว่ารุ่นนี้ไม่ประทับใจอาจจะด้วยแรงบิดที่เปลี่ยนเป็นความนุ่มนวลขึ้น เพื่อสนองตัวตนความหรูหราที่มากกว่าเดิม การตอบสนองแรงบิดมากขึ้นเป็น 400 นิวตันเมตรอาจจะไม่ใช่อย่างที่หวังมาก ส่วนหนึ่งเพราการตัดสินใจถอด Flat Toque ออกไป
ทว่าเมื่อมองภาพรวมตัวตนจากเครื่องยนต์ไปจนถึง การออกแบบช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกเบากว่าเดิมแต่เกาะถนนมากขึ้น แถมความนุ่มนวลเข้ามาตอบโจทย์ในการขับขี่มากขึ้นก็ยิ่งช่วยให้สัมผัสทางด้านความเป็นรถอเนกประสงค์หรูของ Chevrolet Captiva 2014 ชัดขึ้น และยกระดับรถไปอีกขั้น
เบนซินดีขึ้นสมรรถนะที่ได้ใจ
ที่จริงตั้งแต่เปิดตัวออกมารถยนต์ Chevrolet Captiva นั้น เปิดตัวชูโรงด้วยเครื่องยนต์เบนซินที่เน้นย้ำในความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ ซึ่งต้องยอมรับว่ามันเป็นรถอเนกประสงค์รุ่นแรกที่มาพร้อมกับแนวคิดในเรื่องของการออกแบบให้รถสนองต่อพลังงานทางเลือก E85 ทำให้ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงแรก ก่อนที่รุ่นดีเซลจะเปิดตัวตามมาภายหลัง
ในรุ่นที่แล้ว Chevrolet Captiva เบนซิน มาแพ้ทางในรุ่นดีเซล ตรงที่แรงบิดที่ดีกว่า และการขับขี่ที่สนุกสนนาน เมื่อลูกค้ากลุ่มที่ซื้อรถยนต์คันล้านกว่าบาทมีเงินมากพอพร้อมจ่ายรวมถึงราคาน้ำมันที่ถูกกว่าใกล้เคียงกับ E85 ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่รุ่นดีเซลจะดีกว่าในการขับขี่และได้รับความนิยมมากกว่าจากผู้ใช้
โจทย์นี้เองเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากต่อเชฟวี่ ที่ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ Chevrolet Captiva เบนซินต้องขับสนุกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมกว่าที่ผ่านมา แต่เมื่อมองแล้ว Chevrolet Captiva เบนซิน รุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ที่มาพร้อมความสามารถพลังงานทางเลือก E85 ไม่ได้มีแรงม้าต่างออกไปจากเดิมด้วยกำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
การทำให้มันขับสนุกโดยที่ไม่ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้ Chevrolet ต้องปรับการทำงานของระบบส่งกำลัง โดยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดในรุ่นปี 2014 จากที่ดูรายละเอียดทางเทคนิค พบว่ามันมีการปรับในส่วนของอัตราทดเฟืองทายใหม่จากเดิม 3.530 เป็น 3.870
แต่แค่ปรับอัตราทดเฟืองท้ายเพียงอย่างเดียวมันก็ทำให้ Chevrolet Captiva 2.4 เบนซินสามารถขับได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น ที่จริงการตอบสนองคันเร่งดีขึ้น ติดเท้ามากขึ้น ขับสนุกจนสร้างความเร้าใจเล็กๆ แม้แรงบิดจะไม่ได้มากมาย แต่สัมผัสจากแรงม้าที่ให้อัตราเร่งดีในทุกสัมผัสรอบเครื่องยนต์ไม่ว่าจะอยู่ที่ย่านความเร็วไหนก็ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวและชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จนกลายเป็นรถที่ขับสนุกมากขึ้นไม่อืดแม้ต้องขึ้นเนินเรียกว่าเหมาะสมบรรจบอย่างลงตัว
เมื่อปรับอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ รอบเครื่องยนต์ก็ย่อมปรับตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งในรุ่นใหม่ Chevrolet Captiva ใช้รอบเครื่องยนต์เพื่อการเดินทางมากขึ้นนิดหน่อย โดยที่ความเร็ว 90 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องยนต์ 2000 รอบต่อนาที โดยประมาณ และเมื่อใช้ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. มันก็ใช้รอบเครื่องยนต์ราวๆ 2600 รอบต่อนาที
สรุป เบนซินดีขึ้น ...ดีเซลเปลี่ยนตัวตน ที่เหลืออยู่ที่เลือกแล้ว
ตลอดบ่ายในช่วงที่ขับ Chevrolet Captiva กลับไปยังโรงแรมที่พักในตัวเมืองภูเก็ตก็นั่งพูดคุยสรุปกันคร่าวๆ เกี่ยวกับ Chevrolet Captiva ใหม่ รุ่นปี 2014 ที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวตนไปอย่างชัดเจน
แง่หนึ่งในการพัฒนาที่สำคัญนอกจากการออกแบบเรือนร่างที่ดูดีขึ้นเล็กน้อยในเรื่องความสปอร์ต แลหรูหรา โดยจุดเปลี่ยนปลงอยู่ที่การสร้างความสมบูรณ์แบบให้มากขึ้นนั้น เป็นส่วนที่น่าจะตอบโจทย์แก่ผู้ใช้ที่ต้องการรถที่ดุดีมีสไตล์มากขึ้น แต่ในทางกลับกันภายในห้องโดยสารกลับไม่ได้มีการปรับรายละเอียดมากมายนักจากรุ่นเดิม ยกเว้นระบบปรับอากาศแยกซ้าย-ขวาที่ลงตัวมากขึ้นเรื่องความสบาย
ทางด้านสมรรถนะการขับขี่เครื่องยนต์ดีเซลปรับแรงบิดเพิ่มอีก 40 นิวตันเมตรจาก 360 เป็น 400 นิวตันเมตรเป็นเรื่องที่ฟังดุดี แต่การจบรุ่นในเรื่องแรงบิดต่อเนื่อง Flat Torque นั้น ทำให้อรรถรสในการขับขี่ที่เร่งเร้าใจต่อเนื่องหายไปเป็นปลิดทิ้ง
เรื่องนี้จะไปโทษชุดเกียร์ใหม่ไม่ได้ เพราไม่มีการปรับเรื่องของอัตราทดใหม่สักตำแหน่งเดียว แม้อาจจะต้องยอมรับว่าการออกแบบวิศวกรรมเกียร์อัตโนมัติใหม่จะเน้นที่ความนุ่มนวลมากขึ้น แต่แรงบิดที่เพิ่มก็น่าจะต้องตอบโจทย์ได้ และ 40 นิวตันเมตรก็มากพอที่จะแตกต่าง แต่กลับกลายว่ารถเร่งแบบผู้ดี ซึ่งก็ดีสำหรับคนที่ชอบรถหรูเร่งดีไปเรื่อยๆ ทว่ามันไม่เร้าใจแบบเครื่องดีเซล
อย่างไรก็ดีในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินกลับทำได้ดีขึ้น และขอซูฮกว่า รุ่นนี้กลับทำให้มันขับสนุกยิ่งกว่าด้วยการเร่งที่ติดเท้ามากขึ้น แถมชุดเกียร์ยังมีความนุ่มนวลมากขึ้น และน่าจะเรียกว่าเป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดใน Chevrolet Captiva 2014
ตัวตนที่ให้ความรู้สึกที่หรูหรามากขึ้น Chevrolet Captiva 2014 ยังเน้นในความเป็นอเนกประสงค์ผู้ดีที่เร้าใจในการขับขี่มากขึ้นในเครื่องยนต์เบนซิน แต่ดีเซลกลับเน้นความนิ่มนวลมากขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่ามันนิ่มนวลเกินไป จนทำให้ขาดธรรมชาติความเป็นรถที่มีรอบเร่งแรงบิดสูงในรอบต่ำขับสนุกเร้าใจ แต่ทั้งหมดนั้น Chevrolet Captiva ยังลงตัวตรงที่มันเป็นรถอเนกประสงค์ตัวตนหรูที่ยังมีราคาที่จับต้องได้ ..ในตลาดปัจจุบัน
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณ บริษัท เชฟโรเล็ต เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมทดสอบรถยนต์ Chevrolet Captiva 2014
ผลการทดสอบ Chevrolet Captiva 2014
สิ่งที่ชอบ >>> เครื่องยนต์เบนซินมีการปรับปรุงสมรรถนะที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
สิ่งที่ไม่ชอบ >> เครื่องยนต์ดีเซลมีแรงบิดมากขึ้นแต่ไม่เร้าใจเหมือนเดิม ขอวอนให้เอาแรงบิด Flat torque กลับมาด้วยเถิร
สิ่งที่อยากให้มี >>> ยังมีออพชั่นหรูบางอย่างที่เติมเช่น หลังคอซันรูฟ เป็นต้น ลองพิจารณาดูบ้าง
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> ในรุ่นนี้เบนซินดีกว่าชัดเจน ด้วยพลังงานทางเลือก E85 แต่ดีเซลก็จะได้ความรู้สึกนิ่มนวลมากขึ้น แต่ก็ยังตอบสนองได้ดี
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY566]