Full Review : Nissan X- Trail 2.0 E CVT 2WD หรูมีสไตล์หัวใจอารมณ์สปอร์ต
- โดย : Autodeft
- 4 มิ.ย. 58 00:00
- 38,015 อ่าน
มาแล้วกับบททดสบรถยนต์ฉบับเต็มแห่งแรกของไทยที่มีโอกาสจับรถยนต์ Nissan X Trail 2.0 E 2WD คันนี้ขาดแค่บางออกชั่น แต่สมรรถนะยังเลศ
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
“มีวีดีโอครับ” ...คำพูดวลีเดียวกันนับสิบของ คุณ ประพัฒน์ เชยชม ที่พูดในวันเปิดตัวรถยนต์ Nissan X Trail จนกระทั่งผมแอบต้องหยิบนำมาแซวบนโซเชี่ยลว่า ระบบช่วยขับขี่อะไรมันจะเยอะขนาดนั้นในรถยนต์อเนกประสงค์คันใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวออกมาได้จับจิตโดนใจใครหลายคน
และให้หลังไม่นานก็มีโอกาสไปสัมผัส Nissan X-Trail 2.5 V CVT 4WD สมรรถนะจับจิตโดนใจ จะว่าไปแล้วตั้งแต่ตอนเปิดยังจำได้ว่าการเปลี่ยนแปลงหลักใน Nissan X Trail ใหม่กลับอยู่ที่เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ขุมพลังใหม่ล่าสุดที่หลายคนอยากจะลองสัมผัสกันสักที
พบ Nissan X Trail ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สาม แต่ทุกครั้งที่พบเจ้ารถยนต์อเนกประสงค์ชั้นนำคันนี้จาก Nissan ยังคงทำให้เรารู้สึกถึงความหล่อเหลาของมันในการออกแบบถึงใจผสานระหว่างความหรูหราเข้ากับความสปอร์ตในการออกแบบ ตามสโลแกนว่า Be Exclusive ให้ความรู้สึกดูหล่อเหลาแต่ยังดุดันไปพร้อมกันตามสไตล์ของรถยนต์อเนกประสงค์ที่ให้ภาพลักษณ์ของความภูมิฐาน
กระจังหน้ารูปตัว V โครเมี่ยมตรงหน้ากล่าวทักทาย ดูลงตัวเข้ากับโคมไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ ในโคมยังคงมีไฟ Day Time Running Light มาให้ ทรวดทรงบูมเมอร์แรงโชว์ลุคสปอร์ตทันสมัยและตอบความดุดันไปพร้อมกัน จะว่าไปเทียบกับรุ่น 2.5 ลิตรแล้ว มันแทบไม่มีความแตกต่างจนคนภายนอกจะสังเกตได้ เว้นเพียงล้ออัลลอยถูกปรับลดขนาดมาเหลือขอบ 17 นิ้ว จัดมาพร้อมยาง 225/65/ R17 และขาดระบบเปิด-ปิดประตูท้ายอัตโนมัติ ออพชั่นที่หลายคนอาจจะอยากได้ รวมถึง Nissan XTrail 2.0 E ยังไร้ราวหลังคา ส่งให้รถมีสไตล์สปอร์ตมากกว่าลุคลุย
ด้านขนาดมิติตัวถังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างรุ่น Nissan X- Trail 2.0 E CVT ยังคงความยาวเหมือนรุ่น 2.5 ที่สัมผัสไปก่อนหน้านี้ มันถูกออกแบบให้มีความยาว 4,640 มม. กว้าง 1,820 มม. และสูง 1,720 มม. มาพร้อมฐานล้อกว้าง 2,705 มม.
เปิดประตูเตรียมเข้าสู่ห้องโดยสาร ทีเด็ดจนต้องร้องอุทาน เมื่อเปิดประตูออกมา เราค้นพบว่า Nissan X- Trail 2.0 E CVT ดูหรูหราอลังการมากกว่าด้วยการออกแบบ ภายในห้องโดยสารสีเบจ ไม่ว่าจะเบาะนั่งหน้าฝั่งคนขับ spinal Support Seat ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมตัวดันหลัง Lumbar Support ช่วยให้การขับขี่เป็นเวลานานๆ ทำได้อย่างสบายขึ้น ด้านคนนั่งยังคงความสบายไร้ครหาเรื่องความสบายไม่เท่าผ่านเบาะนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
มองตรงหน้าสีโทนเบจนี้ช่วยให้รถดูสว่างมากขึ้น ตรงกลางยังคงให้ระบบปรับอากาศสามารถแยกอุณหภูมิอิสระ ซ้าย-ขวา ได้ตามต้องการ ไร้ข้อกังวล ต้องมานั่งทะเลาะเรื่องใครขี้หนาว หรือใครขี้ร้อน แต่ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เห็นทีจะเป็นระบบเครื่องเสียง ที่ไม่มีระบบ Nissan Connect มันทำงานผ่านการใช้ปุ่มกดต่างๆมากมาย แสดงผลบนหน้าจอขนาด 5 นิ้ว แตกต่างจากรุ่น V ที่หน้าฟรอนท์เป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
แม้ในรุ่นถูกกว่า อาจจะดูแล้วไม่ทันสมัยไปบ้าง ยิ่งใครชอบเชื่อมต่อมือถือกับเครื่องเสียง Nissan X- Trail 2.0 E CVT ต้องขอแสดงความเสียใจ เพราะรุ่นนี้จะไม่มีการเชื่อมต่อใดๆ มาให้ เว้นแต่ช่องสัญญาณ AUX ยังดีที่มันมีช่อง USB มาให้ งานนี้ก็เตรียมเพลงมันส์ๆ แล้วพกไปเสียบแล้วกัน
การเปลี่ยนฟร้อนเอนด์ใหม่ ทำให้บนพวงมาลัยมีบางปุ่มอย่างการรับ-วางโทรศัพท์หายไป ช่วยให้มันดูไม่รกรุงรังในสายตาของเรา แต่ในยามถอยหลังออกจากซองจอด คุณจะพบว่า การแสดงผล Around View Monitor ค่อนข้างเล็กนิด และไม่ชัดเจนเท่ากับ การแสดงผลบนหน้าจอ 7 นิ้ว
เหลียวมองข้างหลังการใช้สีเบจ ทำให้ห้องโดยสารของตัวรถดูกว้างขึ้นอย่างชัดเจน เบาะนั่งแถวสองยังสามารถปรับพับในอัตรา 40/20/40 เหมือนรุ่น 2.5 ไม่มีผิดเพี้ยนที่พักแขนกลางของเบาะแถวสองเมื่อพับลงมาจะกลายเป็นที่วางแก้ว และแยกสัดส่วนกันของผู้โดยสารตอนหลังเป็นอิสระต่อกัน ช่วยเพิ่มความสบายส่วนตัวในการโดยสาร แถมยังสามารถเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้นิดหน่อยตามต้องการ
ยิ่งใครญาติเยอะเพื่อนแยะ เจ้า Nissan X – Trail พร้อมตอบโจทย์ ด้วยการรองรับผู้โดยสารผ่านการจัดที่นั่งแบบ 5+2 โดยคุณสามารถพับเปิดที่นั่งสำรองเบาะแถวสามทางด้านหลัง ที่ยังสามารถปรับพับในอัตรา 50/50 ได้ ช่วยให้มีทางเลือกในการขนคนมากขึ้น
ว่าไปแล้วความแตกต่างระหว่างการใช้สีการตบแต่งเป็นสีเบจกับสีดำในรุ่น V ส่วนตัวกลับรู้สึกว่า โทนการตบแต่งด้วยสีเบจตัดโทนการตบแต่งวัสดุดำเงาที่หลายคนเรียกว่า Piano Black ทำให้รถมีความลงตัวในสไตล์มากกว่าด้วยซ้ำไป การไม่ใช้ลายไม้อาจจะไม่ถูกใจผู้ใหญ่รุ่นเดอะ แต่การฉีกแนวของนิสสันก็ส่งความลงตัวในแบบที่แตกต่าง คุณพอจะรู้สึกถึงความดูดีสไตล์สปอร์ตที่อยู่ในยนตรกรรมคันนี้
กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ขุมพลังใต้ฝากระโปรงน้องใหม่ล่าสุด รหัส MR20DD เริ่มการทำงาน จริงอยู่ที่เราอาจจะคุ้นเคยกับเครื่องยนต์รหัส MR20DE ที่ถูกติดตั้งอยู่ใน Nissan Teana แต่ในเจ้าอเนกประสงค์คันนี้มันคือเครื่องยนต์บล็อกใหม่ล่าสุด ที่มีความน่าสนใจในตัวมันเอง
ย้อนความเล่าเครื่อง เครื่องยนต์ตระกูล MR นั้น เป็นเครื่องยนต์ที่มีความแตกต่างจากเครื่อง 2.5 ลิตร ของ Nissan โดยมันเป็นเครื่องยนต์ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Renault และ Nissan ด้วยการวิศวกรรมเครื่องยนต์เป็นอลูมิเนี่ยมบล็อกทั้งตัว แถมอัดการวิศวกรรมเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด อย่างเช่นการปัดเงาพิเศษที่ชุดกระเดื่องกดวาล์ว ,การควบคุมทิศทางการไหลเวียนของอากาศเข้าสู่ท่อร่วมไอดี , ไปจนถึงการทำให้โซ่ราวลิ้นมีความเงียบมากกว่า
[IMAGE1]
ทีเด็ดในเครื่องยนต์บล็อกตัวนี้ อยู่ที่การวิศวกรรมที่แตกต่าง ด้วยการออกแบบชุดสูบเป็นแบบ offset Cylinder Placement แนวทางการวิศวกรรมนี้ offset Cylinder นี้คือการพยายามทำให้ แนวการเดินทางของลูกสูบนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งตรงในเวลาจุดระเบิดมากที่สุด แตกต่างจากเครื่องยนต์ธรรมดาที่อาจจะมีการเอียงเล็กน้อย ซึ่งการทำให้สูบตั้งตรงที่สุดในมุมที่ตั้งฉากนั้น ช่วยลดแรงเสียทานที่เกิดในระหว่างการทำงานได้เป็นอย่างดี
และนอกจากนี้ยัง เครื่องยนต์ MR20DD ใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ หรือ Direct injection และ ยังมีระบบวาล์วแปรผันคู่ Twin C-VTC จน Nissan X Trail ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร สามารถทำกำลังสูงสุดได้มากถึง 144 แรงม้า สูงสุดที่ 6,000 รอบต่อนาที และ ยังให้แรงบิดสูง สุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ลังทั้งหมดขับลงชุดเกียร์ CVT 7 สปีด พร้อมโหมดการทำงานตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ Manual Model โดยในช่วงเกียร์ D นั้นจะมีอัตราทดอยู่ระหว่าง 2.631-0.378
แมทช์นี้การเดินทางของเรากับ Nissan X Trail ดูแปลกไปสักหน่อยเมื่อเจ้าเบนซ์ PR ของ Nissan พาเราบุกรังเก็บรถใหม่ของพวกเขาในย่านใจกลางเมือง และการวนรถลงจากลานจอดนับสิบชั้น ก็ทำให้เรารู้จักตัวตนเล็กๆของ Nissan X Trail 2.0 มากขึ้น ในการบังคับเลี้ยวผ่านชุดพวงมาลัยที่ทำได้ง่ายสะดวกสบาย
ต้องขอบคุณ Nissan ที่ทำให้รถอเนกประสงค์คันใหญ่โตๆ อย่าง Nissan X Trail สามารถควบคุมได้ดั่งใจ พวกมาลัยค่อนข้างมีระยะฟรีน้อยมาก แต่ยังมีอยู่นิดๆ ในการช่วยหน่วงการคิดตัดสินใจ ตามนิสัยคนแก่ที่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของรถคันนี้ แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งที่เคยผ่านมือมาแล้ว
การวิศวกรรมด้วยพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมระบบช่วยผ่อนแรงควบคุมด้วยไฟฟ้าแถมยังแปรผันตามความเร็วด้วยการอ่านค่าจาก Speed Sensor ทำให้ในยามความเร็วต่ำ ที่เราวนรถลงจากลานจอดนี้ มันใช้งานง่ายควบคุมได้คล่องจนไม่ต่างจากรถอีโค่คาร์คันจิ๋ว จนกล้าพูดว่าสัมผัสแรกก็ประทับใจแล้ว
การเดินทางผจญภัยในป่าคอนกรีตของเราและรถยนต์ Nissan X Trail เปี่ยมด้วยความรู้สึกสัมผัสของความสะดวกสบายในการเดินทาง การให้เบาะนั่งแบบ Spinal Support ช่วยให้คุณไม่ปวดหลังยิ่งการหุ้มหนังให้ความรู้สึกสบายตา และอบอุ่น ทำให้สามารถคลายเครียดจากรถติดได้เป็นอย่างดีอย่างทุกวันนี้ที่ไม่ว่าจะเลี้ยวซ้ายป้ายขวา ไปหนทางไหนก็รถติด จนทำให้บททดสอบในเมืองกับ Nissan X Trail 2.0 เป็นอารมณ์ของรถติดแน่นิ่งมากกว่าจะวิ่งฉิวๆ เบียดไฟแดง วัดใจกับกล้องวงจรปิดตำรวจ
ความสะดวกสบายทำให้เราได้สัมผัสความสบายในการขับขี่ และไม่เพียงแต่คนขับจะรู้สึกได้ แต่คนนั่งก็รู้สึกได้เช่นกัน เรื่องนี้ไม่ต้องถามใครอื่นไกล นอกจากคุณแม่ของผมเอง ซึ่งในยามเย็นของการทดสอบได้มีโอกาสขับรถ Nissan X Trail 2.0 ไปรับท่านจากที่ทำงาน และเมื่อท่านขึ้นมาสัมผัสเจ้าอเนกประสงค์คันนี้ ก็ถึงกับเอ่ยปากว่า “คันนี้นิสสันใช่ไหม” .... “คันนี้แหละแม่ชอบ”
ที่จริงแล้วผมเองมีเรื่องสารภาพบาปเล็กๆว่าตั้งแต่ผมขับรถเป็น คุณแม่มักจะไม่ค่อยนั่งรถที่ผมขับเสียเท่าไร เนื่องจากตั้งแต่ขับรถเป็นผมก็เป็นวัยรุ่นเลือดร้อนขาซิ่งมาโดยตลอด เรียกว่า แม่มานั่งทีไร ต้องมีช่วยเบรกทุกที แต่ใน Nissan X Trail นั้น ผมเองไม่ได้เปลี่ยนวิธีการขับขี่ที่แม้จะดูสุภาพมากขึ้น แต่ก็ยังออกแนวห่ามๆ ในการขับขี่
แต่ด้วยในรถยนต์ Nissan X Trail ใหม่ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นทางค่ายนิสสัน ได้ติดตั้งระบบช่วยในการขับขี่มามากมาย ไม่ว่าจะระบบ Active Ride Control ช่วยลดอาการโยนตัวในทางขรุขระ , Active Engine Brake ช่วยลดความเร็วอัตโนมัติขณะถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง , Active Trace Control ระบบช่วยสร้างเสถียรภาพในการเข้าโค้ง และท้ายสุดยังมีระบบช่วยออกตัวในทางลาดชั้น Hill Start Assisted ซึ่งในรุ่น 2.0 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อนี้จะถูกตัดตัว Hill Decent Control ออกไป แต่โดยรวมถูกเรียกว่าระบบ Advance Chassis Control
ระบบต่างที่ทำให้รถสามารถตอบสนองได้ดีขึ้นยังถูกผนวกเข้ากับระบบความปลอดภัยในการขับขี่ เสริมสร้างความมั่นใจในการเดินทางผ่านเจ้าพวก Active Safety System ทั้งหลาย โดยเฉพาะในระหว่างขับโดยมีคุณแม่เป็นผู้โดยสาร ซึ่งใช้ความเร็วไม่มาก แต่มีจังหวะหนึ่งที่โดนรถตัดหน้าต้องหัก ระบบช่วยควบคุมในการทรงตัว Vehicle Dynamic Control เข้ามาช่วยในการทำงาน โดยเมื่อมันรวมกับเจ้า ระบบ Advance Chassis Control แล้ว ทำให้การโยนตัวของรถที่จะต้องน่ากลัวกลับไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย นับเป็นนวัตกรรมที่สุดของรถอเนกประสงค์ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมเกินตัวจริงๆ
การขับขี่ในเมืองเดินทาง ก็มาถึงคราวที่เราจะต้อง พิสูจน์ในเรื่องความประหยัดกัน ถามไถ่นายเบนซ์ Nissan ยัดน้ำมันแก็สโซฮอลล์ 95 มาให้เรา และงานนี้เราวิ่งไป 65.9 ก.ม. แล้วเราเติมคืนถัง 8.23 ลิตร ในท้ายที่สุด จัดการใช้คณิตคิดเลขเร็ว ได้อัตราประหยัด 8.0 ก.ม./ลิตร พอดี ในสภาพป่าคอนกรีตคนเมืองรถติดบรรลัย
และแล้วก็มาถึงเวลาของการทดสอบอัตราประหยัดตามเส้นทาง Bonn Test Mode เส้นทางที่จัดวางรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายในเมืองและนอกเมืองจำลองสภาพการใช้งานจริง บนเส้นทางที่กำหนด ขับวันนี้สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อมาได้ครึ่งทางปรากฏว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจ สาดลงมาชุดใหญ่
แต่ Nissan X Trail กลับทำให้เรารู้สึกมั่นใจในการขับขี่ แม้ในยามฝนตกถนนลื่นแบบนี้ รถไม่มีออกอาการลื่นไถลแม้แต่นิดเดียว มันยังสามารถขับได้เหมือนปกติไม่มีผิดเพี้ยน แถมยามเข้าโค้งขวายาวบนสะพานพระราม 8 ที่ ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. ในสภาพถนนลื่นก็ยังทำได้อย่างมั่นใจ แม้ว่าพฤติกรรมแบบนี้อาจจะไม่มีใครทำในสภาพที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบนี้ แต่เมื่อลองแล้ว เรามั่นใจยิ่งขึ้นในเรื่องการเกาะถนนเป็นเลิศ
เปียกปอนกันมาจนถึงปั้มเป้าหมายที่เดิม มาเติมประจำจนเด็กปั้มถาม “พี่เติมเต็มถังแล้วจะมาเติมอีกทำไม” แต่ความคุ้นหน้าและรถที่เอามาไม่เคยซ้ำเขาเริ่มรู้แล้วว่าเรามาทำงาน ผลคือ เจ้า Nissan X Trail 2.0 E ทำอัตราประหยัดได้ 15.07 ก.ม./ลิตร โดยเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ไปเพียง 4.47 ลิตร ในเส้นทางทดสอบของเรา
มีรถยนต์แบบ Nissan Xtrail เชื่อเลยว่ามันไม่น่าจะใช่รถยนต์คันแรกของคุณ และส่วนใหญ่รถประเภทนี้จะถูกใช้ในการเดินทางต่างจังหวัดค่อนข้างมาก ด้วยความลงตัวในการขับขี่ ขนาดของรถ และที่สำคัญ ยังขนครอบครัวไปได้
ต้องกล่าวก่อนว่าผมเองยังไม่มีครอบครัว ..แถมล่าสุดโดยแฟนทิ้งมาหมาดๆ งานนี้ก็เลยเห็นทีจะต้องชวนเพื่อน เดินทาง อุตส่าห์ปลุกปั่นให้มากันเป็นหมู่คณะแต่ท้ายที่สุดกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เลยทำได้เพียงชวนพี่ที่สนิทมานั่งรถเที่ยวด้วยกัน ซึ่งอาจจะยังไม่ตรงกับสภาพการใช้งานจริงของหลายๆ ท่านเท่าไรนัก
การเดินทางงวดนี้เวลาที่น้อย ทำให้ผมเลือกจังหวัดกาญจนบุรี เป็นปลายทางของการเดินทาง ด้วยความใกล้และสภาพถนนที่มีทั้งรูปแบบ ทางหลวงสี่เลน,เลนสวย ตลอดจนลักษณะเส้นทางโค้งต่าง หลากรูปแบบรองรับการทดสอบ
ในระหว่างทาง Nissan X Trail ยังย้ำในความสบายในการขับขี่สูงสุดระหว่างการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนนั่งที่แม้ว่าผมจะยังคงใช้ความเร็วในการเดินทางก็รู้สึกว่ามันนั่งได้อย่างสบาย แถมถนนแถวนี้สิบล้อวิ่งกันสนนั่นหวั่นไหว ถนนพังเป็นแถบๆ ก็ยังให้ความนุ่มนวลในการเดินทางอย่างไม่น่าเชื่อ จนมันกลายเป็นรถที่ผมรู้สึกว่าอาจจะต้องเก็บเงินมาคบหาเป็นของตัวเองบ้างแล้ว
และแล้วเมื่อมาถึงจังหวัดกาญจนบุรี ณ สี่แยกที่จะเลี้ยวขวาไปทางเชื่อศรีนครินทร์ สัญญาณไฟเขียวตรงหน้า แต่รถหน้าดันขับช้าชิดขวา ผมรู้สึกหงุดหงิดใจ ตามนิสัยคนกรุง ที่ต้องเร่งรีบทุกสิ่งผมแซงซ้ายขึ้นผ่านหน้า ในขณะที่ลุงกระบะชาวบ้านยังเอื่อยเฉื่อยโดยไม่สนใจสัญญาณไฟ
ผมเหลือบมองเข็มความเร็วอยู่ราวๆ 140 ก.ม./ช.ม. ในระยะ 50 เมตรผมเบรกเล็กน้อย แล้วหักขวาเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทาง รถเข้าโค้งอย่างรุนแรง ซึ่งถ้าเป็นอเนกประสงค์อื่นผมว่างจะต้องรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงมากกว่านี้ แต่ใน Nissan X Trail 2.0 มันกลับ เหมือนเราเข้าโค้งธรรมดา ๆ รถดูนิ่ง แม้ว่า ระบบกันสะเทือนทางด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์จะช่วยอำนวยการควบคุมในการขับขี่ แถมยังมาพร้อมเหล็กกันโคลงทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังอยู่แล้ว แต่มันก็สร้างความประทับใจปนประหลาดใจให้เราเกินคาด แม้ว่าการเข้าโค้งแรงขนาดนี้ อาจจะมีบ้างที่ ในจังหวะสุดท้ายรถจะออกอาการท้ายปัดนิดหน่อย ทว่าก็ยังอยู่ในอาณัติการควบคุม
ขับไปกลับ กาญจนบุรีงวดนี้ทางไม่ยาวแต่ได้ครบรส โดยในช่วงขากลับใช้ความเร็วเพิ่มนิดหน่อยมาเป็น 130 ก.ม./ช.ม. เป็นความเร็วสูงสุด มิหนำซ้ำ ยังต้องฝ่าฝนกลับกทม. แต่ท้ายสุดแล้วเจ้า Nissan X Trail ใหม่ ทำความประทับใจด้วยระยะทางรวม 478.2 ยังวิ่งได้อีก 277 กม. ถังน้ำมันเจ้า Nissan X Trail มีความจุ 60 ลิตร หาอัตราประหยัดตามสูตร เราได้ 12.58 ก.ม./ลิตร
ลองจริงจัง สมรรถนะ ความลงตัวสปอร์ตในจิตวิญญาณ
โดยรวมๆ แล้ว สมรรถนะของ Nissan X Trail นั้นไม่ได้เป็นสองรองใครเลย แต่ใครจะคิดว่า สมรรถนะของอเนกประสงค์คันนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ....เราจัดมาให้แล้วใน Performance mode
การทดสอบ Performance mode ของเราเป็นประจำ ณ ที่เก่าเวลาเดิม ขอไม่เปิดเผยเพราเดี๋ยวสีกากีจะมาซิวผมเข้าตารางไปเสียก่อน โดยการทดสอบของเราเริ่มจากอัตราเร่ง 0-100 ก.ม. และ 80-120 ก.ม./ช.ม. ซึ่งได้ผลดังนี้
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
0-100 ก.ม./ช.ม. |
10.02 |
10.00 |
9.68 |
9.90 |
80-120 ก.ม./ช.ม. |
10.00 |
10.00 |
10.00 |
10.00 |
จากการทดสอบเราค้นพบว่า Nissan X Trail 2.0 ค่อนข้างมีการตอบสนองจากเครื่องยนต์ที่ดี แม้ว่าเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร อาจจะให้ความรู้สึกในอัตราเร่งไม่เท่ากับรุ่น 2.5 ลิตร เหมือนที่เคยสัมผัสมา หากแต่สมรรถนะที่ได้ออกมากลับทำได้อย่างน่าพอใจ ด้วยอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ดีที่สุด 9.68 วินาที ถ้าคุณเป็นแล้วเร่งเต็มบาทาจัดเต็มตีน อวดสมรรถนะกับผู้ท้าชิง
ในขณะที่ช่วงมาเร็วกลางก็เสถียรจนน่าสนใจด้วยอัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม ได้เวลา 10 วินาที เท่ากันหมด บ่งบอกถึงความลงตัวในการทำงาน แต่ที่น่าสนใจคือระหว่างเร่งนั้นชุดเกียร์ CVT ใน Nissan X Trail จะให้ความรู้สึกคล้ายในเกียร์อัตโนมัติ มันไม่ได้เร่งแล้วค้างแข็งทื่อแช่ที่รอบแรงม้าสูงสุด แต่กลับมีการตบจังหวะเกียร์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้ Manual mode ในการขับขี่ ทำให้ความรู้สึกในการเร่งค่อนข้างได้ความสปอร์ตคล้ายในเกียร์ธรรมดาค่อนข้างมากพอสมควร
เรื่องความเร็วสูงสุด ในเมื่อมีคนใคร่รู้ เราก็พร้อมเสี่ยงตายหาคำตอบ ด้วยการเร่งในเส้นทางถนนที่โล่งตรงยาวราว 3 ก.ม. แห่งหนึ่ง เมื่อกดคันเร่งไปแล้วในช่วงแรก Nissan X Trail จะไต่ระดับความเร็วดีมากๆ มันใช้เวลาไม่นานในการเร่ง 0-100 ก.ม. และต่อเนื่องไปยัง ช่วงความเร็วสูง แต่ความเร็วจะเริ่มเร่งช้าลงเมื่อคุณขยับเกิน 160 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป การไต่ช้านี้ทำให้ช่วงความเร็วสูงต้องใช้ระยะทางวิ่งค่อนข้างมากเล็กน้อย ยิ่งหลังจาก 180 ก.ม./ช.ม. จะยิ่งช้าลง แต่ถ้าคุณมีถนนมากพอเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ใน Nissan X Trail จะจบที่ความเร็ว 190 ก.ม./ช.ม. ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะเพราะล๊อคความเร็วจากระบบเอาไว้
ลองสั้นๆ E20 ก็ยังประทับใจ
ตลอดเวลาที่ควงรถยนต์ Nissan X Trail ในการทดสอบมันก็ตอบโจทย์ในเรื่องการใช้งานได้อย่างลงตัวเกินคาด แต่เมื่อกล่าวถึงความประหยัดแล้ว กลับน่าเสียดายที่มันรองรับพลังงานทางเลือก เหมือนคู่แข่งที่พร้อมตอบโจทย์เรื่องประหยัดเงินในกระเป๋าผู้ใช้
การไม่ตอบเรื่องพลังงานทางเลือก..ทำให้ Nissan X Trail คงใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์สูงสุดได้เพียง E20 เท่านั้น และเรามีโอกาสที่จะลองหาความประหยัดในน้ำมัน E 20 ในรถอเนกประสงค์คันนี้ดู
การเดินทางไกลไปทำธุระยังหัวหิน เพื่อความประหยัดเราจึงขับน้ำมันแก๊สโซฮอลล 95 จนติดแดง เหลือระยะทางวิ่งอีกไม่เกิน 50 กิโลเมตร ก่อนจะเติมพลังงานทางเลือก E20 แล้วเดินทางไปยังปลายทาง หัวหิน
การขับด้วยความเร็ว 120-140 ก.ม./ช.ม. เราได้สังเกตว่า น้ำมันพลังงานทางเลือก E20 ค่อนข้างให้การตอบสนองที่กว่าอย่างชั้นเจน ที่หน้าปัดโชว์ตัวเลขอัตราเฉลี่ยที่เรายังตกใจ เพราะ ตอนขับด้วยแก๊สโซฮอล 95 ก็ยังทำได้ไม่ถึง แต่เมื่อมองว่า E20 นั้น มีค่าออกเทนมากกว่า มันก็แลดูมีความเป็นไปได้มากขึ้น และตลอดการเดินทางไปกลับกรุงเทพ-หัวหิน เราค้นพบว่า บนหน้าปัดแสดงอัตราประหยัดถึง 12.7 ก.ม./ลิตร
และอีกวันก่อนที่เราจะนำรถไปคืน Nissan ได้ลองขับทดสอบสั้นๆ เราค้นพบว่า เจ้า Nissan X Trail 2.0 2WD คันนี้ยังพอจะให้ความประหยัด 11.1 ก.ม./ลิตร
Nissan X Trail 2.0 E หล่อคันนี้คุ้มเกินตัว
คุณว่าการหารถยนต์สักคันมาคู่กายต้องมีโจทย์อย่างไร สำหรับผม ในฐานะนักทดสอบรถยนต์ที่ผ่านมือมาแล้วมากมาย สมรรนถะในการขับขี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่ก็อย่าแปลกใจถ้าจะค้นพบว่า รถสมรรถนะดีมักจะออแบบมาไม่ค่อยโดนใจอย่างที่วาดหวัง หรือบ้างเน้นสมรรถนะอย่างเดียว จนลืมเรื่องของความปลอดภัยที่ควรจะครบครัน
Nissan X Trail 2.0 E อาจจะไม่ใช่รุ่นท๊อปของรถอเนกประสงค์รุ่นนี้ แต่ส่วนตัวว่า มันค่อนข้างจะครบครันลงตัวคุ้มค่าที่จะจับจองเป็นเจ้าของอย่างไม่ต้องสงสัย
จริงอยู่ ความที่มันไม่ใช่รุ่นท๊อปทำให้ขาดออพชั่นบางอย่างไปอย่างน่าเสียดาย เช่น ประตูท้ายเปิด-ปิด อัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้า หรือถ้าในเรื่องของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
หากว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรใต้ฝากระโปรก็ไม่ขี้เหร่ให้ใครประณามเหยียดหยาม ในครั้นตอนผมเดินทางไปหัวหิน ช่วงในระหว่างการทดสอบ E20 นั้น ปรากฏว่าโดน Nissan Teana 2.5 XV ซึ่งไม่แน่ใจว่าพี่ท่านจะรีบไปไหนมาจี้ ก็เลยจัดหนักลองดูกันสักตั้ง ความเป็นอเนกประสงค์ทำให้เราเสียเปรียบอยู่บ้าง ในเรื่องการมุดเปลี่ยนเลน หรือ โยกขยับจังหวะ แต่ด้วยระบบช่วยเหลือต่างที่มีมากมายในรถ ทำให้เราควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ
แม้ว่าในความเป็นจริงเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ย่อมไม่สามารถสู้เรื่องอัตราเร่งของเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ได้อย่างแน่นอน แต่ว่า ถ้าคุณมองหาเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรที่ความสามารถมากพอ ที่คุณจะใช้ความสามารถในการขับขี่ที่เหลือไล่บี้ รถซีดานกลางเกรียนๆ เครื่อง 2.5 ลิตร แล้วล่ะก็ MR20DD นี่แหละ น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสม น่าเสียดายที่มันจะ
ความลงตัวในการขับขี่และสมรรถนะ ตลอดจนความมั่นใจในการเดินทาง เมื่อบวกรูปลักษณ์ที่สวย Nissan X Trail ใหม่เป็นรถยนต์ที่เข้าขั้นคำว่าสมบูรณ์แบบในสายตาของเรา แถมราคาค่าตัวก็ไม่ได้แรงอย่างที่คิด ....แล้วทำไมคุณถึงไม่อยากเป็นเจ้าของมัน
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
ขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ Nissan X Trail 2.0 E มาให้เราได้ทดสอบ
รถทดสอบ Nissan X Trail 2.0 E 2WD
ราคาจำหน่าย 1,246,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> เรือนร่างที่ออกแบบมาอย่างลงตัว สมรรถนะที่เลิศเลอในการขับขี่ จากเครื่องยนต์ และระบบช่วยในการขับขี่ ตลอดจนห้องโดยสารที่ออกแบบมาเรียบง่ายแต่ดูดี มันย่อมทำให้คุณหลงใหลอย่างแน่นอน
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> พื้นที่เบาะแถมสามที่ยังแคบไป แม้ว่าจะเข้าใจได้ว่าเป็นที่นั่งสำรอง
สิ่งที่อยากให้มี >>> อยากให้ทีมวิศวกรกลับไปจูนเครื่องยนต์ให้สามารถใช้งานน้ำมัน E85 ได้ และอาจจะมีออพชั่นประตูไฟฟ้าให้เลือก สำหรับคนที่ไม่ได้มีความต้องการอยากซื้อรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ และน่าจะมีสีเบจที่ตบแต่งเป็นลายไม้เพิ่มมาเป็นทางเลือก
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >> มันคือ อเนกประสงค์ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด ณ เวลานี้ อย่าให้ขนาดเครื่องยนต์มาเป็นข้อกังวลใจในการเลือกซื้อ เพราะสมรรถนะของมันนั้นไม่เป็นสองรองใคร
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1412]