Full Review : Mitsubishi Triton Double Cab 4WD GLS LTD M/T ลุยทุกที่มันส์ทุกทาง ... มันไม่ธรรมดาในกระบะคันนี้
- โดย : Autodeft
- 7 มิ.ย. 58 00:00
- 39,270 อ่าน
พบที่สุดของการทดลองขับเจ้า Mitsubishi Triton Double cab ใหม่ รุ่นเกียร์ธรรมดา ขับเคลื่อนสี่ล้อ สมรรถนะลุยที่ลงตัวเกินคาดจัดเต็มทุกอนูการขับขี่
เปิดตัวออกมาแล้วในท้ายที่สุด เมื่อพูดถึงกระบะจากค่ายรถยนต์ชั้นนำรายหนึ่งที่หลายคนต่างจับตาการมาของมัน หลังจากที่ครองใจคนไทยด้วยความนิยมชมชอบจากสาวกมาแล้วตลอดหลายสิบ และการกลับมาในครั้งนี้ ค่ายรถยนต์รายดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้สาวกผิดหวัง ..แต่หงายไพ่ตายใบสุดท้ายออกมานี้ กลับทำให้บางอย่างดีขึ้นไปโดยปริยาย และคงไม่มีใครกระหยิ่มยิ้มย่องไปมากกว่า Mitsubishi
เมื่อปีกลายค่ายรถยนต์ Mitsubishi ได้แนะนำรถยนต์กระบะใหม่ที่ใครๆ ก็ว่า มันดูฉีกแนวจากเดิม ใน New Mitsubishi Triton ซึ่งในเวลานั้นหลายคนกังขาในเรื่องการออกแบบตัวรถที่ดูล้ำสมัย จะเอาหรูก็ไม่เชิง สปอร์ตก็ไม่ใช่ ถึกทนทายากก็ยังไม่เข้าที่อันใด ....จนท้ายที่สุดหลังจากพบหลายครั้งหลายครา ส่วนตัวคิดเอาเหมาว่า Innovative Pick Up น่าจะเหมาะที่สุด
“นี่พี่ลั่นวาจาเลยนะว่า .....เปิดตัวเมื่อไร ยอดขายเราจะดีขึ้นทันที” ประโยคที่เกิดขึ้นภายในวงสนทนาผ่านวิทยุสื่อสารในระหว่างที่เรากำลังเดินทางสู่สวนผึ้ง ภายใต้ภารกิจสำคัญ ที่ไม่มีใครจะกล้าลองดีกับเจ้ากระบะรุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวออกมาอย่างมากมาย
ความจริงแล้วการพบ Mitsubishi Triton ครั้งนี้ ต่างจากหลายครั้งที่ผ่านมา ด้วยเรามีโอกาสที่จะนั่งกุมบังเหียนในหลากสถานการณ์การขับขี่ ไปในที่ๆคุ้น ไปจนถึงนอกเส้นทางใหม่ๆ ซึ่งทำให้เราเริ่มเข้าใจรถมากขึ้นอย่างชัดเจน
สำหรับนักทดสอบรถยนต์ท่านอื่นอาจจะมองการทดสอบรถ ก็คือการขับรถแล้วมาเล่าให้ฟัง แต่กับผมกลับมีความคิดว่า การทดสอบแต่ละครั้ง มันไม่ต่างอะไรจากการออกเดทกับสาวเจ้า บางคนเห็นหน้าทีแรกทรวดทรงองค์เอว บอกเลยว่ามันน่ามาก แต่เมื่อขับก็ประดุจกับรู้จักนิสัยใจคอบวกลีลา บ้างก็ดีพอใช้ บ้างก็เข้าทีจนน่าจับเป็นเจ้า แต่...ที่ผ่านๆมา คำว่าดีเยี่ยม น้อยมากที่จะหลุดจากปากผมเอง
ย้อนกลับไปสักสัปดาห์ก่อนหน้าที่ผมจะเดินทางสู่ สวนผึ้งราชบุรี พี่จิม ...พีอาร์จากค่ายมิตซูบิชิ โทรมาเล่าให้ฟังถึงภารกิจลับ ในครั้งนี้ ซึ่งทีแรกก็สองจิตสองใจว่า เอาจริงดิ!! แต่เมื่อถึงเวลาตามที่นัดหมาย การขึ้นรถเมล์ต่อรถตู้ไปยังทุ่งรังสิต จนพบกับ Mitsubishi Triton ก็หมดข้อกังขาว่างานนี้ ขับจริง ลุยจริง เอาจริง ...ไม่เสียดายรถ ว่า...มันยังใหม่อยู่!!
รับรถมาบทแรกเราก็พาน้องไทรทันเข้าเมืองกันทันที ตามภาษาคนทำงานมีภาระเยอะและงานประชุมระดมสมอง ต่อกลอนกับคู่แข่ง ในงวดนี้ เราได้ที่สุดของเจ้ากระบะทันสมัยคันนี้ Mitsubishi Triton Double 4WD มาครอบครอง เพื่อเตรียมตัวไปทำภารกิจพิเศษที่นัดหมายเอาไว้
เมื่อขับกระบะชีวิตคนเมืองคือการผจญภัยอย่างหนึ่งป่าคอนกรีตแห่งนี้พร้อมต้อนรับ Mitsubishi Triton ท มาพร้อมหน้าตาทันสมัย เริ่มจากกระจังหน้าโครเมี่ยมที่หลายคนกังขาในเรื่องการออกแบบของมันว่าดูไม่ลงตัวเท่าไรนัก
เทียบกับรุ่นที่แล้วเส้นสายการออกแบบขลับตัวตนลุคลุยน้อยลง กลายเป็นความปราดเปรียวเข้ามาทักทาย ยิ่งใครดูจากด้านข้างของตัวรถ จะชัดเจนมากๆ ว่า Mitsubishi Triton ใหม่เน้นเสน่ห์การออกแบบในความสปอร์ต กลมกลืนกับตัวตนหรู ยิ่งรถให้โคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์สามารถปรับระดับได้ ยามกลางวันยังมีไฟ Daytime Running Light มาให้เฉพาะรุ่น บ่งความพิเศษลงตัวที่ยิ่งเข้าใกล้ความเป็นเก๋ง
ล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว หน้าล้อกว้าง 7.5 นิ้ว ให้ความลงตัวพร้อมสรรพสมรรถนะด้วยยางขนาด 245/65/R 17 ในรถทดสอบ ทางมิตซูบิชิจัดยาง Dunlop Grandtrek AT20 มาใช้ แต่ในรถคุณๆที่ได้รับอาจจะแตกต่างออกไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่ การประมูลล๊อตการผลิตของผู้ผลิตชิ้นส่วน
ท้ายรถดูชัดเรื่องความสปอร์ต การเห็นมันหลายครั้งหลายคราว ทำให้เราเริ่มคุ้นเส้นสายมากขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกว่าไฟท้ายที่ให้มามันเล็กไปนิดหน่อย จริงๆ ผมกลับรู้สึกว่าสิ่งที่ขัดที่สุดในรถคันนี้และทำให้รถ เสียลุคไปอย่างน่าเสียดาย คือเจ้ากันชนท้ายมันสมัย ซึ่งดูแล้วยังขัดๆ ในความรู้สึก อย่างบอกไม่ถูก
หากว่าการออกแบบนั้นภาพรวม หลังจากคู่แข่งเปิดตัวออกมา มันปรับระดับทัศนคติของเราดีขึ้นว่า Mitsubishi Triton ไม่ได้ขี้เหร่อย่างเหมือนที่รู้สึกในช่วงแรก ๆ แต่เราก็ยังของย้ำ เอาเป็นถือโอกาสนี้กราบอ้อนวอนทีมออกแบบรถ แทนท่านผู้อ่านว่า ขอให้เปลี่ยนกระจังหน้าเถอะ หรือใครรู้จักอาซ้ออาเจ๊กนักขายของแต่งย่านคลองถมก็บอกอี ด้วยว่ารีบทำกระจังหน้าแต่งมาขายเร็วๆ...ให้ไวเลย
ในชีวิตคนเมืองทั่วไป เราอาจจะไม่ต้องการรถกระบะ แต่การมีกระบะก็เหมือนมีรถขนาดใหญ่ที่พร้อมสรรพในความสะดวกสบายในการขับขี่ และ Mitsubishi Triton ก็มีอย่างเต็มปรี่ มาให้จากโรงงาน
ตั้งแต่ที่รับรถมาเปิดประตูก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร ตอบความรู้สึกที่สบายประดุจเก๋ง การออกแบบห้องโดยสารโทนสีดำอาจจะไม่ใช่ที่ชื่นชอบของใครบางคน แต่กับเจ้ารถลุยแบบนี้มันเป็นข้อดีในเรื่องการดูแลรักษา ซึ่งตัวเบาะเอาถูกออกแบบให้มีความสะดวกสบายสูงสุดในการเดินทาง ไม่ว่าจะที่รองนั่งหรือพนักพิงหลัง ค่อนข้างทำได้ดีกระชับสรีระ ส่วนพื้นที่ด้านหลังมาพอรองรับผู้โดยสาร แม้จะลองถอยเบาะสุดแล้วก็ตาม
ข้อดีหนึ่งของ Mitsubishi Triton คือรถพยายามทำให้การออกแบบเบาะตอนหลังสร้างความสะดวกสบาย ซึ่งหลังจากดูคู่แข่งที่เปิดตัวไม่กี่วันก่อนที่ผมจะมารับเจ้าไทรทันไปทำภารกิจ ยิ่งตอกย้ำว่า มันอาจจะยังครองตำแหน่งรถกระบะต่อไป ส่วนหนึ่ง เพราะเบาะนั่งหลังมีการเอนทำองศาเล็กน้อย ทำให้ได้ท่านั่งที่สะดวกสบายในการโดยสารยิ่งขึ้น
ขณะที่ตอนนี้ตรงหน้าผม กลับมาอีกครั้งกับฟรีพวงมาลัย Mitsubishi Mirage ซึ่งภายหลังผมมาทราบเอาว่าที่จริงพวงมาลัยออกแบบคล้ายปีกนกนี้ไม่ใช่ Mitsubishi Mirage ที่ออกมาเป็นคันแรก แต่มันกลับมาจากที่สุดของรถยนต์อเนกประสงค์ของ มิตซูบิชิ อย่าง Mitsubishi Outlander
แต่ให้ตายเถอะ!! โรบิน ...บ้านเราไม่มีรถคันนี้วางขาย เว้น Mitsubishi Outlander PHEV คันแรกและคันเดียวที่วิ่งรับส่งท่านประธานในบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย ดังนั้นจึงอยากเรียนตามตรงว่า คนภายนอกเขาไม่เกทหรอก ว่านี่คือลุคดีพวงมาลัยหรูแล้ว เพราะเชื่อเลยว่าหลายคนจะต้องคิดว่า ซื้อรถราคาเฉียดล้านแต่ได้การออกแบบพวงมาลัยจากอีโค่คาร์เนี่ยนะ!! ให้ตายสิ
เรื่องแบบนี้จะโทษลูกค้าก็คงไม่ได้ ด้วยเขาหลายคนไม่ทราบภูมิหลังการออกแบบมาก่อน แต่ในความรู้สึกเราเมื่อรู้ว่ามันเป็นการออกแบบที่มาจากรถที่สูงกว่าก็เริ่มที่จะรับได้กับการออกแบบ และเมื่อรวมกับฟังชั่นใช้งานแสนสบาย ไม่ว่าจะปุ่ม Push Start ,ระบบปรับอากาศแยกอิสระซ้าย-ขวา
ไปจนถึงความบันเทิงที่จัดมาให้กับระบบความบันเทิงทำงานผ่าน วิทยุ/เครื่องเล่น DVD /MP3 ใช้งานง่ายผ่านจอทัชสกรีน ซึ่งเป็นระบบนำทางในตัวด้วยเช่นกัน ก็ทำให้รถยนต์กระบะคันนี้มีความลงตัวเรื่องความสบาย แม้ว่าเมื่อเทียบกับของค่ายพันธมิตรหักเหลี่ยมโด ที่ร่วมหัวจมท้ายกันในตอนเริ่มพัฒนาโครงการกระบะแล้ว รถคู่แข่งอาจจะดูมากกว่ แต่ท้ายที่สุด เมื่อมานั่งสวดภาณยักษ์เทียบออพชั่น มันก็ไม่ได้ต่างกันเลย
ใต้ฝากระโปรง Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 มาพร้อมเครื่องยนต์อันทันสมัย น่าจะเรียกว่าเป็นค่ายรถยนต์รายแรกที่กล้าท้าให้คุณลองเครื่องยนต์ clean Diesel ซึ่งมีสมรรถนะมากกว่าและประหยัด รวมถึงรักษาสิ่งแวดล้อมากกว่า
ความท้าทายด้วยการมีเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร Mivec Clean Diesel พร้อมระบบ VG turbo เพียงบล็อกเดียว เป็นตอบความมั่นอกมั่นใจของพวกเขาในเรื่องสมรรนถะ ที่ลุกค้าจะได้สัมผัสกำลังถึง 181 แรงม้า สูงสุดที่ 3,500 รอบต่อนาที และทำแรงบิด 430 นิวตันเมตร สูงสุดที่ 2,500 รอบต่อนาที
น่าเสียดายที่การเซทอัพจูนเครื่องไม่ได้เป็นแบบ แรงบิดต่อเนื่องหรือ Flat Torque ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์มีความน่าสนใจมากกว่านี้ ในการขับขี่ ยิ่งเทียบกับคู่แข่งหน้าใหม่ที่เปิดตัวออกมาแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
พลังจากเครื่องยนต์ ส่งลงชุดเกียร์ที่มีการปรับพัฒนาให้เหมาะสม ซึ่งวันนี้เราได้มีโอกาสสัมผัสรถยนต์ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ซึ่งใน Mitsubishi Triton พวกเขาแนะนำชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีดมาให้ได้สัมผัสการขับขี่ ซึ่งตอนทดสอบตัว Mitsubishi Triton Plus นั้น เราก็ขับรุ่นเกียร์ธรรมดาเช่นกัน และก็สัมผัสได้ถึงความลงตัว
แต่แม้ว่าชุดเกียร์ไม่ได้ปรับ เครื่องยนต์ไม่ได้ต่าง หากว่าในการขับจริงๆแล้ว คุณจะสัมผัสถึงความเร้าใจในการขับขี่ได้มากกว่าที่คุณคิดเสีย ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ทำให้คุณมีเฟืองท้ายแบบ Limited Slip เข้ามาตอบความมันส์
อย่าแปลกใจ ถ้าคุณเกิดรู้สึกว่ารถมันพุ่งมากกว่า หรือในโค้งกลับรถ คุณอาจจะเกิดอาการท้ายปัด จนเกือบหมุน ยิ่งถ้าคุณเป็นคนบาทาหินถ่วง หนักคันเร่งบ้ากำลัง ตรงนี้...ขอเตือน !!! ว่าระวังให้ดี โดยเฉพาะใครที่ชอบเร่งแรงๆ ใช้พวงมาลัยเร็วๆ บ่อยๆ เหมือนในรถเก๋ง เจ้า Mitsubishi Triton ใหม่ ไม่ใช่รถที่คุณควรจะเล่นอะไรห่ามๆ
ทว่าบางครั้งก็พอจะเข้าใจได้ว่า บางทีมันเกิดจากความไม่ตั้งใจ ไม่ต้องเอาอะไรมาก อย่างตัวผู้ทดสอบ ก็มีประสบการณ์บังเอิญ Drift !!!! กลางแยกศาลาแดงอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อ เดินทางออกจากที่ทำงานสำนักงานใหญ่ Autodeft.com ในย่านสีลม ลัดสุรวงค์มาออกตรงแยกวัดหัวลำโพงเพื่อหนีรถติด จากถนนสีลมที่ยันเข้ามาในซอยออฟฟิศ
แน่นอนการขับเกียร์ธรรมดาในเมือง คงไม่ใช่ที่หลายคนทำนักในยุคนี้ แต่กับผม มันคือความสนุกอย่างหาที่สุดไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าเจ้า Mitsubsihi Triton ใหม่ ดันเซทระยะเหยียบและระยะจากคลัทช์มาค่อนข้างสูง ทำให้ คุณต้องมีจังหวะในการขับ และหลายครั้งเหมือนว่าเป็นการกระแทกคลัทช์ออกตัว จนเอี้ยดลั่นถนน ก็มีมาแล้วด้วยซ้ำไป
ในวีรกรรมของผมแบบบังเอิญครั้งนี้ ซึ่งท่านผู้อ่านจะรู้พร้อมมิตซูบิชิว่า เกิดอะไรขึ้นกับรถพวกเขานั้น ผมออกอยู่ในสภาพรถติดหนักมาก เรียกว่าขยับเดินหน้าในหน่วยเซนติเมตร และเมื่อไฟเขียว ซึ่งจะไปได้ไม่ไกล ผมตัดสินใจว่า เอาเว้นเปลี่ยนเส้นทางไปยังราชประสงค์ เพื่อฟนี การจราจรไปทางสวนลุมพินีที่มีท้ายแถวสะสม
ผมออกตัวที่เกียร์ 1 ตามปกติ เวลานั้นผมมาถึงทางแยก และ สับเข้าเกียร์สอง โดยผมเลี้ยวซ้ายในวงนอกเพื่อเข้าเลนสาม แต่นาทีนั้น รถเกิดท้ายหลังเริ่มออกเกินวงเลี้ยวที่กำหนด มันคือ Over Steer ถ้าพูดกันในศัพท์ของนักขับ ข้างซ้ายผมเป็นแท็กซี่ ผมยังจำได้ เสียงยางล้อหลังดังลั่น ทำให้ลุงแกหันมาดู ผมยังจำได้ว่า ลุกแกทำหน้าตกใจสุดขีด แต่เสี้ยววินาทีนั้น ผมรีบสาวพวงมาลัยไปทิศทางขวา ซึ่งท้ายออกเพื่อแก้อาการของรถ มันกลายเป็นการดริฟท์ที่สมบูรณ์แบบ ตรงนั้นอย่างไม่ตั้งใจ และไม่ใช่ว่าผมอยากให้มันเกิด
หลังจากแก้ผมก็ขับตามปกติต่อมาเรื่อย สักพักเรารถติดอีกครั้ง โดยมีลุงแกมาจอดเทียบข้าง ผมชายตามองแก คงมองว่า รถนี่มันเจ๋งนะ ... แต่สำคัญกว่า .ผมว่าสติผมนี่แหละที่ทำให้รอดจากเส้นบางๆ ระหว่างอุบัติเหตุ กับเดินทางถึงปลายทางอย่างปลอดภัย และที่ทำให้ผมแปลกใจที่สุดจนต้องล้วงโบร์ชัวร์หยิบมาดูให้หายสงสัย จนค้นพบความจริงอันปวดตับว่า ระบบควบคุมการทรงตัวและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ตลอดจนระบบเสริมแรงเบรก ไปจนถึงระบบ Hill Start Assisted ไม่มีในรถรุ่นอื่น นอกจากรุ่นท๊อป
ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ฝากถึงบรรดาวิศวกร Mitsubishi ตลอดบุคคลที่เกี่ยวข้องว่า เรื่องนี้เป็นดายสองคน การไม่ให้ระบบมาอาจจะทำให้รถมีราคาถูกกว่า ก็จริง แต่รถที่มีกำลังมาก ตอบสนองดี มีแรงบิดเยอะ ควรจะมีระบบช่วยเหลือในการขับขี่ มาให้โดยเฉพาะ ระบบควบคุมการทรงตัว หรือ ESP เพื่อป้องปรามการเกิด Over Steer ซึ่งมีนักขับที่มีทักษะขั้นสูงเท่านั้นที่จะมีสติมากพอจะแก้มันได้ ถามผม รู้สึกว่ามันควรน่าจะมีมาให้ด้วยโดยเฉพาะใน Mitsubishi Triton Double Cab 4 WD ซึ่งในระบบขับเคลื่อนมีเฟืองท้ายแบบ Limited Slip ที่ให้มาเพื่อตอบเรื่องการลุย แต่ยามอยู่บนถนน ความฉลาดของเฟืองท้ายทำให้บ่อยครั้งที่มันจะท้ายไหล แบบที่ผมเจอ ... คิดง่ายๆ ว่าถนนแห้งยังขนาดนี้ แล้วถ้าถนนเปียก ปรากฏลูกค้าขับรถแรง ...มิหวังว่าต้องเลือกซ้ายหรือขวาเลยหรือครับ และท้ายสุดหลังรีวิวรถคันนี้มีโอกาส พลิกดูรถยนต์กระบะใหม่ๆ หลายรุ่นก็มีระบบ ควบคุมการทรงตัวมาให้ แล้วหรืออย่างน้อยที่สุด ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
ยามเย็นรถติดจนสามารถลงมาเดินเล่นถ่ายรูป พลันเห็นคนลงจารถเมล์เดินไปต่อรถไฟฟ้า คงไม่ต้องบรรยากาศความย่ำแย่ของสภาพการจราจร แต่ท้ายที่สุด แม้จะติดขนาดนี้ Mitsubishi Triton ยังสามารถประทับใจในความประหยัด ด้วยระยะทางการใช้งาน 106.6 กิโลเมตร เราเติมน้ำมันคืนถังไป 10.28 ลิตร คิดเป็นอัตราประหยัด 10.36 ก.ม./ลิตร
จะว่าไปเมื่อเทียบกับสภาพการจราจรคนเมืองทุกวันนี้ที่มหาหินสุดคำบรรยาย รถกระบะ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 ก็ยังประหยัดในการใช้งาน
ถึงจะพูดว่าประหยัด แต่ตามธรรมเนียมเราแล้ว รถทุกคันที่เรานำมาทดสอบด้วยตัวเองอีกหน มันจะถูกทดสอบในโหมดการขับขี่ Bonn Test Mode ถนนหนทางที่เราจัดเต็มในแบบอัตราประหยัดเฉลี่ยระหว่างทางในเมืองและนอก ซึ่งวันนี้ทุกอย่างเป็นใจเราเริ่มออกเดินทางในการทดสอบอัตราประหยัด
การขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 120 ก.ม./ช.ม. ตามสภาพในการใช้งานจริง สภาพไร้ฝนในวันนี้ ช่วยให้เราพอจะตอบความรู้สึกระบบกันสะเทือน ซึ่ง Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 เซทช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกอิสระสองชั้น คอยย์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ในขณะที่ทางด้านหลังเป็นแหนบหลายแผ่นซ้อนพร้อทโช๊คอัพไขว้
ให้พูดแล้ว เรารู้สึกว่า การเซทระบบกันสะเทือนใน Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเกินตัว มันให้ความรู้สึกถึงความเป็นเก๋ง รถมีความนุ่มนวลในการขับขี่มากพอที่จะให้คุณขับหรือพาผู้โดยสารเดินทางไกล และเช่นกัน ก็ยังมีความรู้สึกแบบกระบะดิบในสไตล์ช่วงล่างแข็งผสมอยู่ด้วย เป็นสูตรที่ผมว่าค่อนข้างที่จะลงตัว
แม้ว่าทุกวันนี้หลายค่ายรถยนต์ค่อนข้างพยายามอย่างยิ่งยวดในการทำรถกระบะให้มีความรู้สึกในการขับขี่คล้ายรถเก๋งมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดและรถกระบะ ก็คือกระบะ มันต้องมีความสามารถที่ยังจะสามารถตอบได้ โดยเฉพาะความพร้อมในการเตรียมรับการบรรทุก เมื่อต้องการ
การขับวันนี้เจออุปสรรคเล็ก เมื่อผมดันมาเจอแก๊งรถซิ่ง ทีม Don’t Worried ที่เล่นปิดอุโมงค์พระราม 5 ในคืนนี้ชั่วครู่เพื่อสนองความต้องการของความกลัดมันส์อยากถ่ายรูป โชว์รถ....แน่นอนเรื่องนี้มันไม่เหมาะสม และผมประจานออกโซเชี่ยล ซึ่งพวกเขาก็มาขอโทษ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเด็กบางคนไม่สำนึก มาขอให้ลบรูปออกจากโปรไฟล์ ส่วนตัว ผมก็ยินดีจะทำให้ แต่มันคงไม่ง่ายนักเมื่อผู้อ่านต้องรู้ว่า Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 ต้องติดท่ามกลางพวกปลวกนี่ นานหลายนาที แน่นอนว่ามีผลต่ออัตราประหยัดอยู่พอสมควร
ทีมรถแต่งซิ่งที่ปิดอุโมงค์พระราม 5 ในวันทดสอบ Bonn test Mode
แต่พอพวกเขาได้ภาพที่ต้องการเท่านั้นแหละ พวกเร่งซิ่งหนีตาย สงสัยกลัวพ่อพวกมันมาจับเอา ..ก็เล่นทำอะไรไม่คิด ..ซึ่งเกรียนแบบนี้ผมไม่ชอบและไม่ปล่อยไว้ลอยนวลแน่น .... คุณอาจจะเคยเห็น Mitsubishi Triton ในแบบที่ค่ายรถยนต์สามเพชรอยากให้เป็น
แต่นาทีนี้ รถแต่งซิ่ง ใส่มิสไซส์ หรือ Miss Firing System ล็อกรอบออกตัวลั่นอุโมงค์สนั่นลั่นทุ่ง ตอนนี้ผมของแปลง Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 เป็นรถตบเกรียนสักนิดเถอะ!! ครับ พวกมันคิดว่ามันจะหนีได้ มันจะเกรียนอย่างไรก็ได้ แต่คิดผิดแน่เมื่อมาเจอผม กับเจ้ากระบะคันนี้
181 แรงม้า ถูกดึงศักยภาพออกมาใช้อย่างเต็มที่ผมออกตัวเกียร์ 1 แล้วกระชากสับสอง เพื่อเบิร์นยางให้ล้อฟรี แล้วพุ่งไปข้างหน้า จากนั้น ตามด้วยเกียร์ 3 - 4- 5 และ 6 ไล่ตบเกรียน รถซิ่งที่คิดว่า แต่งรถแล้วเจ๋งสนุกสนาน
ข้อดีของรถยนต์กระบะ Mitsubishi จากรุ่นสู่รุ่นถูกถ่ายทอดออกมา ในคราบดีเอ็นเอของรถกระบะ สมรรนถะ ที่คุณวางใจได้ แม้ว่า คุณอาจจะเผอเรอกระโดดคอสะพานที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ตามจิกพวกเด็กเกรียนนี่สักนิด ผ่านการทดสอบการเปลี่ยนเลน ในช่วงความเร็วสูง แบบที่คนขับทั่วไปคงไม่ทำแน่ และมันยืนยันว่า คุณยังมั่นใจได้ในการควบคุม ด้วยพวงมาลัยที่เซทมาได้ค่อนข้างสปอร์ตลงตัว มีระยะฟรีค่อนข้างน้อย
และแม้วันนี้อาจจะทำตัวเฮ้!! ไปบ้าง แต่ท้ายสุด Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 ตอบอัตราประหยัดในความลงตัวตามการทดสอบ Bonn Test Mode ก็ยังยืนพื้นที่ 12.05 ก.ม./ลิตร
คุณว่า....การมีกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อจำเป็นหรือไม่ ...ผมตั้งคำถามนี้ ถามท่านผู้อ่านผ่านบทความ รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ กับขับสองยกสูง ..คุณควรจะเลือกอะไร ...ในแมทช์นี้ ..มีความคิดเห็นมากมาย แต่ทุกคนต่างเห็นต้องกันว่า เราไม่ควรจะซื้อรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ ถ้าเราไม่คิดจะหนีตายเข้าป่า .... หรือไม่เคยมีความคิดว่า ..จะต้องลุยป่าฝ่าดง
น้อยคนในบรรดาสื่อมวลชนจะคิดว่า พวกเขาควรจะนำรถกระบะมาทดสอบการใช้งานจริงในเรื่องของการลุย ยิ่งการลุยหมายถึงมีโอกาสจะบาดเจ็บ ค่ายรถยนต์อาจจะกากบาทหัวเข้าบัญชีดำ ห้ามยืมรถทดสอบ แต่แมทช์นี้ ภารกิจพิเศษของเราคือการเอา Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 เข้าป่าจริงจัง ภายใต้ส่วนหนึ่งของการเรียนการขับขี่รถยนต์บนเส้นทางออฟโรด กับโรงเรียนสอนขับเคลื่อนสี่ล้อ Spirit 4X4
การเดินทางออกจากกรุงเทพแต่เช้าในช่วงสุดสัปดาห์ท่ามกลางชีวิตคนทุกวันนี้ ซึ่งผมมีรุ่นพี่คนหนึ่งพูดถูกต้องอย่างที่สุดว่า “ไม่รู้คนทุกวันนี้มีเวลาให้ครอบครัวไหม ..เห็นทำอะไรก็มีแต่จะออกทริป ตั้งแต่จักรยาน บิ๊กไบค์ ยันรถยนต์” และที่พี่เขาพูดมานั้น มันคือผมเลยที่ทำกิจกรรมเยอะแยะตาแป๊ะแตกไปหมด จนท้ายสุดจากคนมีคู่ก็กลายเป็นคนโสดไปโดยปริยาย
เมื่อขับ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 ออกนอกเมือง หนทางนี้ยังอีกยาวไกล เราแปลงร่างตัวเองเก๊กหล่อ นึกว่า เป็นพี่ติ๊กไปค้นหาความหมายชีวิต การขับขี่ยามเช้าไปยังจุดนัดพบต่อด้วยการเดินทางเข้าสู่โรงเรียนที่สวนผึ้ง เราคงต้องซูฮกในเรื่องการเก็บเสียในห้องโดยสาร ซึ่งทำออกมาได้ยอดเยี่ยม
ระหว่างทางในความเร็วเดินทางเหลียวมองหน้าปัดหลังจากสับเกียร์ 6 รอบเครื่องยนต์ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 เท่ากันกับตัวขับสองยกสูง ด้วยความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. มันใช้รอบเครื่องยนต์ที่ 1800 รอบต่อนาที และที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2,000 รอบต่อนาทีเท่านั้น
ท้ายสุดขับนอกเมืองแบบนี้หลายคนอาจจะอยากทราบเรื่องอัตราประหยัดในการเดินทาง เราขับมานับจากเติมน้ำมันครั้งสุดท้าย 211.3 ก.ม. และยังเหลือเดินทางได้อีก 680 ก.ม. ด้วยขนาดถังน้ำมัน 75 ลิตร เราได้อัตราประหยัด 11.8 ก.ม./ลิตร โดยไม่ได้ใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เนื่องจาก ทางมิตซูบิชิไม่ได้ติดตั้งระบบ Cruise Control มาในรถยนต์รุ่นเกียร์ธรรมดา ...น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งถ้าเทียบอัตราประหยัดกับตัวขับสองยกสูง Mitsubishi Triton Plus Double Cab (12.024 ก.ม./ลิตร) ด้วยการเพิ่มระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มอีก 100 ก.ก. ถือว่าไม่ซดต่างกันจนมีนัยยะสำคัญ
การมาเรียนรู้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ อาจจะฟังดูไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญจนคุณต้องเจียดเวลา แต่เมื่อคุณมีรถยนต์ที่พร้อมลุย คุณก็ควรจะมีทักษะมากพอในการที่จะควบคุมรถในสถานการณ์ที่แตกต่างจากบนถนนได้
ที่จริงส่วนตัวผมสามารถขับรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้อยู่แล้วและผ่านคอรามาหลายครั้ง แต่เจ้านายผม นายเต้ย ...ไม่เคยผ่านมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เขาหลอกผมไปเที่ยวเขากระโจมมาแล้ว และทำเอาเราปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย
การพานายเต้ย มาหัดขับลุยจริงจัง ทำให้เราได้รู้สมรรถนะของ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 อย่างแท้จริง ด่านแรกมันพิสูจน์ตัวเองในสนามทดสอบ ซึ่งจำลองสภาพป่าต่างๆ มาให้เราได้เรียนรู้กัน
เนินสลับเป็นอุปสรรคหนึ่งที่คุณอาจจะต้องผ่านในยามที่เข้าป่า และแม้ตลอดการฝึนฝนสภาพจำลองในป่า forest Camp ที่ Spirit 4X4 เราจะได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมาย และผ่านมาได้หลายด่าน เช่น การขึ้นลงทางชัน ขอนไม้ หรือ จะการจำลองสะพานไม้ แต่อุปสรรคหนึ่งที่เป็นปัญหาสำคัญ ของ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 กลับกลายเป็นอะไรที่ง่ายและต้องเจอบ่อยแน่ อย่างเนินสลับเสียอย่างงั้น
เนินสลับเป็นอุปสรรครูปแบบหนึ่ง ซึ่งเส้นทางอาจจะได้รับความเสียหาย จนเป็นหลุม-บ่อต่อเนื่อง และมีความลึกในระดับหนึ่ง ซึ่งรถ จะต้องมีการให้ตัวไม่เท่ากันในแต่ละด้าน ทำให้รถมีการโยนตัวอย่างรุนแรง
จากการทดสอบ ในสภาวะจำลองดังกล่าว พบว่าปัญหาในการใช้งาน Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 นอกถนนดำ นั้นอยู่ที่บันไดข้างตัวรถ ซึ่งติดตั้งต่ำกว่า ศูนย์กลางของล้อทำให้เมื่อล้อตกลงหลุมเกินครึ่ง เสียงครูดคราด ของเนินสีกับบันไดข้าง จะทำให้คุณเซ็งหมดอารมณ์เที่ยวต่ออย่างแน่นอน
และไม่เพียงแค่ในส่วนของบันไดข้างเท่านั้น แต่ในกลุ่มพวกเราที่นำเจ้า Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 มาสังเวยทางป่า ยังพบอีกว่า ยางบังโคลนหลัง ยังเป็นอีกอุปสรรคสำคัญของการลุย และบางครั้งคุณอาจจะต้องสังเวยมันกับเจ้าป่าเจ้าเขาอย่างช่วยไม่ได้ถ้าคิดจะเล่นแรง
จะว่าเรามีประสบการณ์รถยนต์ขาลุยก็คงจะน้อยไปนิด แต่ครูฝึกสอน Spirit 4X4 ที่สอนเจ้านายเต้ยของผม ให้ความเห็นที่ดีในข้อหนึ่งว่า ชุดคลัทช์ที่เซทมาค่อนข้างสูงทำให้ยากต่อการเดินทาง ยิ่งคนขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อจะต้องพบอุปสรรคค่อนข้างมาก บางครั้งอาจจะจำเป็นต้องเลี้ยงคลัทช์บ้าง แม้ว่าในภารวมจะใช้ความเร็วจากรอบเครื่องยนต์เดินเบา หรือที่เราเรียกว่า Walking Speed เสียมากกว่า แต่การปล่อยชุดคลัทช์ที่ต้องกระทืบแล้วปล่อยอย่างรวดเร็วทำให้บางครั้ง อาจจะไม่เอื้อต่อการลุย ซึ่งนั่นเป็นความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ....
หลังจากฝึกปรือกันเรียบร้อย วันต่อมา เราได้ไปลองวิชากันจริงๆ โดยเอา Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 เข้าไปสู่แหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในสวนผึ้ง บางกะม่า ซึ่งในแผ่นที่ของสวนผึ้งแล้ว มันอาจจำไม่ใช่แลนด์มาร์คสำคัญอะไร นอกจากหมู่บ้านชาวบ้าน แต่ด้วยทางเข้าสุดหินชนิดที่รถธรรมดาไปได้ยากที่นี่จึงกลายเป็นห้องเรียนจริงๆ ของ นักขับขาลุยมือใหม่อย่างพวกเรา
การเอา Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 มาลองสภาวะจริง ในการขับขี่เพื่อการลุยขนานแท้ ต้องยอมรับว่า การทำคลัทช์ค่อนข้างสูงทำให้ค่อนข้างยากต่อการขับขี่ในภาวะลุยพอสมควร จริงที่โดยส่วนใหญ่ เวลาที่เราลุยจะใช้ความเร็วต่ำจากเครื่องยนต์มาใช้ในการผ่านอุปสรรคมากกว่า แต่บางครั้งการต้องเปลี่ยนเกียร์เพื่อทดรอบเครื่องก็อาจจะเป็นส่วนที่เลี่ยงไม่ได้
แต่ข้อดีคือความเร็วต่ำของรถที่ให้มาจากเครื่องยนต์ 2.4 Mivec Clean Diesel ค่อนข้างจะพอเพียง และอาจจะอยู่ในขั้นของคำว่าค่อนข้างแรงพอสมควร มันดีในยามที่คุณต้องไต่เนินชัน แต่ด้วยแรงบิดมากบางครั้ง ในจังหวะที่ต้องหยอด คุณจะค้นพบว่า เจ้า Mitsubishi Triton ต้องเหยียบเบรกเลี้ยงช่วย ซึ่งบางครั้งหากใช้เบรกมากเกินไปขับไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้คุณติดในอุปสรรค์ ก็เป็นไปได้
เส้นทางมาบางกะม่านั้น เทียบแล้วถือมันยังอยู่ในระดับเบบี้มาก เนื่องจากภาพเส้นทางไม่ได้เละเทะอย่างที่หลายคนอาจจะมโนเกี่ยวกับเส้นทางออฟโรดว่าต้องบุกป่าฝ่าดง เลอะโคลน อะไรแบบนั้น ทว่าในเส้นทางที่เรากำลังขับแม้จะสั้นๆ แต่ก็ครบครัน ไม่ว่าจะการไต่เนินชัน ทางลูกรังที่ใช้ความเร็วได้ หรือ สภาพเส้นทางที่พุพัง ตามการใช้งานขาดการเกหลียวแล
จากที่มอง คิดว่าในช่วงหน้าฝนมันน่าจะเป็นเส้นทางหนึ่งที่มีความยากลำบากในการเข้าถึงหมู่บ้าน และถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางเดียวที่พวกเขาจะใช้ หากต้องการออกไปติดต่อโลกภายนอก
ภาพระหว่างการลุยไป บางกะม่า
การลุยทำให้เรารู้ลึกถึงปัญหาจากการออกแบบเพื่อใช้ในการขับขี่ของ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 เหนือสิ่งอื่นใด หลายคนอาจจะใคร่อยากทราบเกี่ยวกับสมรรถนะตัวรถอย่างจริงจัง เราก็พร้อมแล้ว ในการเข้าสู่ Performance Test
ค่ำคืนที่เงียบสงัด ถนนที่หลายคนรู้จักกันดีแห่งหนึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพผมและ นายเต้ย นัดพบกันเพื่อทดสอบ สมรรถนะอย่างจริงจังกันในเจ้ากระบะ ที่หลายคนเริ่มเห็นความดีของมัน หลังจากคู่แข่งรายสุดท้ายเปิดตัวออกมา
การทดสอบอัตราเร่ง เป็นเรื่องที่เร่งไม่ได้ในยุคนี้ แม้ว่าคุณคงไม่คิดจะเอา Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 ไปบู้ล้างผลาญในการขับขี่ แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องในการใครจะรู้ว่า มันจะเร่งดีเท่าไร
ในการทดสอบเกียร์ธรรมดา เรียนตามตรงว่าเราต้องขับหลายครั้ง ในการทดสอบอัตราเร่ง แล้ว นำเวลาที่ดีที่สุด สามครั้งมาหาค่าเวลาเฉลี่ยอัตราเร่ง ซึ่งในวันนี้เราได้อัตราเร่งของ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 จากการนั่งสองคน แอร์เย็นเพลงเพราะ ออกตัวธรรมดา ไม่กระชากคลัทช์ ในโหมด 2 H ดังนี้
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม |
11.09 |
11.08 |
10.99 |
11.05 |
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. |
7.00 |
9.00 |
8.00 |
8.00 |
*หมายเหตุจับเวลาจาก GPS ผ่าน Application Torque
จากเวลาในการทดสอบอัตราเร่ง เมื่อเทียบกับกระบะรุ่นอื่นๆ ที่เคยผ่านมือเรา มา คงต้องยอมรับว่า Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 มีอัตราเร่งที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ อย่างชัดเจน ด้วยการตอบโจทย์การออกแบบเครื่องยนต์วิศวกรรมให้มีระบบวาล์วแปรผัน ซึ่งยังไม่มีค่ายไหนทำมาก่อนในตลาดรถยนต์กระบะเครื่องดีเซล
ความท้าทายของเครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่ผนวกรวมเอาสมรรถนะมาบรรจบความประหยัดจะเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งเมื่อออกตัวกดคันเร่ง รถจะพุ่งโผนโจนทะยานอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอรอบของเทอร์โบชาร์ หลายครั้งที่เราออกตัวล้อฟรีโดยไม่ตั้งใจ นั่นทำให้นึกถึงว่า รถน่าจะมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรีเข้ามาได้แล้ว แม้จะในรุ่นเกียร์ธรรมดาก็ตามที
และหากทาง Mitsubishi ตัดสินใจนำระบบป้องกันล้อหมุนฟรีเข้ามาใส่ในอนาคต มันคงจะออกตัวได้ดีกว่านี้ ทำเวลาดีกว่านี้ และในความน่าจะเป็นดังกล่าวก็ทำให้ Mitsubishi Triton จะเป็นรถกระบะจากโรงงานที่เร็วที่สุดเรื่องอัตราเร่ง น่าเสียดายที่พวกเขาล็อคความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 185 ก.ม./ช.ม. ซึ่งมันน่าจะทำความเร็วได้มากกว่านี้ ทว่าคุณจะเอาอะไรกับรถกระบะ มันเป็นรถที่ไม่ได้เน้นซิ่งนี่นะ
สรุป Mitsubishi Trion 4 WD มีดีกว่าที่คิด .... จงอย่ามองข้ามมันไป
กระจังหน้าที่ไม่ลงตัว ทำให้ การออกแบบ Mitsubishi Triton ใหม่ ทุกรุ่นดูขัดสายตาเรามาตั้งแต่แรกเริ่ม จนหลายคนพร้อมจะมองข้ามมันไป เนื่องจากความไม่ลงตัวดังกล่าว และก้ามข้ามไปหาคู่แข่งที่มีเสน่ห์ในการออกแบบมากกว่าบางค่าย
จริงที่ภายนอกในหลายมุม ของ Mitsubishi Triton จะดูแอบประหลาด ตั้งแต่กระจังหน้าที่เราได้กล่าวไปแล้ว หรือจะเป็นบั้นท้าย ซึ่งดูแล้วไฟท้ายออกแบบมาค่อนข้างจะเล็กไปกับขนาดตัวรถ และในความคิดเห็นเราอยากให้ ค่ายทรีไดมอนด์มองถึงการติดตั้งชุดสปอร์ตบาร์เข้ามาให้ลูกค้า ซึ่งจะทำให้รถดูน่าใช้มากขึ้น
บนถนนมันเป็นรถที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยม Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 รุ่นเกียร์ธรรมดา เป็นรถยนต์ที่มีอัตราเร่ง ที่ดีเกินตัวจากความทันสมัยของเครื่องยนต์
แต่อาจจะด้วยเหตุอันใดก็แล้วแต่ Mitsubishi กลับไม่ค่อยใยดีเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะการขาดระบบควบคุมการทรงตัว และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีในรถยนต์ราคา 950,000 บาท ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องเร่งกลับไปพิจารณา เนื่องจากรถที่มีเฟืองท้ายแบบ Limited Slip เมื่อเจอกับเครื่องยนต์ที่มีกำลังแรงบิดสูง อาจจะมีอาการท้ายปัดได้ง่ายจนหลายคนอาจจะไม่คาดคิด ถ้าขาดทักษะในการควบคุมที่ดี มันคงจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยที่คุณก็ไม่รู้ตัวมาก่อน
ในขณะที่ความดีความชอบของตัวรถ ก็คงไม่พ้นภายในห้องโดยสารที่ออกแบบมาได้ดีลงตัวในระดับน่าพอใช้ ยิ่งการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร หรือ การนั่งอันสะดวกสายตัวรถกลับตอบโจทย์ได้ดี จนอยู่ในระดับแถวหน้า โดยเฉพาะเบาะหลังออกแบบนั่งสบายลงตัว ถือยังเป็นส่วนสำคัญ ทำให้ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 ได้คะแนนจากในเราในจุดนี้ไป
อย่างไรก็ดีหากคุณต้องการรถลุยขนานแท้ ไม่ได้เน้นอะไรหวือหวาในการขับขี่ บางอาจจะลองมอง Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 ตัวโลว์ ราคา 837,000 บาท
มันแตกต่างเพียง ล้ออัลลอยขอบ 17 จะลดเหลือเพียง 16 นิ้ว ยางมีขอบแก้มสูงขึ้น จาก 245/65/R17 เป็น 245/70/R16 ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อม ไฟ HID รวมถึง Daytime Running Light ถูกทอนออกไป ส่วนภายในมันขาดระบบกุญแจ KOS และ ปุ่มสตาร์ท รวมถึงหัวเกียร์ไม่ได้หุ้มหนัง และวิทยุเครื่องเสียงภายในรถเป็นเพียงระบบ 2 DIN มีลำโพงเพียง 4 จุด ส่วนเครื่องยนต์และชุดเกียร์เหมือนกัน ถามเรารุ่นประหยัดก็อเพียงถ้าคุณจะต้องนำรถไปถลุงในป่า
ภาพรวมของ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 รุ่นเกียร์ธรรมดา มันครบเครื่อง ครบครัน ดุและดิบ แต่ยังครบองค์เรื่องความทันสมัยในออพชั่นการขับขี่ เว้นเพียงการจากออพชั่นบางตัว ที่ดูไม่จำเป็น ทว่าบ้างก็เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับความปลอดภัย จนเราอยากให้ทีมวิศวกรพิจารณาในเรื่องออพชั่นบางส่วนใหม่โดยทันที
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
รถทดสอบ Mitsubishi Triton Double Cab 4X4
ราคาจำหน่าย 950,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> เครื่องยนต์ที่เร้าใจในการขับขี่ สมรรถนะที่ลงตัวควบคุมสั่งได้ ไปจนถึงภายในห้องโดยสารที่นั่งได้อย่างสะดวกสบาย โดยเฉพาะ เบาะนั่งตอนหลัง มันยังเป็นโจทย์ที่มีความลงตัวในการขับขี่อย่างไม่น่าเชื่อของ รถ Mitsubishi Triton ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> แต่ในขณะที่รถดูลงตัว มันกลับขาดบางออพชั่นในด้านปลอดภัยไปอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะระบบควบคุมการทรงตัวและระบบป้องล้อหมุนฟรี เป็นสิ่งที่สมควรจะมีมาให้เพื่อเสริมความมั่นใจในการขับขี่ ยิ่งเครื่องยนต์สมรรถนะดี จนท้ายออกเป็นว่าเล่น เรียกว่า ต้อง....มีเลยจะดีกว่า
สิ่งที่อยากให้มี >>> ทว่าในบางออพชั่นที่ดูเหมือนไม่จำเป็นและไม่มีมาให้ บางครั้งก็น่าจะจำเป็นนำ โดยเฉพาะระบบ Cruise Control ซึ่งสามารถติดตั้งมาให้ได้ และ ด้วยการออกแบบของรถ เราอยากให้พิจารณาติดตั้งสปอร์ตบาร์ให้กับตัวรถในอนาคต น่าจะทำให้ลงตัวมากกว่านี้
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >>>> ถ้าคุณต้องการรถลุยที่มีกำลังขับดีเยี่ยม Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีความน่าสนใจ แต่บางอย่างก็ขาดไปอย่างไม่น่าให้อภัย โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขับขี่ มันคือโจทย์ที่ทำให้รถไม่ลงตัว ดังนั้นถ้าไม่คิดเรื่องออพชั่นมากมาย ต้องการรถลุยที่ดูดี ตัว 837,000 บาท ก็น่าสนใจนะครับ
ตารางแสดงการเปรียบเทียบอัตราประหยัดน้ำมัน
|
Mitsubishi Triton Double Cab 4X4 (ก.ม./ลิตร) |
Mitsubishi Triton Plus Double Cab (ก.ม./ลิตร) |
Bonn Test Mode |
16.02 |
12.05 |
อัตราประหยัดในเมือง |
8.07 |
10.36 |
อัตราประหยัดนอกเมือง |
12.024 |
11.8 |
[GALLERY1420]