Hands On : MG5 1.5 Turbo X ...เล็กพริกขี้หนูลงตัวกว่าที่เคย ...
- โดย : Autodeft
- 11 พ.ย. 58 00:00
- 18,425 อ่าน
ขับก่อนใครกับว่าที่รถยนต์รุ่นใหม่จาก MG เมื่อเราได้รับเชิญขับรถยนต์ MG5 1.5 Turbo ก่อนการเปิดตัว สมรรถนะของมันจะเป็นอย่างไร ...
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
การเดินทางของ MG ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงน้ำจิ้มเรียกน้ำย่อย พวกเขาส่งรถยนต์ออกมาทำตลาดแล้วถึง 2 รุ่น ได้ แก่ รถยนต์คอมแพ็คซีดาน MG 6 ที่เพิ่งจะมีการปรับโฉมไปหมาด และก่อนหน้านั้นก็มีส่งรุ่นเล็กออกมาทำตลาดในนาม MG 3 และในกลางเดือนนี้รุ่นใหม่ของพวกเขาเป็นรุ่นที่ 3 ของ การทำตลาด MG ในประเทศไทย .... รถยนต์ MG 5 ก็พร้อมแล้วที่จะเปิดตัววางจำหน่าย ...และถือเป็นโชคดีของเราที่ได้ลองรถคันนี้ก่อนที่รถจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ตัวตน MG 5 ใหม่ เห็นครั้งแรกก็ตอนค้นข้อมูลบนโลกไซเบอร์หลังจากที่รถคันนี้เปิดตัวอย่างเป็นทากงารในประเทศอังกฤษ ซึ่งรถยนต์ MG 5 ถูกแนะนำในชื่อ “MG GT” เรียกว่าแค่ชื่อก็มีชัยไปกว่าครึ่ง.. และมันยังสื่อถึงความตั้งใจของ MG ในการพัฒนารถยนต์คันนี้ให้มีศักยภาพในการขับขี่มากว่าเดิม ตลอดจนถูกต้องตามความต้องการของแบรนด์ MG ที่มีจิตวิญญาณมาจากการแข่งขันในสนามแล้วจัดการแพ็ควิศวกรรมต่างๆ จากสนามมาสู่ถนน เพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่
รถยนต์ MG5 ใหม่
เจอตัวจริง MG 5 ครั้งแรก ตัวรถสร้างความประทับใจในการออกแบบอย่างมาก แม้จะไม่ใช่รถที่ดูแล้วเน้นความหวือหวาทางการออกแบบแต่ก็สื่อให้เห็นว่าทาง MG มีความตั้งใจมากในการพัฒนารถยนต์ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม พวกเขายังคงสไตล์การอออกแบบตามแนวทางของ MG ที่ทั้งเน้นความเรียบง่ายแต่ดูดี ตามแบบฉบับของรถยนต์จากประเทศอังกฤษ
ด้านหน้าการออกแบบค่อนข้างจะคุ้นเคยกันแล้วกับเส้นสายและวิถีทางของ MG ในการสร้างรถยนต์ที่มี่เสน่ห์ในการออกแบบที่มีความสปอร์ตมากกว่าแนวทางด้านอื่นกระจังหน้าขนาดเล็กมาพร้อมกับกันชนหน้าที่เพิ่มความดูดีในตัวตนสปอร์ต เสริมภาพลักษณ์ความทันสมัยด้วยไฟ Daytime Running Light L Shape ดูดีมาสไตล์เพิ่มความลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมฝากระโปรงหน้ายังรู้สึกถึงความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยเส้นสายคมสันจมูกฝากระโปรงหน้าแบบ V Shape ทาง MG บอกว่า แรงบันดาลใจจลวดลสยมาจากธงชาติอังกฤษ – ยูเนี่ยนแจ็ค รับเข้ากับทางด้านหน้ารับเข้ากับโลโก้ขนาดใหญ่ทางด้านหน้า
เส้นสายทางด้านข้างตัวรถสื่อสารความเรียบง่ายในการออกแบบ แม้จะไม่ได้เน้นความหวือหวาอะไรมากมายนัก แต่ก็ถือว่าลงตัวในสไตล์ความเป็นผู้ดีที่ สง่ามากขึ้นเมื่อครบองค์กับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ่ว จัดมาให้เต็มสมรรถนะการขับขี่กับยาง Bridgestone Turanza ER30 ขนาดตามมาตรฐานรถยนต์คอมแพ็คคาร์ 205/55/ R16
และท้ายสุดเรื่องการออกแบบลงตัวกับช่วงท้ายที่ออกมาในสไตล์คล้ายคลึงตัว Fast Back ใน MG 6 ด้วยทรวดทรง Coupe Like ตลอดจนบั้นท้ายที่ดูแล้วสวยสง่ามีราศีมากขึ้นกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา ด้วยไฟท้ายทรงยาว ช่วยทำให้รถรุ่นนี้มีมิติความกว้างมากขึ้นในสบายตา ทั้งยังออกแบบให้มีความสปอร์ตมากขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้าย แอบ Built-in Spoiler หลังในตัว และจะลืมกล่าวถึงคงไม่ได้กับชุดหลังคามูนรูฟ สื่อสารตัวตนชัดเจนว่า MG5 เกิดมาเพื่อความสปอร์ตอย่างแท้จริง
ดูจากสายตา เรือนร่าง MG 5 ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ไม่น่าแปลกใจเลยที่รถคันนี้จะมีความลงตัวในการใช้งานมากกว่ารถซิตี้คาร์ระดับซับคอมแพ็คคาร์ทั่วไป ด้วยการนำเสนอตัวตนแบบ B+ Segment เสียบกลางเอาใจคนที่อยากได้อะไรมากกว่ารถยนต์ซิตี้คาร์ธรรมดาสักคัน ด้วยความยาวตลอดคัน 4,612 มม. กว้าง 1,804 มม. และสูง 1,488มม. ตัวรถมาพร้อมกับขนาดฐานล้อยาว 2,650 มม. เรียกว่ามากพอสำหรับคนที่ต้องการรถยนต์ที่ทั้งคล่องตัว แต่ยังมีฟังชั่นการใช้งานพอสมควรในระดับที่น่าพอใจ
เปิดประตูย่างเท้าขึ้น MG 5 เจ้าน้องใหม่ค่ายอังกฤษเจ้านี้ต้อนรับด้วยความเรียบง่ายเหมือนเดิมเหมือนที่ผ่านมา เบาะนั่งในรุ่นที่ได้มีโอกาสลองขับทดสอบวันนี้ ( MG5 1.5 Turbo X ) เป็นแบบเบาะหนัง ซึ่งทาง MG กล่าวกับเราก่อนขึ้นขับว่าลูกค้าสามารถเลือก Combination ภายในห้องโดยสารได้ ระหว่างสีดำและสีเทาตามความชอบ ตัวเบาะเองใช้งานง่าย การปรับที่นั่งสูงต่ำหรือเดินหน้าถอยหลัง ทั้งหมดทำด้วยมือทั้งสิ้น ตลอดจนคุณภาพการนั่งบนเบาะหนังแท้ผสมกับหนังสังเคราะห์ ในระหว่างการขับขี่ถือว่ากำลังดีให้ความสบายมากกว่าการเน้นโอบกระชับให้ฟีลลิ่งความสปอร์ต ที่เรารู้สึกได้จากตัวตนภายนอก ยิ่งเมื่อมองภายในห้องโดยสาร กับตรงหน้าคนขับที่มาพร้อมพวงมาลัย4 ก้าน พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย เรากลับรู้สึกว่ามันดูขัดตาไปเล็กน้อย แทนที่จะออกแบบพวงมาลัยให้เป็นสไตล์สามก้านสื่อความสปอร์ตมาเต็มอารมณ์ไปเลยน่าจะดีกว่า
ตรงกลางคอนโซลหน้าที่ทำออกเรียบง่าย ทาง MG จัดการยัดชุดจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วของระบบเครื่องเสียงภายในรถ ทั้งยังแสดงผลข้อมูลระบบ Inkanet ใหม่ที่มีการอัพเดทเวอร์ชั่นให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น แต่เนื่องด้วยเวลาที่จำกัดเราจึงยังไม่มีโอกาสลองระบบดังกล่าวกันอย่างจริงจัง
แต่เราไม่ลืมที่จะทดลองเบาะนั่งตอนหลังของรถยนต์ MG 5 ซึ่งน่าชื่นชมด้วยพื้นที่วางขากว้างมาก จนสามารถนั่งไขว่ห้างท่าผู้บริหารได้อย่างสบาย โดยเฉพาะใครที่ขายาวอย่างผู้เขียน (ผมมีความสูง 182 ซ.ม). ทว่าด้วยทรวดทรงการออกแบบหลังคาแบบ Coupe Like ก็สร้างปัญหาความรู้สึกอึดอัดบ้างเรื่องพื้นที่เหนือหัว แถมหมอนรองคอตอนหลังของ MG5 ไม่สามารถปรับระดับได้ เพราะเย็บติดพนักพิงหลัง และท้ายสุดใครที่เป็นพวกบ้าคนของ ใช้งานรถผิดประเภททั้งหลาย อาจจะต้องเซ็งจิตสักนิด เนื่องด้วยเบาะตอนหลัง MG 5 สามารถปรับพับได้แบบ 100% เท่านั้นไม่สามารถแยกพับได้....เป็นจุดบอดสำคัญของรถคันนี้
หัวหมอนเบาะหลังรถยนต์ MG5
เปิดฝากระโปรงขึ้นมาวันนี้ โชคดีได้ขับเจ้า MG 5 ใหม่ ในรุ่น 1.5 Turbo ขุมพลังบล็อกใหม่ล่าสุดของสำนัก MG แนะนำตัวตนด้วยเครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียงขนาด 1.5 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ กำลังวังชาอาจจะไม่มากมายนักแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ ที่ขาแรงแค่ได้ยินก็กระสัน ด้วยกำลังสูงสุดเพียง 129 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ปรับจูนให้มาต่ออเนื่องตั้งแต่ 2,000 -4,400 รอบต่อนาที มากพอจะฟัดเหวี่ยงกับรุ่นใหญ่ในกลุ่มเครื่องยนต์ 1.8-2.0 ลิตรได้
ที่สำคัญที่สุดใครกังวลและเหนื่อยหน่ายกับระบบเกียร์คลัทช์คู่ หรือกังขาในสมรรถนะของเกียร์ Selecmatic เดิม ใน MG 5 ทางค่ายรถยนต์รายนี้ตัดสินใจเปลี่ยนกลับมาใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แถมยังมีโหมด Sport หรือจะเน้นขับเองก็ได้ด้วยโหมด Manual สั่งได้ดั่งใจ
เหยียบคันเร่งลงไปออกตัวครั้งแรก MG 5 ตอบสนองช้าไปเล็กน้อยในขณะที่รถเริ่มออกตัว เป็นความรู้สึกแรกที่ผมไม่ค่อยประทับใจนัก ทั้งที่รถก็ไม่ได้ใหญ่มากมากยแถมน้ำหนักตัวพิกัด 1,315 กก. ก็ไม่ได้หนักอะไรมากมายนัก แต่เมื่อถึงช่วงเทอร์โบเข้ามารับหน้าที่เสริมสมรรถนะในการทำงาน MG5 ก็พุ่งทะยานแบบหูดับตับไหม้ จนเริ่มประทับใจในสมรรถนะของมัน
เข้าโค้งแรก MG 5 พาเราสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้น เมื่อระบบกันสะเทือนตอบสนองอารมณ์มันส์ในการฟัดเหวี่ยงในสนาม ด้วยการเซทระบบกันสะเทือนแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงทางด้านหน้า และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม H Shape และคานขวางแบบ U Shape สัมผัสความรู้สึกตอนเข้าโค้งครั้งแรก รถมีเสถียรภาพในการขับขี่มาพอสมควร อาการโคลงของรถค่อนข้างน้อยกว่ารถยนต์ขับหน้ารุ่นอื่นๆ ที่ใช้ช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีมที่เคยสัมผัสมา ตลอดจนสมดุลในขณะเข้าโค้งอยู่ในระดับที่ดีจนเราสามารถคุมอาการการแหกโค้งได้ง่าย
แต่ MG 5 กำลังจะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งเมื่อเราผ่านสถานีสลาลอม เราเริ่มจากการโยกขวา การตอบสนองพวงมาลัยค่อนข้างฉับไวและทำออกมาได้ความรู้สึกอารมณ์สปอร์ตในการขับขี่พอสมควร พวงมาลัยมีจังหวะฟรีเล็กน้อยแต่เน้นการตอบสนองจังหวะหักเลี้ยวได้ดีค่อนข้างเป็นธรรมชาติในการใช้งาน แม้ว่านี่คือชุดพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS แต่การตอบสนองในระหว่างที่คุณอาจจะต้องใช้พวงมาลัยรวดเร็วไปมาต่อเนื่อง เช่นการมุดแซงบนถนนก็ดูน่าจะทำได้อย่างมั่นใจ
นักทดสอบรถยนต์ Autodeft.com นาย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ด้านการตอบสนองช่วงล่างเป็นเรื่องน่าแปลกที่มีรถยนต์ขับหน้ากับมีความรู้สึกในการตอบสนองที่คล้ายรถยนต์ประเภทขับหลัง ซึ่งอาการดังกล่าวหวนให้เรารำลึกถึงรถยนต์ MG6 Turbo Fast Back ที่มีโอกาสสัมผัสไปก่อนหน้านี้ 2 เดือนก่อนหน้านี้
อาการดังกล่าวเป็นการให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ดีในความสปอร์ต แสดงถึงตัวรถมีสมดุลในการจัดวางน้ำหนักที่ดี ช่วยให้รถสามารถควบคุมได้ง่าย ซึ่งทาง MG ได้เฉลยข้อเท็จจริงหนึ่งว่าพวกเขาพยายามวางเครื่องให้ถอยร่นเข้ามาหาตรงกลางรถมากขึ้นเพื่อลดอาการหน้าดื้อในขณะเข้าโค้ง (Under Steer) ทำให้ MG5 มีสมดุลการถ่ายเทน้ำหนักที่ดีขึ้นกว่ารถทั่วๆ ไป รวมถึง
เราไม่แปลกใจเมื่อนึกถึงทรวดทรงคูเป้คล้ายท้าย Fast Back ที่ทำให้ MG 5 เป็นรถท้ายสั้น ช่วยให้ควบคุมง่าย และมีอาการท้ายออกหรือ Over Steer ง่ายขึ้นสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ และท้ายสุดด้วยการเซทช่วงล่างเพื่อให้มีการเกาะถนนและตอบสนองการขับขี่ที่สนุกสนานแต่ยังดีพอที่จะให้ความสบายไปพร้อมกันไม่รู้สึกกระด้างในการขับขี่มากมายจนเกินไปนัก ก็ทำให้ MG5 เป็นรถที่ครบองค์ประกอบในเรื่องการขับขี่ และกลายเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมาทันที
MG 5 ใหม่ กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ และหลังจากที่เราก้าวลงรถคันนี้มาจากการทดสอบบนสนามทดสอบสั้นๆ ของ MG ก็เชื่อว่ามันน่าจะเป็นรถที่ถูกใจสำหรับใครที่ต้องการรถยนต์ไว้ใช้งานในเมืองและชอบขับรถที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ .... ซึ่งวันนี้ MG5 เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้ามไป ....ขอเพียงราคาน่าคบหา ก็น่าจะขายได้ดี ...อีกรุ่น
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@nattayodc)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1775]